ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นายตำรวจตำแหน่งระดับท่านรอง และ ผกก.ที่มีรายชื่อในบัญชีส่วยของเสี่ยโจ้พล่าน สะพัดต่อสายถึงนาย พล จ. ช่วยเคลียร์กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยผู้มีรายชื่อในบัญชีส่วยหลายหน่วยงานเก็บตัวเงียบพร้อมปิดโทรศัพท์หนีสื่อ
วันนี้ (3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้นำเสนอข่าว 10 นายพล และตำรวจระดับ พ.ต.อ.ถึง สว.50 คน พัวพันส่วยน้ำมันเถื่อนเสี่ยโจ้ ทำให้ 10 นายพลซึ่งส่วนหนึ่งมีตำแหน่ง “ท่านรอง” และ ผบก. ต่างตรวจสอบข่าวว่าจะมีคำสั่งให้ตรวจสอบจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. หรือไม่
โดยมีรายงานข่าวว่า นายพล 3 นาย ที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เป็นการด่วน เพื่อไปหาผู้ใหญ่ใน สนง.ตำรวจแห่งชาติ ให้ทำการช่วยเหลืออย่าให้พาดพิงถึงตนเอง ในขณะที่นายตำรวจส่วนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ภาค 9 คือ สงขลา สตูล ตรัง ยกเว้น พัทลุง ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วยน้ำมันเถื่อน ได้ต่อสายถึงนายพล จ.ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ใน สนง.ตำรวจแห่งชาติ และเคยอยู่ในพื้นที่ภาค 9 ให้เป็นผู้เคลียร์เรื่องส่วยน้ำมันเถื่อน อย่าให้พาดพิงถึง
ในขณะที่นายตำรวจ ระดับ พ.ต.อ.ถึง พ.ต.ต. ที่เป็น ผกก. และ ที่เป็นหัวหน้าชุด ปนม.ในพื้นที่ จ.สงขลา จำนวนหนึ่ง ได้ติดต่อผ่าน พ.ต.อ. ผู้หนึ่ง ซึ่งเคยเป็น รอง ผบก.ในพื้นที่ จ.สงขลา ซึ่งขณะนี้ย้ายไปอยู่ที่ สนง. ตร.แห่งชาติ และเป็นคนสนิทของ นายพล จ. ให้ทำการช่วยเหลือ
สำหรับเจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจ และศุลกากร ที่มีชื่อในบัญชีช่วยของเสี่ยโจ้ เช่น “รองโย๊ะ” รองสมพงษ์ รองชาญ รองเหนียว รอง กอ. รองปิยะ รองโส รองติ๊ก รองสมชาย ซึ่งเป็นตำรวจกองปราบ กก.6 ที่รับผิดชอบภาคใต้ และ ตร.น้ำ กก.7 ที่รับผิดชอบภาคใต้ และบางคนเป็น ตร.ทล. ต่างอยู่ในลักษณะของการเตรียมพร้อมในการชี้แจง หรือพร้อมกับการโยกย้าย เพราะต่างยอมรับว่าบัญชีรายชื่อที่เสี่ยโจ้ทำขึ้นเป็นของจริง ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง
เช่นเดียวกับศุลกากรในบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนของเสี่ยโจ้ ที่ระบุชื่อ ตำแหน่ง เช่น ผอ.ศ.ทางทะเล 300,000 ด่านปัตตานี ด่านศุลกากรตากใบ และด่านศุลกากรอื่นๆ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ทำการตรวจสอบ และขอสอบถามถึงรายชื่อที่ปรากฏในบัญชีส่วย ปรากฏว่า ทุกคนต่างปิดโทรศัพท์ ในขณะที่นายประยุทธ มณีโชติ ศุลกากรภูมิภาคที่ 4 ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยอ้างว่ายังไม่เห็นเอกสารบัญชีส่วย
ในขณะที่ นายกฤษฎา ทองธรรมชาติ นายด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา เปิดเผยว่า มีนักการเมืองท้องถิ่นได้เป็นตัวแทนของผู้ค้าน้ำมันเถื่อนมาทำการเจรจาเพื่อขอให้มีการผ่อนผันให้ กองทัพมด และกองทัพหนูเข้าไปขนน้ำมันจากประเทศมาเลเซียเหมือนอย่างที่เคยทำกันมา แต่ตนเองได้ชี้แจงว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะแม้ว่าผู้ที่ขนน้ำมันจะเป็นชาวบ้านที่อ้างว่าหาเช้ากินค่ำก็ตาม เพราะน้ำมันที่ขนออกมาเป็นของนายทุน และนำไปขายยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งมีหลักฐานปรากฏในเวลาที่เจ้าหน้าที่จับกุมน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ๆ ได้ ในการสอบสวนจะพบว่าเป็นน้ำมันเถื่อนที่นำไปจากปาดังเบซาร์ ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้เข้าไปขนน้ำมันในเวลา 05.00-08.00 น. เหมือนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักการเมืองท้องถิ่นได้นำกองทัพมด กองทัพหนู ไปพบกับทหารซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่บ้านทับโกบ ต.สำนักขาม อ.สะเดา เพื่อขอให้ได้ขนน้ำมันเหมือนเก่าก่อนที่จะเกิดเรื่องส่วยน้ำมันเถื่อน แต่ตัวแทนของ ผบ.ร้อย ดังกล่าวบอกให้กลุ่มชาวบ้านไปขออนุญาตจาก ตำรวจท้องที่ ทำให้กองทัพมดทั้งหมดต้องล่าถอยกลับไป และกองทัพมดส่วนหนึ่งได้นำรถบรรทุกน้ำมัน จำนวน 200 คัน ไปขนน้ำมันเถื่อนทางด่านศุลกากรสะเดา แทนการเข้าออกทางด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ เพราะด่านศุลกากรสะเดา ไม่ได้ทำการห้ามขนน้ำมันเถื่อนจากประเทศมาเลเซียเหมือนกับด่านศุลกากรปาดังเบซาร์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้หาทางออกให้กองทัพมด และกองทัพหนูสามารถขนน้ำมันเถื่อนจากฝั่งมาเลเซีย ส่งให้แก่นายทุน นักการเมืองท้องถิ่นได้เหมือนเดิม โดยจะยกเลิกการที่เคยอนุญาตให้ขนน้ำมันเถื่อนผ่านด่านได้วันละ 3 ชั่วโม เป็นขนได้ทั้งวัน เพื่อมิให้มีการนำรถบรรทุกมารอที่หน้าด่านในเวลา 05.00 น. นับร้อยๆ คัน
จนกลายเป็นที่โจษขานกันทั่วไปว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรปาดังเบซาร์ มีการประมูลเวลาให้แก่นายทุนน้ำมันเถื่อนวันละ 3 ชั่วโมง หรือการอนุญาตให้คนทำผิดกฎหมายศุลกากรได้วันละ 3 ชั่วโมง ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ของประชาชนว่า ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์เป็นด่านศุลกากรแห่งเดียวในโลกที่อนุญาตให้คนทำผิดกฎหมายได้วันละ 3 ชั่วโมง โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายมาตรา 157
