ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -วันนี้ เรื่องใหญ่เรื่องโตของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก็คือ ปัญหายางพาราราคาตกต่ำ
การเคลื่อนไหวของ “พี่น้องชาวสวนยางภาคใต้” ซึ่งกำลังลุกลามและบานปลายขยายตัวออกไปเรื่อยๆ คือดัชนีที่สะท้อนให้เห็นว่า ความอดทนของพวกเขาได้ขาดผึงลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากให้เวลารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ภายใต้คำรับประกันของ “หลวงลุงน้ำมันปาล์ม” ที่แอ่นอกมาโฆษณาชวนเชื่อให้เผลอไผลคล้อยตามมาระยะหนึ่ง
มนต์มโนของหลวงลุงน้ำมันปาล์มไม่ขลังเอาเสียแล้ว เมื่อชาวสวนยาง ไม่สามารถฝืนทนกับสภาพความเป็นจริงที่ต้องเผชิญ
ขณะเดียวกันปัญหาดังกล่าวก็ได้สะท้อนให้เห็นว่า “คน” ที่ พล.อ.ประยุทธ์เลือกเข้ามานั่งเก้าอี้ทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช่ของจริง เพราะนับตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีจนถึงทุกวันนี้ ปัญหาไม่เคยได้รับการแก้ไข
แน่นอน คนที่ต้องรับผิดชอบและถูกตำหนิมี 5 คนด้วยกัน
คนแรกคือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
คนที่สองคือ นายปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
คนที่สามคือ นายอำนวย ปะติเส ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ส่งเข้ามาช่วยงานในเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยฯ เกษตร หลังมีข่าวว่านายปิติพงษ์ถอดใจจากเก้าอี้ รมว.เกษตร
คนที่สี่คือ พระสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เดินสายเกลี้ยกล่อมพี่น้องชาวสวนยางให้อดทน โดยขอโอกาสให้รัฐบาลได้มีเวลาในการทำงาน
และคนที่ห้าคือ ตัว พล.อ.ประยุทธ์ เองในฐานะนายกรัฐมนตรี
เหตุที่ต้องตำหนิก็เพราะปัญหายางพารามิใช่เพิ่งเกิด หากแต่ดำรงอยู่มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ชินวัตร กระทั่งมีการรัฐประหาร มี คสช.และมีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทว่า ก็มิเคยได้รับการแก้ไขอย่างเอาจริงเอาจังเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น คงไม่เกินเลยไปนักว่า ถ้าจะกล่าวโดยสรุปว่า นี่คือความล้มเหลวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจาก กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต ร่วมมอบโล่แสดงความยินดีแก่ สิทธิพร รัตโนภาส ประธานกรรมการ และโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS ในกลุ่ม ดั๊บเบิ้ล เอ เพาเวอร์ ในโอกาสปิดการจำหน่ายหุ้นกู้ NPS มูลค่า 5,000 ล้านบาท ทั้งหุ้นกู้อายุ 3.5 ปีและหุ้นกู้อายุ 5 ปี ด้วยยอดจองสูงเกินเป้าหมาย เมื่อเร็ว ๆ นี้
ตามต่อด้วย วีนัส อัศวสิทธิถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานสื่อสารองค์กร เอสซีจี ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองประธานมูลนิธิมั่นพัฒนา ดร.เสนาะ อูนากูล ประธานคณะกรรมการกิจการสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี พล.อ. ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก อิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย และดร.เฉลิมพล เกิดมณี นักวิจัยอาวุโสด้านการเกษตรเพื่อชุมชน โครงการพลังปัญญา ร่วมถ่ายภาพในงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการพลังปัญญา: เปลี่ยนวิธีคิด พลิกชีวิตด้วยปัญญา
และปิดท้ายกับครั้งแรกในประเทศไทยในการแข่งขันเชียร์ลีดดิ้งระดับอินเตอร์ ที่ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ จับมือกับ สหพันธ์เชียร์นานาชาติ (TheInternaitonal Cheer Union : ICU), สมาคมเชียร์ลีดเดอร์ไทย, กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า(ไทย)เทรดดิ้ง จำกัด จัดการแข่งขัน Seacon International Cheer Challenge 2014 โดยได้ทีมชนะเลิศจากการแข่งขันซีคอนเชียร์ลีดดิ้งแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 19 คือทีมแวนควิช (VANQUISH) จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และรองชนะเลิศ ทีมเรนโบว์ (RAINBOW) จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันกับอีก 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์, ไต้หวัน, มาเลเซีย ,อินโดนีเซีย และลาว ซึ่งผลปรากฏว่ารางวัลชนะเลิศ ประเภทเชียร์โคเอ็ด พรี่เมียร์ คือ ทีมแวนควิช (VANQUISH) จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 คือ ทีม Cheer Aces King จากประเทศมาเลเซีย และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 คือ ทีมเรนโบว์ (RAINBOW) จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเภทโคเอ็ด กรุ๊ป สตั๊นท์ รางวัลชนะเลิศ คือ ทีม RSU A จากมหาวิทยาลัยรังสิต และประเภทโคเอ็ดพาร์ทเนอร์ สตั๊นท์ รางวัลชนะเลิศ คือ ทีม Team USA จากประเทศสหรัฐอเมริกา
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...
ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com
คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน
คู่มือเอาตัวรอดจาก 16ภัยพิบัติ
สรรพสิ่งบนโลกเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่จะมีสักกี่คนที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ภายใต้การดำรงชีวิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้มีธรรมชาติคอยสร้างสมดุลให้แก่ชีวิตเราไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณูปโภค ด้านพลังงาน ด้านเกษตร การคมนาคม ฯลฯ ที่ก่อให้เกิดความสะดวกสบาย และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเราให้ดียิ่งขึ้น
เสี้ยวหนึ่ง เราลืมไปว่า ธรรมชาติได้เสื่อมโทรมลงทุกวัน ปัญหาที่จะตามมาคือเรื่องของภัยพิบัติธรรมชาติได้คืบคลานเข้ามาทุกขณะ ภัยพิบัติธรรมชาติที่สามารถคร่าชีวิต และนำมาซึ่งความสูญเสียโดยเฉพาะเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่คนไทยจำได้ไม่มีวันลืม คือ เหตุการณ์สึนามิถล่มภาคใต้ของประเทศไทย ปี47 และเหตุการณ์อุทกภัย ปี54 ที่ประเทศไทยต้องประสบกับภาวะวิกฤติ ซึ่งจังหวัดอยุธยาต้องประสพกับน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ทำให้เดือดร้อนหนัก และเป็นฝันร้ายที่จำได้ไม่มีวันลืม
หนังสือคู่มือเอาตัวรอดจาก16ภัยพิบัติ เขียนโดย มีนา ม.โอวรารินท์ เป็นหนังสือที่จะทำให้รู้เท่าทัน และวิธีเอาตัวรอด จากภัยพิบัติธรรมชาติ อาทิ แผ่นดินไหว, สึนามิ ,วิกฤติพลังงานนิวเคลียร์, พายุหมุนเขตร้อน, ภัยพิบัติน้ำท่วม, ดินโคลนถล่ม, และรู้เท่าทันโรค อาทิ โรคไข้หวัดซารส์, โรคไข้หวัดนก, โรคเอดส์, โรคมือเท้าปาก, โรคไข้สมองอักเสบ ที่จะทำให้รู้เท่าทันและสามารถป้องกันตัวเองได้
ภายในหนังสือยังมีความน่าสนใจด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่จริงจังด้วยภาษาอ่านง่าย นำไปปฏิบัติได้ทันที อีกทั้งยังเล่าเรื่องด้วยภาพแบบ infographic ที่แทรกเนื้อหาวิชาการตลอดทั้งเล่ม แต่ทำให้เข้าใจง่ายไม่เบื่อ ที่สำคัญผู้เขียนยังลงพื้นที่เก็บข้อมูลจริงตอนเกิดวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ ปี 54 ทำให้มีข้อมูลเชิงลึก และมีข้อมูล how-to สำหรับนำไปปฏิบัติตามอย่างได้ผลอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นหายนะจากภัยพิบัติ หรือจากโรคร้ายอันน่ากลัว ก็สามารถรีบมือได้ทัน ด้วยหนังสือเล่มนี้
คู่มือเอาตัวรอดจาก 16 ภัยพิบัติ มีเล่มนี้แล้วรับรองว่าเอาตัวรอดได้แน่นอน
แสงเพ็ง