xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นดิ่งเหว137จุด ผวาข่าวลือ-น้ำมัน นายกฯย้ำไม่มีอะไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ราคาน้ำมันตลาดโลกร่วงไม่หยุดฉุดดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกลดฮวบ ตลาดหุ้นไทยโดน “ข่าวลือ” ถล่มซ้ำดิ่งหนักเกือบ 138 จุด ก่อนกระเตื้องปิดมาปิดที่ 1,478.49 จุด ติดลบ 36.46 จุด มูลค่าการซื้อขายทะลุแสนล้านทุบสถิติในรอบ 21 เดือน “พล.อ.ประยุทธ์” ซัด “ข่าวลือส่งเดช” ฉุดตลาดหุ้นพัง ด้านเอ็มดี “เกศรา” ตั้งโต๊ะแจงเกิดจากปัจจัยทางเทคนิค ขณะที่ รมว.คลัง-นายกสมาคมโบรก ประสานเสียงวอนอย่าตื่นตระหนก ย้ำสอดคล้องตลาดหุ้นทั่วโลก และไม่จำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วานนี้ (15 ธ.ค.) ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างแรงตั้งแต่เปิดการซื้อขายภาคเช้า จากราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นขนาดใหญ่ (บิ๊กแคป) ลดลง และปิดการซื้อขายภาคเช้าดัชนีตลาดหุ้นติดลบกว่า 44 จุด ขณะที่ช่วงบ่ายดัชนีตลาดหุ้นยังปรับตัวลงรุนแรงต่อเนื่อง และรวดเร็วแตะระดับต่ำสุดที่ 1,375.99 จุด ลดลงจากวันก่อนเกือบ 140 จุด

หลังจากนั้นสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ดัชนีตลาดหุ้นเริ่มกระเตื้องขึ้น จุดสูงสุดที่ 1,494.10 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,478.49 จุด ลดลงจากวันก่อน 36.46 จุด หรือคิดเป็น 2.41% มูลค่าการซื้อขายรวม 102,662.94 ล้านบาท นับเป็นมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบ 21 เดือนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556

ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 829.28 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 2,560.91 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 4,194.57 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 7,584.76 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 314 บาท ลดลง 16 บาท หรือ 4.85% มูลค่าการซื้อขาย 7,642.30 ล้านบาท บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ราคาปิด 11.60 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.69% มูลค่าการซื้อขาย 7,355.09 ล้านบาท และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ราคาปิด 238 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 0.85% มูลค่าซื้อขาย 4,351.80 ล้านบาท

นายกฯ โวย “ข่าวลือส่งเดช”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าภายหลังได้รับรายงานถึงกรณีที่ตลาดหุ้นไทยดิ่งลงอย่างหนักกว่า 130 จุดในช่วงบ่ายวานนี้ ได้มอบหมายให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เข้าไปดูแลแล้ว ได้รับรายงานว่า เป็นไปตามกลไกตลาด และปัจจัยภายนอกเช่น สถานการณ์สู้รบในฝั่งตะวันตก สถานการณ์ราคาน้ำมัน รวมทั้ง"ข่าวลือส่งเดช" แต่ขณะนี้ได้รับรายงานว่าปรับตัวมาสู่ภาวะที่ค่อนข้างปกติแล้ว

"เหลือ 50 จุดแล้ว จากที่ตกไปเกือบ 150 จุด บอกไปแล้วว่าสถานการณ์ไม่มีอะไร ลือกันส่งเดช ตกก็ตก ในประเทศก็ลือกันเรื่องนั้นเรื่องนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

รมว.คลังวอนนักลงทุนอย่าตื่นตระหนก

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงลึกเกิน 130 จุดเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดทั่วโลกที่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องออกมาตรการควบคุมเป็นพิเศษแต่อย่างใด

"ดัชนีปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ เมื่อปรับตัวลงเดี๋ยวก็ขึ้นได้ นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่าได้ตื่นตระหนก ส่วนทางการหรือรัฐบาลก็พยายามดำเนินการเรียกความเชื่อมั่นด้านการลงทุนกลับมา ซึ่งการดำเนินการต้องใช้เวลาเหมือนกัน" นายสมหมาย กล่าว

“เกศรา” ยังไม่ตั้งกองทุนพยุงหุ้น

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถลงว่า ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลงลึกกว่า 137 จุด เกิดจากปัจจัยทางเทคนิค นักลงทุนเทขายออกมาหลังหุ้นน้ำมันและหุ้นวัสดุก่อสร้างปรับลง 9-10% ก่อนจะมีแรงซื้อกลับดันดัชนีกระเตื้องขึ้นมาในช่วงท้ายตลาด ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งกองทุนพยุงหุ้นแต่อย่างใด

นางเกศรา กล่าวว่า ขอให้นักลงทุนพิจารณาวางแผนการลงทุนระยะยาวในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง เช่น กลุ่มสายการบิน ขนส่ง และการที่ราคาน้ำมันลดลงจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้ไม่ให้มีแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ และจะส่งผลดีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าให้มีการขยายตัว

นายกสมาคมบล.ย้ำ ไม่แทรกแซงตลาดหุ้น

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (บล.) กล่าวว่า สมาคมฯ คงไม่จำเป็นต้องเรียกหารือกัน เพราะไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงกลไกตลาดได้ เพียงแนะนำนักลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูงมาก โดยเฉพาะวานนี้ปรับตัวลดลงมากกว่า 137 จุดเกิดจากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากดัชนีตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลกปรับตัวลงตอบรับสภาวะราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องไปเป็นต่ำกว่า 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลกระทบอย่างมากต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาน้ำมันน่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้หลังจากราคาเริ่มนิ่งแล้ว

นักวิเคราะห์คาดวันนี้เห็นรีบาวด์

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุน บล.เอเชียพลัส (ASP) กล่าวว่า การปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นวานนี้มาจากข่าวลือที่ออกมาซ้ำเติมปัจจัยต่างประเทศ ทำให้ดัชนีหุ้นร่วงจากที่ยืนเหนือ 1,400 จุด ลงไปต่ำกว่า 1,380 จุด ซึ่งทำให้ P/E ของตลาดปรับตัวลงมาที่ระดับ 13 เท่า โดยข่าวลือดังกล่าวเริ่มคลี่คลายเวลาประมาณ 15.00 น.จึงมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าการซื้-ขายทะลุแสนล้านในรอบหนึ่งปีครึ่ง

“ช่วงเช้าถือการปรับลดเป็นไปตามกลไกตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ในช่วงบ่ายมีข่าวลือห้องค้าเข้ามาหลายประเด็น ประกอบกับมีการบังคับขาย (force sell) ในหุ้นบางตัวที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีไหลลงลึกก่อนจะคลี่คลายในช่วงท้ายตลาดจึงมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างหนาแน่น คาดว่าดัชนีจะรีบาวด์ต่อเนื่องมา” นายประกิต กล่าว

พร้อมคาดการณ์ว่าวันนี้ดัชนีฯ น่าจะรีบาวด์และสามารถกลับไปยืนเหนือ 1500 จุดได้ตามปกติ เป้าหมายการฟื้นตัวทางกลยุทธ์รอบนี้ที่ 1,500-1,520 จุด ด้วยแรงซื้อทั้งจากนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย อย่างไรก็ตามยังคงแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นรายหลักทรัพย์ โดบเลือกหุ้นได้ประโยชน์น้ำมันขาลงเช่น RCL และ AAV หรือหุ้นที่จะมีการทำ Window Dressing เช่น PTT, ADVANC, INTUCH

ปตท.สผ.หั่นคชจ.หวังเป้าผลิตโต6%

นางสาวเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนต่ำกว่า 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้บริษัทฯมีนโยบายที่จะลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นรวมทั้งชะลอการสำรวจปิโตรเลียมบางโครงการออกไป รวมทั้งรักษาสภาพคล่องให้ดี

โดยล่าสุดได้ตัดลดค่าใช้จ่ายและการลงทุนในปี 2558 ไปแล้ว 240 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะมีการพิจารณาปรับลดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกในอนาคต โดยจะรักษาปริมาณการผลิตปิโตรเลียมให้โตขึ้นจากปีนี้ 6%

ส่วนราคาหุ้น PTTEP ได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง วานนี้ (15 ธ.ค.) มาอยู่ที่ระดับ 106.50 บาท/หุ้นนั้น สืบเนื่องนักลงทุนมีความกังวล หลังจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงและต่อเนื่อง โดยยอมรับว่าราคาน้ำมันที่ลดลงนี้มีผลต่อผลดำเนินงานของบริษัทฯแต่ไม่มาก เนื่องจากสัดส่วนรายได้ของปตท.มาจากก๊าซธรรมชาติถึง 70 % ที่จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันช้าถึง 6 เดือน

ดังนั้น บริษัทฯคงต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการซื้อหุ้นคืนเพื่อพยุงราคาหุ้น หรือจะเก็บสภาพคล่องไว้ ขึ้นกับเงื่อนไขหลายปัจจัยทั้งแง่กฎระเบียบตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้บริษัทฯจะติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกอย่างใกล้ชิดก่อนประเมินอีกครั้งในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ ปตท.สผ.ได้ปรับลดประมาณการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีหน้าจาก 85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลงเหลือ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และอาจจะปรับเปลี่ยนเป้าหมายราคาน้ำมันดิบอีกถ้าสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเปลี่ยนแปลง
กำลังโหลดความคิดเห็น