xs
xsm
sm
md
lg

บวรศักดิ์ชงตั้งกก.ปรองดอง นิรโทษฯเป้าหมายต้องชัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ ( 9 ธ.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีวาระพิจารณารายงานข้อเสนอของ คณะอนุกมธ.พิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญ คณะที่ 10 เกี่ยวกับการปฏิรูป และการสร้างความปรองดอง ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน
หลังการประชุม นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมได้มีการรับทราบงานผลของคณะอนุกมธ. คณะที่ 10 ว่า ด้วยภาค 4 การปฏิรูป และการสร้างความปรองดอง หมวด 2 การสร้างความปรองดอง ที่มี นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน
ทั้งนี้นายบวรศักดิ์ ได้ปรารภก่อนการพิจารณา ว่า การยกรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดให้มีภาค 4 การสร้างความปรองดองนั้น ยิ่งจะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีคุณค่า โดยจะมีการแบ่งหมวดดังกล่าวเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก การปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นเรื่องระยะยาว และคงต้องใช้เวลากว่า 5-10 ปี และ ส่วนที่สอง หมวดว่าด้วยความปรองดอง ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะหน้า เหมือนกับคนป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ต้องรักษาโรคด้วยยาทามิฟลู แต่ในระหว่างการรักษา ก็ต้องมีอาการปวดหัวตัวร้อน ก็กินไทลินอล เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น
นายคำนูณ กล่าวว่า คณะอนุกมธ.ได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติ โดยให้มีอำนาจ ดังต่อไปนี้
1. เพื่อศึกษาและแสวงหาแนวทางลดและยุติความขัดแย้งทางการเมืองทุกระดับให้ประชาชนในชาติ เกิดความรู้รักสามัคคี บนพื้นฐานความคิดที่แตกต่าง
2. ให้จัดทำแผนการเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติที่กำหนดเงื่อนระยะเวลา เช่น ระยะสั้น กลาง ยาว โดยกำหนดเครื่องมือ กลไกการดำเนินการและติดตามการประเมินผล
3. ติดตามสถานการณ์แจ้งเตือนเจรจาแสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง คลี่คลายสถานการณ์การเผชิญหน้าที่มีแนวโน้มใช้ความรุนแรง รวมทั้งเยียวยาอดีต และป้องกันการเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต
4. จัดการศึกษาอบรมและเผยแพร่ความรู้และทักษะในการจัดการปัญหาแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี และสร้างความเข้มแข็งให้บุคคลกรในภาพการเมืองและพลเมือง
ทั้งนี้ คณะกรรมการเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาตินั้น เป็นระบบโครงสร้าง และงบประมาณที่เป็นนิติบุคลล อยู่ภายใต้รัฐสภา มีอิสระทางงบประมาณ โดยให้มีรูปแบบคล้ายกับสถาบันพระปกเกล้า โดยในวาระเริ่มต้น ให้แก้ไขปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น อาจกำหนดให้มีบทเฉพาะกาล ให้คณะกรรมการชุดนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 5-10 ปี โดยมีเงื่อนไขให้ยกเลิกคณะกรรมการเสริมสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติที่ตั้งขึ้นโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเสริมสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติ พ.ศ.2550 ที่ออกในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ และด้วยขอบเขตอำนาจบางประการของคณะกรรมการเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาตินั้น อาจซ้ำซ้อนกับผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงให้ประสานกัน และร่วมมือกันดำเนินงานแล้วแต่กรณี โดยมีปัจจัยที่ควรคำนึงถึง คือ ความปรองดองที่ต้องมีความชัดเจน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ต้องแยกแยะให้ได้ว่า เป็นความขัดแย้งระดับบุคคล หรือขัดแย้งกันที่ระบบ รวมถึงจำแนกคู่ขัดแย้งให้ชัดเจน
" และหากกระบวนการครอบคลุมถึงการนิรโทษกรรม ควรกำหนดขอบเขต และเป้าหมายให้ชัดเจน และกำหนดขั้นตอนระยะเวลาให้เหมาะสม นำผลไปสู่การปฏิบัติจริง และต้องมีความชัดเจน เพราะอาจส่งผลต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างหมวดการปรองดอง และหมวดอื่นๆ โดยต้องกำหนดหลักการและขอบเขตในการสร้างความปรองดอง โดยจะต้องทบทวนนโยบายและกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ ว่ามีความครอบคลุม และสามารถใช้เป็นเครื่องมือสานต่อความปรองดองได้หรือไม่ หากจะต้องตรากฎหมายขึ้น เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น" โฆษกกมธ. กล่าว
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมได้มีการลงลึกในรายละเอียด เกี่ยวกับเรื่องการนิรโทษกรรมหรือไม่ นายคำนูณ กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงลึกไปในรายละเอียด แต่ได้พูดในภาพรวมว่า หากจะมีการนิรโทษกรรมจริงๆ จะต้องมีความชัดเจนถึงเรื่องเงื่อนเวลา เนื้อหา และเป้าหมาย ไม่ใช่อยู่ๆ จะมานิรโทษกรรมกัน โดยคณะกรรมการเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติ ที่จะถูกตั้งขึ้น จะต้องเป็นผู้ออกแบบกลไกขึ้นมารองรับให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม จากการหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ จะกำหนดให้ภายหลังจากคณะกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เข้ารับฟังความเห็นจากที่ประชุมสปช. ระหว่างวันที่ 15-17 ธ.ค.นี้แล้วในวันที่ 19 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการส่งความเห็นของสมาชิก ทางนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. จะทำพิธีส่งมอบความเห็นของคณะกรรมาธิการทั้ง 18 คณะ ของสปช. ให้กับทางคณะกมธ.ยกร่างธรรมนูญต่อไป
นายคำนูณ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. นายโภคิน พลกุล ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยจะเข้าร่วมประชุม และแสดงความคิดเห็นเป็นการส่วนตัวต่อคณะกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในหัวข้อ "จะยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้สังคมไทยมีอนาคตที่ดีเพื่อส่งมอบให้ลูกหลานได้อย่างไร" ที่ห้องประชุมงบประมาณ ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 3
ด้านนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เปิดเผยว่า ในวันที่ 27-28 ธ.ค.นี้ สนช.จะลงพื้นที่รับฟังความเห็นของประชาชนใน จ.มุกดาหาร เพื่อรับฟังความเห็นประชาชนและข้าราชการ และในวันที่ 29 ธ.ค. จะลงพื้นที่ในจ.บึงกาฬ เพื่อรวมความเห็นในการปฏิรูปด้านต่างๆ รวมถึงรับฟังปัญหาต่างๆ ของชาวบ้าน เพื่อนำข้อมูลประสานไปยังกระทรวง ทบวง กรม ให้ลงมาแก้ไขปัญหา รวมถึงลงไปอธิบายในสิ่งที่ สนช.ได้ดำเนินการแล้ว มีอะไรบ้าง ซึ่งหลังจากนี้จะกลับมาหารือเพื่อที่จะลงไปทุกภาคส่วน
กำลังโหลดความคิดเห็น