xs
xsm
sm
md
lg

ล้างบาง “เด็กกิ๊ก”พ้นบช.ก.ออกหมายจับเพิ่มอีก2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สมยศ" เผยยังไม่ตัดสินใจเลือกใครนั่งเก้าอี้ผบช.ก.คนใหม่ ย้ำต้องทำงานสนองนโยบายรัฐบาลได้ดี ออกหมายจับเพิ่ม "ทรงพล" คนสนิท พล.ต.ต.โกวิทย์ - "พ.ต.ท.ทรงรักษ์" คนสนิทอดีต ผบช.ก.ที่หายตัวไปหลังเกิดเรื่อง “บิ๊กป้อม” ปธ.ก.ตร.กำชับโยกตำรวจสังกัด บช.ก.เครือข่าย "พงศ์พัฒน์" พ้นหน่วย คาดบัญชีรายชื่ออาจสูงกว่า 200 นายทั้งระดับรอง ผบก.-สว. ขีดเส้นส่งบัญชีรายชื่อ 15 ธ.ค.นี้ วางคิวเคาะก่อนสิ้นปี มีผล 5 ม.ค.58

วานนี้ (15 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำแหรวงแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) คนใหม่ แทน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ว่า เมื่อถึงเวลาก็ต้องแต่งตั้งคนที่จะมาทำหน้าที่ ผบช.ก.คนใหม่อย่างแน่นอน ส่วนการที่ให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ไปรักษาราชการแทน ผบช.ก.นั้น เนื่องจากเห็นว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเลือกใครเข้ามาทำหน้าที่ ผบช.ก.ตัวจริง ทั้งนี้จะต้องนำเรื่องนี้ไปหารือผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะกำกับดูแล สตช. ตนคงไม่ได้ตัดสินใจเพียงลำพัง

อึกอัก “ฐิติราช” เต็ง ผบช.ก.

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะใช่ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.ก. ที่มีกระแสข่าวว่าจะขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบช.ก.คนใหม่หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า พล.ต.ต.ฐิติราชก็เป็นรอง ผบช.ก. ที่มีความรู้ความสามารถ หรือรอง ผบช.ก.คนอื่นๆก็สามารถทำหน้าที่ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกคนที่อยู่ใน หรือนอกหน่วยงานขึ้นมาเป็น ผบช.ก.คนใหม่ แต่ถึงที่สุดแล้ว หากต้องตัดสินใจก็จะเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และสามารถทำงานสนองนโยบายของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวด้วยว่า สำหรับกำหนดการแต่งตั้งนั้น ต้องรอให้การแต่งตั้งตำรวจระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) - สารวัตร (สว.) เสร็จสิ้นไปก่อน แล้วจึงจะดำเนินการ นอกจากนี้อาจมีการแต่งตั้งผู้เข้ามารักษาการ ผบช.ก.แทน พล.ต.ท.ประวุฒิ ก็เป็นได้ หากว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมและมีประโยชน์ต่อสำนักงานสอบสวนกลาง และพี่น้องประชาชน ขณะนี้

บรรยากาศใน บช.ก.ยังคงปกติดี เนื่องจาก พล.ต.ท.ประวุฒิ มีการประชุมชี้แจงอธิบายทำความเข้าใจกับข้าราชการตำรวจในสังกัด ไม่ให้ตื่นตระหนกตกใจ เพราะตนมีนโยบายชัดเจนให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานอย่างเคร่งครัด ไม่กลั่นแกล้งหรือใส่ร้ายป้ายสี

อ้างโยกย้ายเรื่องปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าตำรวจในสังกัด บช.ก. ได้ขอย้ายออกบ้างหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องสอบถาม พล.ต.ท.ประวุฒิ เพราะตนจะไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงาน ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีหนังสือเวียนถามข้าราชการตำรวจว่า ใครอาสาเข้ามาอยู่ บช.ก.หรือไม่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎกติกา ผู้ที่มีความรู้ความสามารถทำงานได้ก็มีสิทธิ์ทุกคนที่จะเข้ามา ทั้งนี้ เรื่องโยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งเป็นเรื่องปกติขององค์กร ถ้าไม่โยกย้ายคือผิดปกติ ส่วนกรณีการสอบสวนทางวินัยผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการตำรวจในเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์นั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานผลสรุปของทางจเรตำรวจ ถ้าหากการสอบสวนพบว่ามีมูลความผิดตามที่มีการกล่าวหา ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน ไม่ว่าจะปลดออก ให้ออก หรือไล่ออก

“ขั้นตอนหลังจากนี้หากพบข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดก็จะพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป เช่น อาจต้องดำเนินการถอดยศ คืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นต้น ซึ่งมีขั้นตอนในการดำเนินการระบุอยู่ในระเบียบทั้งสิ้น ขอยืนยันว่าทุกอย่างจะทำไปตามขั้นตอนของกฎหมายและพยานหลักฐานที่ปรากฏ ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือล้างบางใคร” ผบ.ตร.ระบุ

ปัดเคยปูดมี 50 ตร.ร่วมแก๊งกิ๊ก

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สมยศ เคยระบุว่ายังมีนายตำรวจเกี่ยวข้องกับขบวนการ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อีกจำนวนมาก แต่สุดท้ายก็ไม่พบ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนที่มีความคิดความเห็นปรากฏออกไปตามสื่อมวลชน ทางตำรวจไม่ได้ให้สัมภาษณ์หรือแถลงระบุชัดเจนว่ามีนายตำรวจสิบคนยี่สิบคน หรือห้าสิบคนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกระทำความผิดในครั้งนี้ โดยหลังจากการสอบสวนทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ เมื่อเขาไม่ผิดก็คือไม่ผิด ถ้าสอบสวนพบว่าเขาผิดก็ต้องดำเนินการ ตรงนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า กรณีเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นเรื่องของบุคคล เป็นเรื่องของมนุษย์ ถ้ามนุษย์ไม่มีความโลภโกธรหลง ไม่มีซึ่งกิเลสตัณหา เรื่องดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้น

หมายจับเพิ่มอีกสองร่วมฟอกเงิน

ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่า ขณะนี้ศาลอาญารัชดาได้ออกหมายจับ นายทรงพล ทองสิน คนสนิทของ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก. โดยหมายจับเลขที่ 2263/2557 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2557 ระบุว่า นายทรงพล มีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ขณะที่วันเดียวกันศาลอาญารัชดาก็ได้ออกหมายจับเลขที่ 2264/2557 พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รอง ผกก.6 บก.ป. ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินเช่นเดียวกัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้หลบหนีไม่ยอมมารายงานตัวตามหมายเรียกเข้าให้ปากคำของ สตช. กระทั่งถูกออกหมายจับดังกล่าว

จ่อล้างบางเด็ก "บิ๊กกิ๊ก" พ้น บช.ก.

รายงานข่าวจาก สตช.แจ้งว่า ภายหลังจากได้มีการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พร้อมข้าราชการตำรวจเครือข่ายอีกจำนวนหนึ่ง ส่งผลให้มีตำแหน่งว่างในสังกัด บช.ก.เพิ่มขึ้นจากเดิมหลายตำแหน่ง ประกอบกับข้าราชการตำรวจใน บช.ก.ที่จะได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งสูงขึ้นไม่ครบหลักเกณฑ์เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งมีรายงานว่าในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก. - สว. วาระประจำปี 2557 ในสังกัด บช.ก.และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีนโยบายการปรับโยกนายตำรวจที่เชื่อว่าเป็นเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ออกนอกหน่วย พร้อมทั้งยังกำชับไม่ให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่สังกัดใน บช.น., กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) หรือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-2 และ 7 โดยจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่เป็นเวลา 2 ปี

สำหรับรายชื่อนายตำรวจที่เชื่อว่าเป็นเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้มีการส่งมอบให้กับ พล.ต.อ.สมยศ แล้ว ทาง พล.ต.อ.สมยศก็ได้ส่งรายชื่อดังกล่าวไปยัง สำนักงานกำลังพล (สกพ.) และให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ รับไปจัดทำบัญชีตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร แล้ว

สลับตำแหน่ง 262 นาย

ขณะเดียวกันมีรายงานว่ามีรายชื่อนายตำรวจที่จะถูกโยกย้ายออกจาก บช.ก.และ บช.น.มีจำนวนถึง 262 นาย แยกระดับรอง ผบก. จำนวน 24 นาย ระดับผู้กำกับ (ผกก.)จำนวน 52 นาย ระดับรอง ผกก.จำนวน 85 นาย และระดับ สว. จำนวน 102 นาย ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ประวุฒิ ได้ทำหนังสือบันทึกข้อความเลขที่ 0026.112/9169 ถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) หรือตำแหน่งเทียบเท่าผู้บังคับการ (ผบก.) ในสังกัดสำนักงาน ผบ.ตร.หรือตำแหน่งเทียบเท่า เพื่อสอบถามว่ามีข้าราชการตำรวจในระดับรอง ผบก.-สว.รายที่ใดประสงค์จะไปดำรงตำแหน่งในสังกัด บช.ก.หรือไม่ หากมีให้ข้าราชการตำรวจดังกล่าวทำหนังสือสมัครใจตามแบบฟอร์มพร้อมแนบประวัติการรับราชการ (กพ.7) ส่งไปยัง บช.ก.ภายในวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก.-สว.วาระประจำปี 2557 นั้นทุกหน่วยงานจะต้องจัดทำบัญชีคัดเลือกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ธ.ค. ส่วนผู้ที่ดำรงตำแหน่งไม่ถึง 2 ปี นั้นจะมีการส่งชื่อขอยกเว้นในวันที่ 17 ธ.ค.แล้วจึงส่งรายชื่อ ผู้ที่ได้รับการพิจารณาให้ดำรงในตำแหน่งที่สูงขึ้นระดับ รอง ผบก.และ ผกก.เข้าวาระ ก.ตร. เพื่อขอมติเห็นชอบในการประชุม ก.ตร. ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ โดย ผบ.ตร.จะลงนามคำสั่งแต่งตั้งในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ ก่อนมีผลในวันที่ 5 ม.ค.58

ตร.ชิ่งหนี บช.ก.จ้าละหวั่น

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับการแต่งตั้งล้างบางครั้งใหญ่ กองบัญชาการต่างๆทั่วประเทศ โดย บก.ที่มีผู้ถูกเสนอชื่อโยกย้ายออกนอกหน่วยมากที่สุดคือ ตำรวจในสังกัดกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งถูกเสนอชื่อออกนอกหน่วยมากถึง 50-60 นาย หรือคิดเป็น 25% ของตำรวจทั้งหมดที่จะถูกโยกย้าย

ทั้งนี้ ผู้ที่จะถูกโยกย้ายนั้นส่วนใหญ่แล้วถูกกำหนดให้ไปสังกัดอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ โดยผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่าเพื่อเป็นการลงโทษจากการกระทำความผิดร่วมกับเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ แม้ว่าจะไม่ได้ถูกดำเนินคดีด้วยก็ตาม แต่การโยกย้ายเริ่มประสบปัญหา เนื่องจากจำนวนตำรวจที่ถูกย้ายออกจาก บช.ก.นั้นมีจำนวนมากกว่านายตำรวจที่สมัครใจจะมาอยู่ในสังกัด บช.ก.

รองผู้การฯกองปราบฯว่าง 7 ที่

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในส่วนของ บก.ป.นั้น รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.ป.) ถูกโยกย้ายออกหนอกหน่วยประกอบด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ พ.ต.อ.จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์ พ.ต.อ.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ส่วนที่เหลือ คือ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. ยังคงอยู่ที่เดิม ทำให้ใน บก.ป. มีตำแหน่ง รองผบก.ป. ว่างมากถึง 7 ตำแหน่ง

ในส่วนของ ผู้กำกับการทุกตำแหน่งจะถูกโยกย้ายออกนอกหน่วยทั้งหมด ยกเว้นตำแหน่ง ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม (ผกก.ปพ.) ที่ยังคงเป็น พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผกก.ปพ. รักษาการในตำแหน่ง ผกก.ปพ. คุมกำลังคอมมานโด และสายตรวจทั่วประเทศอยู่เหมือนเดิม ส่วนที่ถูกโยกย้ายประกอบด้วย พ.ต.อ.นิรันดร์ นามสุวรรณ ผกก. 2 บก.ป. พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณเกษม ผกก. 3 บก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก. 4 บก.ป. พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก. 5 บก.ป. และ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผกก. 6 บก.ป. ที่แม้จะไม่ใช่เด็กในคาถาของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และมีผลงานสืบสวนจับกุมคลี่คลายคดีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถูกเสนอชื่อโยกย้ายด้วยเช่นกัน

“เด็กจักรทิพย์” ผงาดอื้อ

ส่วน รองผู้บังคับการที่จะกลับเข้ามาเป็นรอง ผบก.ป.นั้น ขณะนี้เท่าที่มีรายงานประกอบด้วย พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9 (รองผบก.สส.ภ.9) พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (รอง ผบก.สปพ.) พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (รอง ผบก.ปคม.) พ.ต.อ.สมภพ พงษ์ฤกษ์ รอง ผบก.สส.ภ. 7 เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นนายตำรวจลูกหม้อ บก.ป.แทบทั้งสิ้น

ในส่วนของ กก.1 บก.ป. นั้น พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) ที่ขณะนี้มานั่งรักษาการแทน ผกก.1 บก.ป. อยู่นั้น จะได้นั่งเก้าอี้นี้เต็มตัวคุมพื้นที่เมืองหลวง แทน พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 บก.ป. ที่เสียชีวิตหลังถูกจับกุมดำเนินคดี โดย พ.ต.อ.จิรภพ ได้รับแรงผลักดันจากสายทหาร

ส่วนนายตำรวจที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผกก.ใน บก.ป.นั้น ส่วนใหญ่เป็นเด็กในสายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีต รองผบ.ตร. ประกอบด้วย พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดภูเก็ต (ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต) พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.สส.ภ.จว.นครนายก พ.ต.อ.โสภณ สารพัฒน์ ผกก.สภ.ทุ่งลุง จ.สงขลา พ.ต.อ.สุรพงษ์ ธรรมพิทักษ์ ผกก.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก. 8 บก.รน. นอกจากนี้ยังมีชื่อของ พ.ต.อ. สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.ภ.3. เป็นตัวสอดแทรกอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น