ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"นำ ครม.-ข้าราชการ ถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นข้าราชการที่ดี เฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. ขณะที่กลาโหม-เหล่าทัพ ลั่นจะเป็นข้าราชการที่ดีแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชน ทบ.จัดกิจกรรมถวายในหลวง อุปสมบทกำลังพล 4 กองทัพ 440 รูป พร้อมเปิดโรงพยาบาล 9 แห่งให้บริการประชาชน วัฒนธรรมเปิดตัว 9 บุคคลในภาพพระราชกรณียกิจ พร้อมตีพิมพ์เป็นหนังสือ 3 หมื่นเล่มแจกใช้เป็นแนวทางดำเนินชีวิต ผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชถวายพระพรในหลวง 87 พรรษา ขอทรงพระเกษมสำราญ เจริญพระชนมายุ พระวรรณะ พระสุขะ พระพละ พระปฏิภาณ
เมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ข้าราชการระดับสูง ผู้บริหารหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ทั่วประเทศ เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาคุณ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2557
โดยเวลา 08.00 น. นายกฯ และผู้เข้าร่วมพิธี พร้อมด้วยข้าราชการทั่วประเทศ ร่วมร้องเพลงเคารพธงชาติ จากนั้น นายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวรายงาน ก่อนที่นายกฯ จะขึ้นบนเวทีเพื่อถวายความเคารพ พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมจุดเทียนชัย
จากนั้นนายกฯ ได้กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณว่า "ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตน เป็นข้าราชการที่ดี มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท มุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของประเทศชาติ และประชาชนสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนา ตามแนวทางในพระบรมราโชวาทตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ" พร้อมกันนี้ นายกฯ และผู้เข้าร่วมพิธี ได้ร้องเพลง พ่อของแผ่นดิน และเพลงสรรเสริญพระบารมี
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้เชิญชวนประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันลงนามถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ. ทางเว็บไซต์ www.ocsc.go.th ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2557 ก่อนจะรวบรวมรายชื่อทูลเกล้าฯ ต่อไป
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ศิริชัย ศิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่มเงินและพานพุ่มทอง และพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและเป็นพลังของแผ่นดิน
พล.อ.ดิษฐชัย นำกำลังพลกล่าวปฏิญาณตนว่า ขอถวายสัตยปฏิญาณว่าจะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี มีความซื่อสัตย์สุจริต พร้อมทั้งจะเดินตามเบื้องยุคลบาทของพระองค์ท่าน และจะมุ่งแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน และจะสร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน อีกทั้งจะดำเนินชีวิตตามหลักศาสนา และตามแนวทางในพระบรมราโชวาทตลอดไป
ที่หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานจัดกิจกรรม “ร้อยรวมดวงใจ เทิดไท้องค์ราชัน”เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำข้าราชการทหารสังกัดกองทัพบก ถวายพระพรพร้อมปฏิบัติญาณเป็นข้าราชการที่ดี เพี่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า กองทัพบกถือเป็นหน่วยราชการที่ได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด และมีความเต็มใจที่จะแสดงออกถึงความจงรักภักดี และยังสนองตอบโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลได้จัดขึ้น พร้อมทั้งให้การสนับสนุนหน่วยงานราชการอื่นๆ ในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทัพบกได้จัดพิธีอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชการกุศล ทั้ง 4 กองทัพภาค รวม 440 รูป และยังมีโครงการปฏิบัติธรรม และขบวนรถโบราณที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน รวมถึงการรักษาพยาบาลให้กับประชาชน โดยโรงพยาบาลที่สังกัดกองทัพบกจำนวน 9 แห่ง พร้อมทั้งจัดให้มีการอบรมการทำดีเพื่อแผ่นดินเสริมสร้างความเข้าใจในมหาวิทยาลัยบางแห่งที่สามารถทำได้ ซึ่งปีนี้จะพยายามทำเพื่อเทิดพระเกียรติท่าน เพราะพระองค์ท่านมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทย
***กกต.ปฎิญาณเป็นพนักงานที่ดี
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธ.ค.2557 โดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ได้นำผู้บริหาร เจ้าหน้าที่และพนักงานสำนักงาน กกต. ร่วมกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นพนักงานของรัฐที่ดี เป็นพลังของแผ่นดิน สนองพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประพฤติปฏิบัติเป็นพนักงานที่ดี มีความซื่อสัตย์ มุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาทั้งประเทศชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน
***เปิดตัว9บุคคลในภาพพร้อมทำหนังสือแจก
ที่กระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายดนุชา สินธวานนท์ รักษาการรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) นำบุคคลในภาพพระราชกรณียกิจที่หายากในอดีต แถลงข่าวโครงการเผยแพร่ภาพยนตร์ตามรอยพระราชกรณียกิจ 365 วันนี้ในอดีต และตามหาบุคคลในภาพยนตร์ และบุคคลในภาพพระราชกรณียกิจที่หายากในอดีต ภายใต้กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธ.ค.2557
นายวีระกล่าวว่า ได้จะรวบรวมประวัติของบุคคลในภาพทั้ง 9 ภาพ จัดทำเป็นหนังสือตีพิมพ์เผยแพร่กว่า 3 หมื่นเล่ม เพื่อแจกจ่ายให้แก่ห้องสมุดต่างๆ ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน นำไปเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติต่อไป
ศฺ ดร.อภินันท์ กล่าวว่า ได้นำบุคคลในภาพไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่โรงพยาบาลศิริราช
ด้านนายดนุชา กล่าวว่า การค้นหาบุคคลในภาพและภาพยนตร์เป็นสิงที่ดี เพราะภาพเหล่านี้หายาก หน่วยงานที่ทำหน้าที่บันทึกภาพและภาพยนตร์ไม่ค่อยได้นำมาเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ และในสมัยก่อนระบบการสื่อสารยังไม่มีความทันสมัย การเก็บรักษาฟิล์มไว้ ก็อาจจะสูญหายไปบ้าง ดังนั้น การนำภาพมาเผยแพร่จึงเป็นสิ่งที่ดี
***ปลื้มปิติที่ได้รับเสด็จในหลวง
บาทหลวง วัชระ พฤกษาโรจนกุล บุคคลในภาพที่ 1กล่าวว่า เป็นภาพแห่งความประทับใจในวัยเด็ก โดยภาพที่มีอยู่เป็นภาพที่เคยลงหนังสือพิมพ์และแม่ตัดเก็บไว้ แต่หายไปแล้ว เพราะย้ายที่อยู่บ่อย แต่ถึงจะไม่มีหลักฐานชิ้นนั้น ทุกอย่างก็อยู่ในใจ และขอปิดทองหลังพระตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยมีพระราชดำรัสไว้ว่าการทำความดีไม่ต้องให้ใครรู้ ซึ่งตนเองก็นับถือพระเจ้าอยู่หัวเองเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต เพราะท่านทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งตนเคยคิดว่าจะเป็นทหารรับใช้ประเทศชาติ แต่สุดท้ายก็มาเป็นบาทหลวงรับใช้ศาสนาแทน
น.ส.ชื่นจิต หรุ่มประดิษฐ์ บุคคลในภาพที่ 2 กล่าวว่า รู้สึก ปลี้มใจ ดีใจ เป็นอย่างมาก ถือเป็นมงคลแก่ชีวิต ตอนนั้นอยู่ที่กรุงเทพฯ คุณพ่อพาไปรับเสด็จที่เพชรบุรี เมื่อพระองค์เสด็จผ่านได้ยกมือไหว้ทำความเคารพ และมองดูพระองค์ท่านจนเสด็จผ่านไป
พญ.รังสิมา แสงหิรัญวัฒนา (แต่งชุดนักศึกษา) บุคคลในภาพที่ 2 เช่นกัน กล่าวว่า รู้ปลื้มปิติ ที่มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ เป็นแรงบันดาลใจที่จะใช้ความรู้ ความสามารถในการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นการสนองงานตามพระยุคลบาท และน้อมนำพระราชดำรัสมาใช้ในการพัฒนาประเทศ ขอจงทรงพระเจริญมีพระชนมายุยิ่งยืนยาน ตนเองยินดีที่จะเสียสละเพื่อสนองงาน และจะทำงานรักษาพระสงฆ์ที่อาพาธอย่างสุดกำลัง ตนเชื่อว่า ถ้าทุกคนทำงานได้ดี ประเทศชาติจะเจริญ ตามพระบรมราโชวาท
นางอุษณีย์ หะยีแวดือเระ บุคคลในภาพที่ 3 กล่าวว่า จำได้ว่าเมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จถึงโรงเรียงร่มเกล้า สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงถามพวกเราว่า เดินทางมาโรงเรียนอย่างไร กลุ่มพวกเราตอบว่า มากับรถทหารเพคะ พระองค์บอกว่า ไม่ต้องพูดเพคะก็ได้ ให้พูดค่ะ แล้วพระองค์ทรงถามอีกว่า นำเงินมาโรงเรียนเท่าไร นักเรียนในกลุ่มบางคนตอบว่า 5 บาทค่ะ ตอนนั้นฝน ตกหนัก ลมพัดแรง ทั้งสองพระองค์ทรงเยี่ยม ทักทายนักเรียนเพียงครู่เดียว แล้วพระองค์เสด็จกลับ
นายขวี อินธิแสง บุคคลในภาพที่ 5 กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสถึงความเดือนร้อนที่ชาวบ้านประสบ ซึ่งมีน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการทำเกษตรกรรมของประชาชน โดยมีรับสั่งให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแยก บ้านก๊กส้มโฮง ตำบลกุสุมาลย์ อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยตนได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องการกินอยู่อย่างพอเพียงมาปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเสมอมา
นางเฉลียว สุขสีแดง บุตรีของนายขาว แดงขำ บุคคลในภาพที่ 7 กล่าวว่า นายขาวได้เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ในหลวงเสด็จ นายขาลจะไปรับเสด็จที่วัดพระพุทธ แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าเข้าไปไม่ได้แล้ว นายขาลเลยกลับบ้านเพื่อไปดูควาย พอกลับมาถึงบ้านก็เปลี่ยนผ้า แต่เห็นรถมาเต็มหน้าบ้านก็ตกใจ ขณะนั้นเป็นเวลาตอนเย็นประมาณ 4-5 โมงเย็น โดยในหลวงขับรถมาเอง แล้วได้เสด็จไปตามบริเวณบ้าน เพื่อดูนาข้าวและเสด็จมาที่บ่อน้ำแล้วตรัสว่า “ใช้ดื่มได้ไหม เพราะน้ำแดง” นายขาลตอบว่า ใช้อีกบ่อข้างในบ้าน ในหลวงก็เสด็จไปดูบ่อน้ำในบ้าน ซึ่งปัจจุบันบ่อน้ำนี้ก็ยังใช้อยู่ทุกวันนี้
นายประพันธ์ ภูสุดแสวง บุคคลในภาพที่ 9 กล่าวว่า ในขณะนั้น รับราชการในตำแหน่งพัฒนาชุมชน ได้เฝ้ารับเสด็จฯ พร้อมชาวไร่ดอนขุนห้วย เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและที่ดินเป็นลูกรังไม่สามารถเพาะปลูกได้อย่างเต็มที่ พระองค์ทรงกางแผนที่ และรับสั่งว่า พื้นที่บริเวณน้ำน่าจะทำอ่างเก็บน้ำสำหรับการเกษตรได้ และทรงมีพระราชดำริให้ทำจากสิ่งที่มีอยู่ ให้ชาวไร่ได้ปรับปรุงดิน โดยใช้ปุ๋ยหมักเพื่อพัฒนาดิน ประเทศฝรั่งมีหิมะยังปลูกพืชได้ และทำอุตสาหกรรม หากเขาเกิดภัยพิบัติ เรายังมีพื้นดินทำกินได้ ทั้งนี้ตนรู้สึกประทับใจในพระราชจริยวัตรที่พระองค์ทรงเสด็จมาช่วยเหลือประชาชน ในพื้นดินในพื้นที่ที่ยากลำบาก หากไม่ได้อยู่ในวันนั้น ก็จะไม่เห็นว่า พระองค์ทรงลำบาก และทรงงานเพื่อประชาชนแม้อยู่ห่างไกล ตนเองจึงมีความตั้งใจและทุ่มเทตลอดชีวิตการทำงาน ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และช่วยประชาชนอยู่ให้ดำเนินตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
***ถวายพระพรในหลวง 87 พรรษา
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2557 ความว่า ประเทศไทยเราดำรงอยู่ได้ เพราะมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุขของประเทศ พระองค์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ยอยกพระศาสนา พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติ พระศาสนา และพสกนิกรของพระองค์นานัปประการ เช่น โครงการเศรษฐกิจพอเพียง โครงการช่างหัวมัน โครงการแก้มลิงในพระราชดำริ
พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกแห่งบนผืนดินไทย เพื่อเยี่ยมเยียนพสกนิกรของพระองค์ พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ย่อมประจักษ์อยู่แล้วว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อประโยชน์สุขแก่ปวงพสกนิกรและบ้านเมืองเพียงไร ทรงดำรงพระองค์โดยหลักทศพิธราชธรรม โดยมิได้บกพร่องควรที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า จักได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี
ในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2557 นี้ อาตมาภาพพร้อมด้วยคณะสงฆ์ทั้งมวล ขอถวายพระพรเจริญพระราชสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล พระชนมสุขทุกประการ จงมีแด่สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารพระองค์ สมเด็จพระปรมินทรธัมมิกมหาราชาธิราชเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ขอพระองค์จงทรงพระเกษมสำราญ เจริญด้วยพระชนมายุ พระวรรณะ พระสุขะ พระพละ พระปฏิภาณคุณสารสมบัติและขอจงทรงพระเจริญในสิริราชสมบัติตลอดจิรัฏฐิติกาลเป็นนิตย์เทอญฯ ขอถวายพระพร
***ทุกจังหวัดประดับธงเฉลิมพระเกียรติ
ส่วนบรรยากาศการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในจังหวัดต่างๆ เป็นไปอย่างคึกคัก โดยที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ประดับธงตราสัญลักษณ์ ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และธงชาติไทยเป็นริ้วสลับกันละลานตา พร้อมป้าย "ทรงพระเจริญ" ขนาดใหญ่ ที่ จ.ราชบุรี มีการติดธงตราสัญลักษณ์สลับกับธงชาติไทยได้อย่างงดงาม รวมทั้งสถานที่ราชการ บ้านเรือนและร้านค้า ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ณ มณฑลพิธีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา มีกิจกรรมสาธารณกุศลจัดโรงทานเลี้ยงอาหารฟรี 100 ร้านค้าต่อวัน การบริจาคโลหิต ตรวจสุขภาพ ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ ส่วนค่ำวันที่ 5 ธ.ค. จะมีพิธีจุดเทียนชัยมหามงคล ซึ่งพระเกจิดัง 9 วัดได้ทำพิธีหล่อเทียนขนาดใหญ่จาก 9 พระอุโบสถ ความสูง 3.99 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 99 เซนติเมตร น้ำหนัก 499 กิโลกรัม มาจุดถวายพระพรพร้อมกับท้องสนามหลวง
**คุณตาวัย 91 ปีร่วมปั่นจักรยาน
ส่วนที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอพรหมพิราม จ.พิษณุโลก ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลวังวน ร่วมกับผู้นำท้องถิ่น ได้จัดกิจกรรม ปั่น ปั่น...ปันให้พ่อ ประจำปี 2557 โดยมีว่าที่ ร.ต.ธรรมศิฑชัย สามกษัตริย์ นายอำเภอพรหมพิราม นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชนทั่วไป ร่วมถวายพระพร เพื่อแสดงความจงรักภักดี ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ได้มีคุณตาวัย 91 ปี ชื่อนายกอด มุกทั่ง อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 4 ชาวบ้านตำบลวังวน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้นำจักรยานคู่ใจมาร่วมกิจกรรมด้วย
**หัวหินประดับไฟพิเศษกว่าทุกปี
ส่วนที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน กล่าวว่า ขณะนี้เทศบาลและแขวงการทางประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกันประดับตกแต่งไฟเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช ตลอดแนวถนนเพชรเกษมทั้ง 2 ฝั่ง รวมทั้งเกาะกลางถนนตั้งแต่บริเวณท่าอากาศยานหัวหิน จนถึงสะพานต่างระดับบ้านหนองแก เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยปีนี้มีความสวยงามพิเศษกว่าทุกปี มีการติดตั้งประติมากรรมไฟที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านต่างๆ เช่น การทรงดนตรี การทรงเรือใบ บนเกาะกลางถนนด้านหน้าวังไกลกังวล รวมทั้งการติดตั้งเรือสุพรรณหงส์จำลองประดับไฟที่บริเวณหน้าค่ายนเรศวร
**ตรังสวดเจริญพุทธมนต์ถวายในหลวง
ที่ จ.ตรัง นายนิพันธ์ ศิริธร ปลัดจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีถวายพระพรและปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มลฑลพิธีวัดกะพังสุรินทร์ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้นำพระสงฆ์จาก 14 จังหวัดภาคใต้ สวดมนต์เจริญจิตภาวนาเสริมสิริมงคลดวงชะตาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน และทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว โดยมีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน สมาคมคนพิการ นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมพิธีกว่า 1,000 คน ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์
เมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ข้าราชการระดับสูง ผู้บริหารหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ทั่วประเทศ เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาคุณ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2557
โดยเวลา 08.00 น. นายกฯ และผู้เข้าร่วมพิธี พร้อมด้วยข้าราชการทั่วประเทศ ร่วมร้องเพลงเคารพธงชาติ จากนั้น นายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวรายงาน ก่อนที่นายกฯ จะขึ้นบนเวทีเพื่อถวายความเคารพ พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมจุดเทียนชัย
จากนั้นนายกฯ ได้กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณว่า "ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตน เป็นข้าราชการที่ดี มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท มุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของประเทศชาติ และประชาชนสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนา ตามแนวทางในพระบรมราโชวาทตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ" พร้อมกันนี้ นายกฯ และผู้เข้าร่วมพิธี ได้ร้องเพลง พ่อของแผ่นดิน และเพลงสรรเสริญพระบารมี
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้เชิญชวนประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันลงนามถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ. ทางเว็บไซต์ www.ocsc.go.th ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2557 ก่อนจะรวบรวมรายชื่อทูลเกล้าฯ ต่อไป
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ศิริชัย ศิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่มเงินและพานพุ่มทอง และพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและเป็นพลังของแผ่นดิน
พล.อ.ดิษฐชัย นำกำลังพลกล่าวปฏิญาณตนว่า ขอถวายสัตยปฏิญาณว่าจะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี มีความซื่อสัตย์สุจริต พร้อมทั้งจะเดินตามเบื้องยุคลบาทของพระองค์ท่าน และจะมุ่งแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน และจะสร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน อีกทั้งจะดำเนินชีวิตตามหลักศาสนา และตามแนวทางในพระบรมราโชวาทตลอดไป
ที่หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานจัดกิจกรรม “ร้อยรวมดวงใจ เทิดไท้องค์ราชัน”เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำข้าราชการทหารสังกัดกองทัพบก ถวายพระพรพร้อมปฏิบัติญาณเป็นข้าราชการที่ดี เพี่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า กองทัพบกถือเป็นหน่วยราชการที่ได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด และมีความเต็มใจที่จะแสดงออกถึงความจงรักภักดี และยังสนองตอบโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลได้จัดขึ้น พร้อมทั้งให้การสนับสนุนหน่วยงานราชการอื่นๆ ในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทัพบกได้จัดพิธีอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชการกุศล ทั้ง 4 กองทัพภาค รวม 440 รูป และยังมีโครงการปฏิบัติธรรม และขบวนรถโบราณที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน รวมถึงการรักษาพยาบาลให้กับประชาชน โดยโรงพยาบาลที่สังกัดกองทัพบกจำนวน 9 แห่ง พร้อมทั้งจัดให้มีการอบรมการทำดีเพื่อแผ่นดินเสริมสร้างความเข้าใจในมหาวิทยาลัยบางแห่งที่สามารถทำได้ ซึ่งปีนี้จะพยายามทำเพื่อเทิดพระเกียรติท่าน เพราะพระองค์ท่านมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทย
***กกต.ปฎิญาณเป็นพนักงานที่ดี
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธ.ค.2557 โดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ได้นำผู้บริหาร เจ้าหน้าที่และพนักงานสำนักงาน กกต. ร่วมกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นพนักงานของรัฐที่ดี เป็นพลังของแผ่นดิน สนองพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประพฤติปฏิบัติเป็นพนักงานที่ดี มีความซื่อสัตย์ มุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาทั้งประเทศชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน
***เปิดตัว9บุคคลในภาพพร้อมทำหนังสือแจก
ที่กระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายดนุชา สินธวานนท์ รักษาการรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) นำบุคคลในภาพพระราชกรณียกิจที่หายากในอดีต แถลงข่าวโครงการเผยแพร่ภาพยนตร์ตามรอยพระราชกรณียกิจ 365 วันนี้ในอดีต และตามหาบุคคลในภาพยนตร์ และบุคคลในภาพพระราชกรณียกิจที่หายากในอดีต ภายใต้กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธ.ค.2557
นายวีระกล่าวว่า ได้จะรวบรวมประวัติของบุคคลในภาพทั้ง 9 ภาพ จัดทำเป็นหนังสือตีพิมพ์เผยแพร่กว่า 3 หมื่นเล่ม เพื่อแจกจ่ายให้แก่ห้องสมุดต่างๆ ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน นำไปเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติต่อไป
ศฺ ดร.อภินันท์ กล่าวว่า ได้นำบุคคลในภาพไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่โรงพยาบาลศิริราช
ด้านนายดนุชา กล่าวว่า การค้นหาบุคคลในภาพและภาพยนตร์เป็นสิงที่ดี เพราะภาพเหล่านี้หายาก หน่วยงานที่ทำหน้าที่บันทึกภาพและภาพยนตร์ไม่ค่อยได้นำมาเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ และในสมัยก่อนระบบการสื่อสารยังไม่มีความทันสมัย การเก็บรักษาฟิล์มไว้ ก็อาจจะสูญหายไปบ้าง ดังนั้น การนำภาพมาเผยแพร่จึงเป็นสิ่งที่ดี
***ปลื้มปิติที่ได้รับเสด็จในหลวง
บาทหลวง วัชระ พฤกษาโรจนกุล บุคคลในภาพที่ 1กล่าวว่า เป็นภาพแห่งความประทับใจในวัยเด็ก โดยภาพที่มีอยู่เป็นภาพที่เคยลงหนังสือพิมพ์และแม่ตัดเก็บไว้ แต่หายไปแล้ว เพราะย้ายที่อยู่บ่อย แต่ถึงจะไม่มีหลักฐานชิ้นนั้น ทุกอย่างก็อยู่ในใจ และขอปิดทองหลังพระตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยมีพระราชดำรัสไว้ว่าการทำความดีไม่ต้องให้ใครรู้ ซึ่งตนเองก็นับถือพระเจ้าอยู่หัวเองเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต เพราะท่านทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งตนเคยคิดว่าจะเป็นทหารรับใช้ประเทศชาติ แต่สุดท้ายก็มาเป็นบาทหลวงรับใช้ศาสนาแทน
น.ส.ชื่นจิต หรุ่มประดิษฐ์ บุคคลในภาพที่ 2 กล่าวว่า รู้สึก ปลี้มใจ ดีใจ เป็นอย่างมาก ถือเป็นมงคลแก่ชีวิต ตอนนั้นอยู่ที่กรุงเทพฯ คุณพ่อพาไปรับเสด็จที่เพชรบุรี เมื่อพระองค์เสด็จผ่านได้ยกมือไหว้ทำความเคารพ และมองดูพระองค์ท่านจนเสด็จผ่านไป
พญ.รังสิมา แสงหิรัญวัฒนา (แต่งชุดนักศึกษา) บุคคลในภาพที่ 2 เช่นกัน กล่าวว่า รู้ปลื้มปิติ ที่มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ เป็นแรงบันดาลใจที่จะใช้ความรู้ ความสามารถในการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นการสนองงานตามพระยุคลบาท และน้อมนำพระราชดำรัสมาใช้ในการพัฒนาประเทศ ขอจงทรงพระเจริญมีพระชนมายุยิ่งยืนยาน ตนเองยินดีที่จะเสียสละเพื่อสนองงาน และจะทำงานรักษาพระสงฆ์ที่อาพาธอย่างสุดกำลัง ตนเชื่อว่า ถ้าทุกคนทำงานได้ดี ประเทศชาติจะเจริญ ตามพระบรมราโชวาท
นางอุษณีย์ หะยีแวดือเระ บุคคลในภาพที่ 3 กล่าวว่า จำได้ว่าเมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จถึงโรงเรียงร่มเกล้า สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงถามพวกเราว่า เดินทางมาโรงเรียนอย่างไร กลุ่มพวกเราตอบว่า มากับรถทหารเพคะ พระองค์บอกว่า ไม่ต้องพูดเพคะก็ได้ ให้พูดค่ะ แล้วพระองค์ทรงถามอีกว่า นำเงินมาโรงเรียนเท่าไร นักเรียนในกลุ่มบางคนตอบว่า 5 บาทค่ะ ตอนนั้นฝน ตกหนัก ลมพัดแรง ทั้งสองพระองค์ทรงเยี่ยม ทักทายนักเรียนเพียงครู่เดียว แล้วพระองค์เสด็จกลับ
นายขวี อินธิแสง บุคคลในภาพที่ 5 กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสถึงความเดือนร้อนที่ชาวบ้านประสบ ซึ่งมีน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการทำเกษตรกรรมของประชาชน โดยมีรับสั่งให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแยก บ้านก๊กส้มโฮง ตำบลกุสุมาลย์ อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยตนได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องการกินอยู่อย่างพอเพียงมาปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเสมอมา
นางเฉลียว สุขสีแดง บุตรีของนายขาว แดงขำ บุคคลในภาพที่ 7 กล่าวว่า นายขาวได้เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ในหลวงเสด็จ นายขาลจะไปรับเสด็จที่วัดพระพุทธ แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าเข้าไปไม่ได้แล้ว นายขาลเลยกลับบ้านเพื่อไปดูควาย พอกลับมาถึงบ้านก็เปลี่ยนผ้า แต่เห็นรถมาเต็มหน้าบ้านก็ตกใจ ขณะนั้นเป็นเวลาตอนเย็นประมาณ 4-5 โมงเย็น โดยในหลวงขับรถมาเอง แล้วได้เสด็จไปตามบริเวณบ้าน เพื่อดูนาข้าวและเสด็จมาที่บ่อน้ำแล้วตรัสว่า “ใช้ดื่มได้ไหม เพราะน้ำแดง” นายขาลตอบว่า ใช้อีกบ่อข้างในบ้าน ในหลวงก็เสด็จไปดูบ่อน้ำในบ้าน ซึ่งปัจจุบันบ่อน้ำนี้ก็ยังใช้อยู่ทุกวันนี้
นายประพันธ์ ภูสุดแสวง บุคคลในภาพที่ 9 กล่าวว่า ในขณะนั้น รับราชการในตำแหน่งพัฒนาชุมชน ได้เฝ้ารับเสด็จฯ พร้อมชาวไร่ดอนขุนห้วย เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและที่ดินเป็นลูกรังไม่สามารถเพาะปลูกได้อย่างเต็มที่ พระองค์ทรงกางแผนที่ และรับสั่งว่า พื้นที่บริเวณน้ำน่าจะทำอ่างเก็บน้ำสำหรับการเกษตรได้ และทรงมีพระราชดำริให้ทำจากสิ่งที่มีอยู่ ให้ชาวไร่ได้ปรับปรุงดิน โดยใช้ปุ๋ยหมักเพื่อพัฒนาดิน ประเทศฝรั่งมีหิมะยังปลูกพืชได้ และทำอุตสาหกรรม หากเขาเกิดภัยพิบัติ เรายังมีพื้นดินทำกินได้ ทั้งนี้ตนรู้สึกประทับใจในพระราชจริยวัตรที่พระองค์ทรงเสด็จมาช่วยเหลือประชาชน ในพื้นดินในพื้นที่ที่ยากลำบาก หากไม่ได้อยู่ในวันนั้น ก็จะไม่เห็นว่า พระองค์ทรงลำบาก และทรงงานเพื่อประชาชนแม้อยู่ห่างไกล ตนเองจึงมีความตั้งใจและทุ่มเทตลอดชีวิตการทำงาน ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และช่วยประชาชนอยู่ให้ดำเนินตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
***ถวายพระพรในหลวง 87 พรรษา
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2557 ความว่า ประเทศไทยเราดำรงอยู่ได้ เพราะมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุขของประเทศ พระองค์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ยอยกพระศาสนา พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติ พระศาสนา และพสกนิกรของพระองค์นานัปประการ เช่น โครงการเศรษฐกิจพอเพียง โครงการช่างหัวมัน โครงการแก้มลิงในพระราชดำริ
พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกแห่งบนผืนดินไทย เพื่อเยี่ยมเยียนพสกนิกรของพระองค์ พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ย่อมประจักษ์อยู่แล้วว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อประโยชน์สุขแก่ปวงพสกนิกรและบ้านเมืองเพียงไร ทรงดำรงพระองค์โดยหลักทศพิธราชธรรม โดยมิได้บกพร่องควรที่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า จักได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี
ในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2557 นี้ อาตมาภาพพร้อมด้วยคณะสงฆ์ทั้งมวล ขอถวายพระพรเจริญพระราชสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล พระชนมสุขทุกประการ จงมีแด่สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารพระองค์ สมเด็จพระปรมินทรธัมมิกมหาราชาธิราชเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ขอพระองค์จงทรงพระเกษมสำราญ เจริญด้วยพระชนมายุ พระวรรณะ พระสุขะ พระพละ พระปฏิภาณคุณสารสมบัติและขอจงทรงพระเจริญในสิริราชสมบัติตลอดจิรัฏฐิติกาลเป็นนิตย์เทอญฯ ขอถวายพระพร
***ทุกจังหวัดประดับธงเฉลิมพระเกียรติ
ส่วนบรรยากาศการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในจังหวัดต่างๆ เป็นไปอย่างคึกคัก โดยที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ประดับธงตราสัญลักษณ์ ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และธงชาติไทยเป็นริ้วสลับกันละลานตา พร้อมป้าย "ทรงพระเจริญ" ขนาดใหญ่ ที่ จ.ราชบุรี มีการติดธงตราสัญลักษณ์สลับกับธงชาติไทยได้อย่างงดงาม รวมทั้งสถานที่ราชการ บ้านเรือนและร้านค้า ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ณ มณฑลพิธีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา มีกิจกรรมสาธารณกุศลจัดโรงทานเลี้ยงอาหารฟรี 100 ร้านค้าต่อวัน การบริจาคโลหิต ตรวจสุขภาพ ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ ส่วนค่ำวันที่ 5 ธ.ค. จะมีพิธีจุดเทียนชัยมหามงคล ซึ่งพระเกจิดัง 9 วัดได้ทำพิธีหล่อเทียนขนาดใหญ่จาก 9 พระอุโบสถ ความสูง 3.99 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 99 เซนติเมตร น้ำหนัก 499 กิโลกรัม มาจุดถวายพระพรพร้อมกับท้องสนามหลวง
**คุณตาวัย 91 ปีร่วมปั่นจักรยาน
ส่วนที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอพรหมพิราม จ.พิษณุโลก ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลวังวน ร่วมกับผู้นำท้องถิ่น ได้จัดกิจกรรม ปั่น ปั่น...ปันให้พ่อ ประจำปี 2557 โดยมีว่าที่ ร.ต.ธรรมศิฑชัย สามกษัตริย์ นายอำเภอพรหมพิราม นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชนทั่วไป ร่วมถวายพระพร เพื่อแสดงความจงรักภักดี ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ได้มีคุณตาวัย 91 ปี ชื่อนายกอด มุกทั่ง อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 4 ชาวบ้านตำบลวังวน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้นำจักรยานคู่ใจมาร่วมกิจกรรมด้วย
**หัวหินประดับไฟพิเศษกว่าทุกปี
ส่วนที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน กล่าวว่า ขณะนี้เทศบาลและแขวงการทางประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกันประดับตกแต่งไฟเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช ตลอดแนวถนนเพชรเกษมทั้ง 2 ฝั่ง รวมทั้งเกาะกลางถนนตั้งแต่บริเวณท่าอากาศยานหัวหิน จนถึงสะพานต่างระดับบ้านหนองแก เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยปีนี้มีความสวยงามพิเศษกว่าทุกปี มีการติดตั้งประติมากรรมไฟที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านต่างๆ เช่น การทรงดนตรี การทรงเรือใบ บนเกาะกลางถนนด้านหน้าวังไกลกังวล รวมทั้งการติดตั้งเรือสุพรรณหงส์จำลองประดับไฟที่บริเวณหน้าค่ายนเรศวร
**ตรังสวดเจริญพุทธมนต์ถวายในหลวง
ที่ จ.ตรัง นายนิพันธ์ ศิริธร ปลัดจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีถวายพระพรและปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มลฑลพิธีวัดกะพังสุรินทร์ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้นำพระสงฆ์จาก 14 จังหวัดภาคใต้ สวดมนต์เจริญจิตภาวนาเสริมสิริมงคลดวงชะตาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน และทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว โดยมีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน สมาคมคนพิการ นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมพิธีกว่า 1,000 คน ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์
