โผย้ายล้างบาง บช.ก. เด็ก “พงศ์พัฒน์” คาดสูงถึง 200 กว่าตำแหน่ง กองปราบฯระส่ำหนักคาดถูกเด้งพ้นหน่วย 60 นายคิดเป็น 25% ของการโยกย้ายครั้งนี้ โดยเฉพาะตำแหน่ง ผกก.1-6 บก.ป. คาดเจอคำสั่งฟ้าผ่าตามอดีต บช.ก. ส่วนรายชื่อที่จะมานั่งใหม่ล้วนเป็นเด็กในคาถา “จักรทิพย์-อัศวิน”
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้กวาดล้างขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง พร้อมกับปลดย้าย และจับกุมดำเนินคดีตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ซึ่งนำโดย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. และขณะนี้ ผบ.ตร.กำลังลงมือจัดระเบียบตำรวจในสังกัด บช.ก.ครั้งใหญ่ โดยจะมีการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อจัดหาตำรวจเข้าไปดูแลงานใน บช.ก.เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กลับมาเป็นที่เชื่อถือของประชาชน โดยล่าสุดมีการตัดสินใจแต่งตั้ง พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.ก.ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบช.ก.คนใหม่ เพื่อทำหน้าที่แทน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่ถูกดำเนินคดีและถูกปลดจากราชการไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ทั้งนี้ ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ถือเป็นการล้างบางครั้งใหญ่ใน บช.ก. โดยมีนายตำรวจระดับสารวัตรไปจนถึงรองผู้บังคับการ (สว.-รอง ผบก.) จากทุก บก.ในสังกัด บช.ก. จะถูกเสนอชื่อย้ายออกนอกหน่วยทั้งสิ้น 202 นาย ถือว่าเป็นการย้ายครั้งใหญ่ที่สุดกว่าที่เคยมีการโยกย้ายใน บช.ก. โดยนายตำรวจที่ถูกเสนอชื่อทั้งหมดถูกมองว่าเป็นนายตำรวจที่อยู่ในเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และได้ดิบได้ดีในสมัยที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ นั่งเก้าอี้เป็น ผบช.ก.ทั้งหมดจะถูกเสนอชื่อย้ายออกไปยัง กองบัญชาการต่างๆ ทั่วประเทศ โดย บก.ที่มีผู้ถูกเสนอชื่อโยกย้ายออกนอกหน่วยมากที่สุด คือ ตำรวจในสังกัดกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งถูกเสนอชื่อออกนอกหน่วยมากถึง 50-60 นาย หรือคิดเป็น 25% ของตำรวจทั้งหมดที่จะถูกโยกย้าย นอกจากนั้นที่จะถูกโยกย้ายเป็นจำนวนลดหลั่นกันลงมาจะเป็นตำรวจที่อยู่ในสังกัด กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า ผู้ที่จะถูกโยกย้ายนั้นส่วนใหญ่แล้วถูกกำหนดให้ไปสังกัดอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่าเพื่อเป็นการลงโทษจากการกระทำความผิดร่วมกับเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ แม้ว่าจะไม่ได้ถูกดำเนินคดีด้วยก็ตาม แต่การโยกย้ายเริ่มประสบปัญหา เนื่องจากจำนวนตำรวจที่ถูกย้ายออกจาก บช.ก.นั้นมีจำนวนมากกว่านายตำรวจที่สมัครใจจะมาอยู่ในสังกัด บช.ก. และตำรวจในพื้นที่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนที่มีพื้นเพอยู่ในจังหวัดนั้นๆ หรือใกล้เคียง จึงไม่มีความต้องการจะเข้ามาทำงานใน บช.ก. จากปัญหาดังกล่าวจึงทำให้โผแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้มีปัญหาล่าช้า เพราะติดพันกันไปหมดทุกกองบัญชาการทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของ บก.ป.นั้น รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.ป.) ถูกโยกย้ายออกหนอกหน่วยประกอบด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ พ.ต.อ.จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์ พ.ต.อ.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ส่วนที่เหลือ คือ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. ยังคงอยู่ที่เดิม ทำให้ใน บก.ป.มีตำแหน่งรอง ผบก.ป. ว่างมากถึง 7 ตำแหน่ง
ในส่วนของผู้กำกับการทุกตำแหน่งจะถูกโยกย้ายออกนอกหน่วยทั้งหมด ยกเว้นตำแหน่ง ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม (ผกก.ปพ.) ที่ยังคงเป็น พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผกก.ปพ. รักษาการในตำแหน่ง ผกก.ปพ. คุมกำลังคอมมานโด และสายตรวจทั่วประเทศอยู่เหมือนเดิม ส่วนที่ถูกโยกย้ายประกอบด้วย พ.ต.อ.นิรันดร์ นามสุวรรณ ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณเกษม ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 บก.ป. พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 บก.ป. และ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผกก.6 บก.ป. ที่แม้จะไม่ใช่เด็กในคาถาของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และมีผลงานสืบสวนจับกุมคลี่คลายคดีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถูกเสนอชื่อโยกย้ายด้วยเช่นกัน
ส่วนรองผู้บังคับการที่จะกลับเข้ามาเป็นรอง ผบก.ป.นั้น ขณะนี้เท่าที่มีรายงานประกอบด้วย พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9 (รอง ผบก.สส.ภ.9) พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (รอง ผบก.สปพ.) พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (รอง ผบก.ปคม.) พ.ต.อ.สมภพ พงษ์ฤกษ์ รอง ผบก.สส.ภ. 7 เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นนายตำรวจลูกหม้อ บก.ป.แทบทั้งสิ้น
ในส่วนของ กก.1 บก.ป.นั้น พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) ที่ขณะนี้มานั่งรักษาการแทน ผกก.1 บก.ป.อยู่นั้น จะได้นั่งเก้าอี้นี้เต็มตัวคุมพื้นที่เมืองหลวง แทน พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 บก.ป. ที่เสียชีวิตหลังถูกจับกุมดำเนินคดี โดย พ.ต.อ.จิรภพได้รับแรงผลักดันจากสายทหาร
ส่วนนายตำรวจที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผกก.ใน บก.ป.นั้น ส่วนใหญ่เป็นเด็กในสายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีต รอง ผบ.ตร. ประกอบด้วย พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดภูเก็ต (ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต) พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.สส.ภ.จว.นครนายก พ.ต.อ.โสภณ สารพัฒน์ ผกก.สภ.ทุ่งลุง จ.สงขลา พ.ต.อ.สุรพงษ์ ธรรมพิทักษ์ ผกก.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก. 8 บก.รน. นอกจากนี้ยังมีชื่อของ พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.ภ.3 เป็นตัวสอดแทรกอีกด้วย