นครศรีธรรมราช - “บิ๊กโด่ง” ร่วมพิธีทำบุญอัฐิและสดุดีวีรไทย 2484 ครบรอบ 73 ปี ค่ายวชิราวุธ นครศรีฯ ด้านครอบครัวของ “นายพิธาน” แกนนำต้านเหมือนแร่ถูกสังหารโหดไม่สามารถเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนย้ายนายทหารยศพันเอกต่อ ผบ.ทบ.ได้ โดยได้ถูกเชิญตัวออก และนัดหมายให้มายื่นหนังสือใหม่ในวันรุ่งขึ้นผ่าน มทบ.41 แทน
วันนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 4 ได้ทำพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์วีรไทย หรือ “พ่อจ่าดำ” สถานที่เก็บอัฐิของเหล่าทหาร จำนวน 116 นาย ที่พลีชีพในสมรภูมิป้องกันการยกพลขึ้นบกของทหารญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2484 โดยมีพิธีพราหมณ์บวงสรวง และพิธีเลี้ยงวิญญาณตามประเพณีทหารแบบโบราณ
ต่อมา ในเวลา 11.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร ผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาประกอบพิธีทำบุญอัฐิและสดุดีวีรไทย 2484 ครบรอบ 73 ปี ที่อนุสาวรีย์วีรไทย ค่ายวชิราวุธ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ของสมรภูมิในการสู้รบกับทหารญี่ปุ่นที่ยกพลขึ้นบกในจังหวัดนครศรีธรรมราช และมีการสู้รบแบบตะลุมบอนอย่างดุเดือดหลายชั่วโมง จนมีทหารพลีชีพหลายนาย และในอีกหลายจุดของภาคใต้รวม จำนวน 116 นาย ได้มีการเก็บอัฐิของทหารเหล่านั้นไว้ที่นี่ โดย พล.อ.อุดมเดช ได้กล่าวไว้อาลัย พลแตรเป่าแตรนอนตามพิธีทหาร ทหารกองเกียรติยศยิงสลุต ขณะเดียวกัน พล.อ.อุดมเดช ได้เรียกร้องให้คนไทยร่วมกันหวงแหนรักษาแผ่นดินเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ
ส่วนความเคลื่อนไหวในการยื่นหนังสือต่อ ผบ.ทบ.ร้องเรียนนายทหารระดับพันเอก นายสำเร็จ ทองพนัง พร้อมด้วยครอบครัว และแกนนำในการยื่นหนังสือเดินทางมายังบริเวณงานพิธี เพื่อรอยื่นหนังสือฉบับนี้ให้แก่ พล.อ.อุดมเดช ปรากฏว่า ได้มีนายทหารมณฑลทหารบกที่ 41 ได้เชิญตัวครอบครัว และกลุ่มแกนนำในการยื่นหนังสือไปเจรจา และขอร้องให้มีการยื่นหนังสือผ่าน มทบ.41 ในวันพรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกาแทน โดยในวันนี้ได้ขอให้เป็นการประกอบพิธีทางทหาร ซึ่งได้รับความร่วมมือจากครอบครัวของนายพิธานเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพภาคที่ 4 และผู้บังคับบัญชากองทัพบก ที่ทราบเรื่องนี้ต่างให้ความสนใจ และสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากหลายฝ่ายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการพิจารณาข้อมูล และการร้องเรียนของครอบครัวนายพิธาน