เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ ( 8 ธ.ค.) ที่ฝูงเครื่องบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบก เดินทางลงพื้นที่ ค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน และมอบนโยบาย
โดยพล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในวันนี้ จะเป็นการตรวจเยี่ยมการทำงานของกองทัพภารที่ 4 ในส่วนของนโยบายนั้น ต้องให้กองทัพภาคที่ 4 ได้สรุปการดำเนินงานด้านชายแดน และการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 สน.) ที่ดูแลปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะต้องไปเน้นย้ำ อีกทั้งในวันนี้ยังเป็นวันครบรอบวันวีรไทย ที่ บรรพชนของไทย ได้สร้างวีรกรรมช่วยกันดูแลพิทักษ์แผ่นดินไทย จากการเข้ามาของต่างประเทศ ที่ต้องการควบคุมประเทศไทย โดยได้มีการต่อสู้และเสียชีวิตหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีผู้เสียชีวิตมาก จึงต้องมีการจัดพิธีเทิดเกียรติและรำลึกวีรกรรมของบรรพชนไทย
เมื่อถามถึงการดูแลภัยแทรกซ้อน เช่น ปัญหายาเสพติด เรื่องน้ำมันเถื่อนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ปัญหาภาคใต้มีภัยแทรกซ้อนหลายอย่าง ที่ต้องพยายามควบคุมให้ได้ บางสิ่งมีข้อมูลเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นต้องเน้นย้ำให้ควบคุมให้ได้ และที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมได้จนเป็นผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบและจับกุมต่อไป ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดบ้าง ส่วนที่มีความกังวลว่าเจ้าหน้าที่จะไปรับผลประโยชน์เองนั้น ก็ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งมีความเป็นไปได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและข้อมูล ตนจะไม่ไปชี้ และปรักปรำคนหนึ่งคนใดโดยไม่มีข้อมูล ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน
เมื่อถามว่า ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ จะต้องเดินทางไปหารือการพูดคุยสันติสุขกับประเทศมาเลเซีย รอบสอง พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ต้องไปตกลงกัน เพราะทางมาเลเซีย เป็นผู้อำนวยความสะดวกและที่ผ่านมาได้หยุดการพูดคุยไปสักพักหนึ่ง เมื่อกลับมาและจะดำเนินการต่อตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการในส่วนของการปฏิบัติ ทางคณะกรรมการพูดคุยฯต้องไปพูดคุยกับมาเลเซียว่าการเริ่มกระบวนการดังกล่าวจะมีกรอบการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งจะต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย โดยทางฝ่ายมาเลเซียจะได้นำสิ่งต่างๆ ไปจัดให้การพูดคุยฯเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนมาเลเซีย จะแจ้งให้ทราบถึงรายชื่อกลุ่มผู้เห็นต่างที่มาร่วมพูดคุยหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มี ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า การค้าน้ำมันเถื่อน ถือเป็นภัยแทรกซ้อน เช่นเดียวกับปัญหายาเสพติด การเมืองท้องถิ่น การแย่งชิงอำนาจ และขัดแย้งในพื้นที่ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้กวาดล้างจับกุมต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือคดี นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ ที่พบบัญชีส่งส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งได้ส่งหลักฐานดังกล่าวให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจสอบแล้ว ยอมรับว่า น่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง และหากพบว่ากระทำผิดจริงก็จะถูกลงโทษ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ 2 นายที่ช่วยพาเสี่ยโจ้หลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวานนี้ กองทัพภาคที่ 4 ได้ทำพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์วีรไทย หรือ พ่อจ่าดำ สถานที่เก็บอัฐิของเหล่าทหารจำนวน 116 ราย ที่พลีชีพในสมรภูมิป้องกันการยกพลขึ้นบกของทหารญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2484 โดยมีพิธีพราหมณ์บวงสรวง และพิธีเลี้ยงวิญญาณตามประเพณีทหาร แบบโบราณ
ต่อมาในเวลา 11.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร ผบ.ทบ.เดินทางมาประกอบพิธีทำบุญอัฐิ และสดุดีวีรไทย 2484 ครบรอบ 73 ปี ที่อนุสาวรีย์วีรไทย ค่ายวชิราวุธ อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช โดยพล.อ.อุดมเดช ได้กล่าวไว้อาลัย และขอให้คนไทยร่วมกันหวงแหน รักษาแผ่นดินเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ
โดยพล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในวันนี้ จะเป็นการตรวจเยี่ยมการทำงานของกองทัพภารที่ 4 ในส่วนของนโยบายนั้น ต้องให้กองทัพภาคที่ 4 ได้สรุปการดำเนินงานด้านชายแดน และการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 สน.) ที่ดูแลปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะต้องไปเน้นย้ำ อีกทั้งในวันนี้ยังเป็นวันครบรอบวันวีรไทย ที่ บรรพชนของไทย ได้สร้างวีรกรรมช่วยกันดูแลพิทักษ์แผ่นดินไทย จากการเข้ามาของต่างประเทศ ที่ต้องการควบคุมประเทศไทย โดยได้มีการต่อสู้และเสียชีวิตหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีผู้เสียชีวิตมาก จึงต้องมีการจัดพิธีเทิดเกียรติและรำลึกวีรกรรมของบรรพชนไทย
เมื่อถามถึงการดูแลภัยแทรกซ้อน เช่น ปัญหายาเสพติด เรื่องน้ำมันเถื่อนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ปัญหาภาคใต้มีภัยแทรกซ้อนหลายอย่าง ที่ต้องพยายามควบคุมให้ได้ บางสิ่งมีข้อมูลเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นต้องเน้นย้ำให้ควบคุมให้ได้ และที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมได้จนเป็นผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบและจับกุมต่อไป ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดบ้าง ส่วนที่มีความกังวลว่าเจ้าหน้าที่จะไปรับผลประโยชน์เองนั้น ก็ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งมีความเป็นไปได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและข้อมูล ตนจะไม่ไปชี้ และปรักปรำคนหนึ่งคนใดโดยไม่มีข้อมูล ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน
เมื่อถามว่า ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ จะต้องเดินทางไปหารือการพูดคุยสันติสุขกับประเทศมาเลเซีย รอบสอง พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ต้องไปตกลงกัน เพราะทางมาเลเซีย เป็นผู้อำนวยความสะดวกและที่ผ่านมาได้หยุดการพูดคุยไปสักพักหนึ่ง เมื่อกลับมาและจะดำเนินการต่อตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการในส่วนของการปฏิบัติ ทางคณะกรรมการพูดคุยฯต้องไปพูดคุยกับมาเลเซียว่าการเริ่มกระบวนการดังกล่าวจะมีกรอบการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งจะต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย โดยทางฝ่ายมาเลเซียจะได้นำสิ่งต่างๆ ไปจัดให้การพูดคุยฯเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนมาเลเซีย จะแจ้งให้ทราบถึงรายชื่อกลุ่มผู้เห็นต่างที่มาร่วมพูดคุยหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มี ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า การค้าน้ำมันเถื่อน ถือเป็นภัยแทรกซ้อน เช่นเดียวกับปัญหายาเสพติด การเมืองท้องถิ่น การแย่งชิงอำนาจ และขัดแย้งในพื้นที่ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้กวาดล้างจับกุมต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือคดี นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ ที่พบบัญชีส่งส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งได้ส่งหลักฐานดังกล่าวให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจสอบแล้ว ยอมรับว่า น่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง และหากพบว่ากระทำผิดจริงก็จะถูกลงโทษ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ 2 นายที่ช่วยพาเสี่ยโจ้หลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวานนี้ กองทัพภาคที่ 4 ได้ทำพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์วีรไทย หรือ พ่อจ่าดำ สถานที่เก็บอัฐิของเหล่าทหารจำนวน 116 ราย ที่พลีชีพในสมรภูมิป้องกันการยกพลขึ้นบกของทหารญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2484 โดยมีพิธีพราหมณ์บวงสรวง และพิธีเลี้ยงวิญญาณตามประเพณีทหาร แบบโบราณ
ต่อมาในเวลา 11.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร ผบ.ทบ.เดินทางมาประกอบพิธีทำบุญอัฐิ และสดุดีวีรไทย 2484 ครบรอบ 73 ปี ที่อนุสาวรีย์วีรไทย ค่ายวชิราวุธ อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช โดยพล.อ.อุดมเดช ได้กล่าวไว้อาลัย และขอให้คนไทยร่วมกันหวงแหน รักษาแผ่นดินเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ