โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
อืมม์...สถานการณ์ใกล้สิ้นปี น่าจะเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองความสุข ชาวบ้านยิ้มแย้มแจ่มใส เตรียมใช้เงินเดินทางท่องเที่ยวเป็นการปลดปล่อยอารมณ์หลังจากบ้านเมืองเข้าสู่ยุคปรองดองสมานฉันท์ไร้ม็อบปิดถนนทำมาหากินไม่สะดวกอย่างที่คนค้าขายเคยบ่น
กลายเป็นว่าชาวประชาเกือบทั่วทั้งแผ่นดินยังจมปลักอยู่ในสภาพอกไหม้ไส้ขมหน้าตาอมทุกข์ ไร้สุขแม้ท่านผู้นำประเทศได้ประกาศด้วยมาดขึงขังซ้ำซากทุกคืนวันศุกร์ว่า ได้คืนความสุขเพื่อให้ตักตวงเต็มที่นับตั้งแต่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม
ภาวะเศรษฐกิจซบเซา การค้าขายฝืดเคือง ผู้ค้ารายย่อยพากันอยู่ในสภาพย่อยยับ เป็นปลาน้อยถูกปลาใหญ่ทุนใหญ่เขมือบกินเกลี้ยง ภายไต้ระบบเศรษฐกิจเสรีมือใครยาวสาวได้สาวเอา ใครขาดทุนสายป่านสั้น สู้ไม่ไหวต้องยอมสิ้นไร้ไม้ตอกถ้วนหน้า
เป็นสภาวะที่มองไม่เห็นอนาคต ยุคที่เงินหายาก หามาได้แล้วมีค่าไม่มากตามที่หวังเพราะราคาสินค้า ค่าครองชีพสูงกว่าระดับรายได้ของคนส่วนใหญ่ของประเทศแม้แต่มนุษย์เงินเดือนยังเหมือนพวกลอยคอในน้ำ พยายามพยุงตัวให้จมูกอยู่เหนือน้ำ
บ้านเมืองยังวุ่นอยู่กับการร่างรัฐธรรมนูญ กติกาการเลือกตั้ง เลือกผู้นำประเทศและคณะรัฐมนตรี พวกร้อนวิชาความรู้เยอะมีข้อเสนอ โมเดลสวยหรูจากต่างประเทศเพื่อยัดเยียดให้คนไทย ไม่คำนึงว่านักการเมืองไทยไม่เหมาะสมกับระบบใดๆ ทั้งนั้น
นักการเมืองไทยเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าความหน้าด้านเท่านั้นที่จะครองโลกได้! ระดับการทุจริต คอรัปชั่นติดอันดับต้นๆ ของโลก ขณะที่กลไกการรักษากฎหมายทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม ไร้ความน่าเชื่อถือเพราะอำนาจเงิน
คณะทหารและท่านผู้นำได้บริหารบ้านเมืองมานาน 8 เดือน มุ่งเน้นการปรองดอง ความมั่นคง การรักษาความสงบ ไม่ให้ประชาชนมีกิจกรรมเชิงต่อต้าน ชาวบ้านยอมกล้ำ กลืนกับการเสียสิทธิแสดงความเห็น หวังว่าจะลืมตาอ้าปากเพราะเศรษฐกิจฟื้นตัว
แล้วไง? ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลยังหาทางออกไม่ได้เมื่อมีปัญหาความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวกว่า 1 ล้านล้านบาทเป็นลูกตุ้มถ่วงขา ยังไม่รู้ว่าจะกู้กี่แสนล้านบาทเพื่อบรรเทาวิกฤติไม่ให้เป็นภาระของงบประมาณและเพิ่มระดับหนี้สินของประเทศ
ทำท่าว่ามือบริหารเศรษฐกิจจะมีการตั้งโต๊ะ เพื่อเปิบเกาเหลาชามใหญ่โชว์ผู้นำ
ลีลาการพูดกล่อมชาวบ้านทุกวันศุกร์ของท่านผู้นำไร้มนต์เสน่ห์ กลายเป็นความจำเจน่าเบื่อ เพราะยังไม่สามารถชี้นำให้ชาวบ้านได้เห็นว่าชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนบนแผ่นดินนี้จะดีขึ้นได้อย่างไรถ้าไม่ได้เป็นชนนั้นกลางมีรายได้สูงทรัพย์สินเยอะ ไร้หนี้
ท่านผู้นำประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ 8 พื้นที่ให้พวกเศรษฐีนักลงทุนในประเทศเข้าไปทำมาหากิน ขณะที่พยายามส่งเสริมผู้ประกอบการรายเล็ก กลางให้อยู่รอดด้วยมาตรการต่างๆ เพื่อเปิดทางสู่ยุคเออีซีหรือประชาคมอาเซียนเต็มที่
ดูแล้วน่าจะมีหายนะรออยู่ เมืองไทยจะเป็นขุมทรัพย์ให้คนต่างชาติแห่กันเข้ามาทำมาหากินกอบโกยทรัพย์สินแผ่นดิน คนไทยไร้ขีดความสามารถในการแข่งขันคงได้แต่ทำตาปริบๆ เมื่อพื้นฐานโครงสร้างเศรษฐกิจภาคต่างๆ มุ่งเอื้อการลงทุนโดยต่างชาติ
ทุกวันนี้แผ่นดินไทยได้เป็นแดนสวรรค์ของคนต่างชาติจากสารพัดแหล่งกำเนิด มีผู้คนหลากหลายกว่าประเทศใดในอาเซียน ทั้งอาชญากรหลบหนีกฎหมายมาซุกตัว ถูกจับได้ส่งตัวกลับไปติดคุกหลายคน ที่ยังเหลืออยู่คงไม่น้อย อาศัยเงินทุจริตเป็นตัวช่วย
พ่อค้ารายย่อย แผงลอยต่างล้มหายตายจาก เมื่อผู้บริโภคขาดอำนาจการซื้อ ต้องประหยัดเพื่อความอยู่รอด ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์สโตร์ทั่วประเทศดูดเงินจากภูมิภาคสู่ส่วนกลาง เหลือไว้เพียงเงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ทำให้เงินหมุนเวียนไม่สะพัด
การค้าส่ง ค้าปลีก กลายเป็นระบบฆาตกรรมผู้ค้ารายย่อย โชห่วย เสียงเรียกร้องให้ปกป้องคุ้มครองไม่ได้รับการตอบสนองเพราะผู้มีอำนาจ อิทธิพล เครือข่ายต่างยอมสยบรับใช้กลุ่มธุรกิจทุนใหญ่ อ้างนวัตกรรมการค้ายุคใหม่เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค
คนไทยส่วนหนึ่งกินข้าวไม่ครบมื้อ แต่ละมื้อไม่ครบเม็ด มองไม่เห็นอนาคต ที่อยู่อาศัยเช่นบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์เป็นสภาวะสุดเอื้อมสำหรับมนุษย์เงินเดือน ขณะที่คอนโดมิเนียมกลางเมืองถูกจับจองซื้อโดยคนต่างชาติ ยกระดับราคาเหนือรายได้ของเจ้าของประเทศ
ความเป็นจริงที่เจ็บปวดคือ มากกว่า 1 ใน 3 ของแผ่นดินได้ตกเป็นกรรมสิทธิของคนต่างชาติและตัวแทนถือครองไปแล้ว ยังไม่มีใครตอบได้ว่าคนต่างชาติจากทั่วโลกเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยในฐานะอะไร ชาวอัฟริกันผิวสีเดินเกลื่อน มีชุมชน โบสถ์หมู่บ้าน โรงเรียน ของตัวเอง เจ้าของที่นาผืนใหญ่เป็นชาวอาหรับแต่ไม่มีใครเดือดร้อน
เราส่งเสริมการลงทุนโดยไม่ยอมเปลี่ยนมุมมอง ทัศนคติว่านั่นเป็นการขายชาติ เอาทรัพย์สิน ระบบสาธารณูปโภค เช่นถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา สร้างจากภาษีคนไทยไปเอื้อประโยชน์ให้คนต่างชาติทำมาหากิน สร้างโรงงานแทบทั่วประเทศ จากนั้นก็ทิ้งกากพิษ มลภาวะ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เป็นปัญหาสุขภาพร้ายแรงเรื้อรังสำหรับชุมชน
ผู้มีอำนาจจัดการบริหารบ้านเมืองไม่ได้รักชาติจริง รักนักลงทุนต่างชาติมากกว่า! ผู้นำชุมชนต่อสู้กับธุรกิจทุนใหญ่ถูกสังหารหลายราย ตัวการใหญ่ไม่เคยถูกจับกุม กระบวนการยุติธรรมกลายเป็นสิ่งน่าหัวร่อ เมื่ออิทธิพลทุกรูปแบบอยู่เหนือกฎหมาย
ดูแนวโน้มของสภาวะที่เป็นไปขณะนี้คงเป็นเพียงฉากแรกของความเปลี่ยนแปลงแท้จริงที่จะเกิดขึ้นถ้าประชาชนคนรักชาติมีอำนาจจัดการปัญหาบ้านเมือง การปฏิรูปที่คาดหวังไว้หลังการรัฐประหารคงเป็นเพียงสภาวะลมๆ แล้งๆ โดยกลุ่มผลประโยชน์สร้างภาพลวงตาให้ชาวบ้านหลงเชื่อว่าบ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองโดยการปรองดองกำมะลอ
สภาพปัจจุบันเป็นการรวมพลังของ ปืน ทุน และขุนนาง อย่างแท้จริง ประชาชนเป็นเพียงเหยื่อจมปลักอยู่กับคำลวง น่าสงสัยว่าจะมีเพียงกลุ่มคนรู้ทันสักเท่าไหร่ช่วยให้บ้านเมืองรอดจากการกินรวบเบ็ดเสร็จหลังจากปาหี่การเมืองขณะนี้เล่นถึงฉากสุดท้าย
ของจริงน่าจะอีกไม่นานแล้วมั้ง...