xs
xsm
sm
md
lg

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พรายพยากรณ์ ตอนที่ 1

ไพ่ยิปซีถูกคลี่ออกเป็นรูปพัด พร้อมกับวางลงตรงหน้าเจ๊เคียว หญิงร่างอ้วนหน้าตาเอาเรื่อง มีไฝเม็ดใหญ่ที่มีหนวดหนึ่งเส้นตรงมุมปาก

“เคราะห์กำลังจะมาหาเจ๊”
เจ้าของคำทำนายคือ “พิณชนิดา” หมอดูสาวอารมณ์ดีวัยประมาณยี่สิบห้า
ทั้งคู่นั่งกันอยู่ที่ริมแม่น้ำ วิวสวยงาม พิณชนิดาเปิดไพ่ 3 ใบขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะเงยหน้ามองเจ๊เคียว พลางวางไพ่เดดขึ้นมาตรงหน้า
“เคราะห์กำลังจะมาหาเจ๊ หมอพิณพูดเลย เจ๊ตาย!...”
เล่นเอาคนถูกทายถึงกับกำมือแน่น หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“อ๊าย ลื๊อต่างหากที่ต้องตาย บังอาจมาแช่งอั๊ว”
พิณชนิดาหน้าเจื่อน
“อั๊ว เอ๊ย พิณไม่ได้แช่งนะคะ พิณพูดตามที่ไพ่บอก”
เจ๊เคียวลุกขึ้นยืนหน้าดำหน้าแดงด้วยความโมโห
“เหล็กๆ “
สิ้นเสียงตะโกน ชายรูปร่างกำยำ 2 คน ก็เดินส่ายอาดๆ เข้ามา พิณชนิดากลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความกลัว
“จัดชุดใหญ่ให้นังหมอลูลวงโลก”
ลูกน้องเจ๊เคียวย่างสามขุมเข้ามา พิณชนิดากรีดร้องลั่น แล้วรีบใส่ตีนหมาวิ่งจ้ำอ้าวไปทันทีลูกน้องเจ๊เคียวไล่ตาม พลางควักปืนออกมายิงขู่
“ถึงกับต้องฆ่ากันเลยเหรอไอ้บ้า”
จังหวะที่พิณชนิดาวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต บังเอิญมีรถคันหนึ่งแล่นมาข้างๆ เธอรีบไปเคาะกระจกประตูรถคันนั้นด้วยอารามดีใจ
“ช่วยฉันด้วยค่ะ”
แต่พอกระจกถูกไขลงมา กลับกลายเป็นเป็นเจ๊เคียวที่แสยะยิ้มจนเห็นฟันทอง พิณชนิดาถึงกับผงะ เจ๊เคียวเอาระเบิดน้อยหน่าขึ้นมา พร้อมกับปาใส่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำเอาพิณชนิดาถึงกับตัวลอย ขณะที่ร่างของเธอกำลังจะร่วงลงมากระแทกพื้น พลันก็มีมือชายหนุ่มยื่นมารองรับเอาไว้ในอ้อมกอด
พิณชนิดาเงยหน้ามองชายคนนั้น แต่เห็นหน้าไม่ชัด แล้วเสียง”ต๊กต๊กต๊กต๊ก” ก็ดังขึ้น

พิณชนิดาที่นอนอยู่บนเตียง ตื่นลืมตาขึ้นมาเห็นปิ่นเพชรตุ๊กแกตัวเขื่องเกาะอยู่บนหน้าอก เธอถึงกับร้องลั่น พลางปัดปิ่นเพชรจนตัวลอยไปกระแทกกำแพง พอหล่นลงมาบนพื้น จากปิ่นเพชรตุ๊กแกน่าเกลียด กลายร่างเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม
พิณชนิดาตั้งสติได้ก็รีบลุกขึ้นนั่ง
“ขอโทษปิ่นเพชร เจ๊ไม่ได้ตั้งใจ เจ๊ฝันร้าย”
ปิ่นเพชรลุกขึ้นนั่ง พร้อมจับหลังด้วยความเจ็บ
“เห็นว่าเจ๊สวยหรอกนะ ถึงไม่โกรธ ว่าแต่เจ๊ลืมรึเปล่าว่าวันนี้เป็นวันอะไร ?”
“วันเสาร์ ตายแล้ว ฝันร้ายเช้าวันเสาร์ เค้าว่าจะเป็นจริง ขอบใจที่เตือนเจ๊”
“เค้าไม่ได้เตือนเรื่องนั้น”
ปิ่นเพชรฮัมเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์พร้อมทำหน้าทะเล้น
“เฮ้ย วันนี้วันเกิดเจ๊นี่หว่า”
พิณชนิดาหัวเราะร่า ปิ่นเพชรพยักหน้าหงึกๆ

ปราชญ์ , กานต์กมล และพัณทิพา พ่อ แม่ และป้า ยืนล้อมภิชาสินีน้องสาของพิณชนิดา ที่กำลังจัดโต๊ะใส่บาตร ด้วยสีหน้าร้อนใจ
“ยัยภิ ขึ้นไปดูพี่เค้าหน่อยสิ ยัยพิณน่ะขี้เซา นาฬิกาปลุกดังแค่ไหน ก็ไม่ตื่น”
ผู้เป็นพ่อหันมาเร่ง แต่ภิชาสินีมัวแต่จัดของอยู่ เลยไม่ทันฟัง
“พ่อเค้าพูดถูก แม่กลัวพิณจะตักบาตรไม่ทัน นานทีปีหนจะได้ใส่บาตรซักที”
ผู้เป็นป้าส่ายหน้าหน่ายๆ “ยัยพิณโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงกันนักหรอก”
“ยัยพิณเป็นลูกผม ถึงจะอายุ 80 ผมก็ยังห่วง พี่พาไม่มีลูก พี่พาไม่เข้าใจ”
พัณทิพาหันขวับมาทางกานต์กมลทันที “ดูผัวเธอนะกานต์”
“เออ ได้ข่าวว่าสามีกานต์ ก็น้องชายแท้ๆ ของพี่นะคะ”
“น้องชายที่ไม่รู้คุณคนน่ะสิ ฉันเลี้ยงลูกแกสองคนมากับมือ ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่ ทำไมฉันจะไม่เข้าใจว่าการมีลูกมันเป็นยังไง”
“พี่อย่านึกว่าผมไม่รู้ไม่เห็นว่าพี่เลี้ยงลูกผมทิ้งๆขว้างๆ เพราะฉะนั้นพี่อย่ามาทวงบุญคุณ”
ปราชญ์ย้อนกลับ ทำเอาพัณทิพาถึงกับฉุน
“ไอ้น้องทรพี รู้งี้ตอนแกเกิด ฉันแอบเอาขี้เถ้ายัดปากแกก็ดี จะได้ไม่ต้องโตมาเถียงคำไม่ตกฟากแบบนี้”
ภิชาสินีสุดทน หันขวับไปทางพ่อกับป้า
“เงียบกันได้แล้วค่ะ ภิหนวกหู”
พ่อ แม่ และป้าพากันเงียบกริบ จังหวะนั้นแพนเค้กกับขวัญทิพย์ ก็ประคองกอดกันเดินออกมาประมาณว่ารักกันมาก สองผัวเมียถือของใส่บาตรมาด้วย พลางหันไปเห็นภิชาสินียืนอยู่ แต่ไม่เห็นว่ามีพ่อ แม่ และป้ายืนอยู่ใกล้ๆ
“หนูภิบอกให้ใครเงียบเหรอจ๊ะ” ขวัญทิพย์สาวใหญ่วัย 45 ปี เป็นเจ้าของอพาร์ตเม้นต์สุดเค็ม จนทุกคน พร้อมใจกันตั้งฉายาว่า “เกลือสินเธาว์เรียกพี่” หันมาถาม
“นั่นสิ ไม่เห็นมีใครยืนอยู่เลย”
แพนเค้กสามีของขวัญทิพย์ วัย 45 ปี ที่ทำควบทุกตำแหน่ง ตั้งแต่พ่อบ้าน คนสวน ช่างไฟ ยัน รปภ. แถมชอบเม้าท์เรื่องคนในอพาร์ตเม้นต์จนถูกตั้งฉายา “แพนเค้กรู้โลกรู้” กวาดสายตามอง
ภิชาสินี ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพาหันขวับไปเห็นขวัญทิพย์กับแพนเค้กเดินมาหา เท้าของปราชญ์ กานต์กมล และพัณทิพา ลอยอยู่เหนือ ซ้ำขวัญทิพย์กับแพนเค้กยังทะลุผ่านร่างสามคนอีกต่างหาก ใช่แล้ว ทั้งปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา คือ “ผี”
ภิชาสินีทำหน้าไม่ถูก
“เอ่อ สวัสดีค่ะพี่ขวัญทิพย์ พี่แพนเค้ก ภิไม่ได้พูดว่าเงียบนะคะ ภิพูดว่า.....”
พัณทิพากระซิบข้างหู “สายป่านนี้ ทำไมพิณยังไม่ลงมา”
ภิชาสินีเลยพูดต่อ “สายป่านนี้แล้วทำไมพี่พิณยังไม่ลงมา”
แพนเค้กกับขวัญทิพย์มองหน้ากันงงๆ พัณทิพา ปราชญ์ กานต์กมล เห็นท่าไม่ดี จึงรีบหายตัวไป ภิชาสินีถอนหายใจโล่งอก
“จัดเต็มเลยนะคะวันนี้ ของดีๆ ทั้งนั้น”
ขวัญทิพย์ยืดอกอย่างภูมิใจ แต่แพนเค้กพูดขัดขึ้นมาหน้าตาเฉย
“ของดีที่ไหน เนี่ยของบริจาคน้ำท่วมเมื่อสองปีที่แล้ว มันจะหมดอายุวันมะรืนอยู่แล้ว คนสวยของผมก็เลยรีบเอามาใส่บาตร”
ขวัญทิพย์ได้ฟัง ก็หันมาถลึงตาใส่
“ไม่ต้องบอกเค้าหมดก็ได้มั้คะผัวขา อุ๊ยๆ พระมาแล้ว”
จังหวะนั้นพิณชนิดาวิ่งพรวดพราดออกมา
“มาแล้วๆ ทันมั้ยอ่ะน้องภิ”

ภิชาสินีทำหน้าเซ็ง

พระให้พรขวัญทิพย์กับแพนเค้กเสร็จ ก็เดินมาหาสองพี่น้อง ภิชาสินีส่งของให้พิณชนิดา เพื่อใส่บาตร แต่แล้วกลับมีมือๆ หนึ่งมาแตะมือของเธอ

พอพิณชนิดาหันไปเห็น ก็เห็นหนึ่ง เด็กแว๊นหน้าตากวนโอ๊ยใส่ชุดนักเรียนมัธยมยืนอยู่
“ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขัน ชาติหน้าเราจะได้เกิดมาเป็นคู่กันนะครับพี่พิณ”
พิณชนิดาจงใจกระแอมให้รู้ตัว “นายหนึ่ง เอามือออกไป”
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะครับสุดที่รักของผม ซารังเฮโย จุ๊บๆ “
พิณชนิดาหันมาทำหน้าดุ “อายพระอายเจ้าบ้าง”
พูดพลางหันไปทางพระ ที่เตรียมจะให้ศีลให้พร
“จะอุทิศส่วนกุศลให้ใครก็เอ่ยชื่อและนามสกุลออกมา ทั้งสี่ท่านจะได้รับบุญ”
ภิชาสินีหันไปอีกทางก็เห็นปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา และปิ่นเพชรนั่งคุกเข่าบนพื้น พร้อมพนมมือไหว้พระอยู่
“ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้ทำในวันนี้ให้กับนายปราชญ์ นางกานต์กมล และนางสาวพัณทิพา ภู่งาม พ่อ แม่และป้าของข้าพเจ้า รวมถึงปิ่นเพชร น้องชายของข้าพเจ้าด้วย”
พิณชนิดาอธิษฐานในใจ พ่อ แม่ ป้า และปิ่นเพชรยิ้มรับ พลันมีลำแลงสีทองเรื่อเรืองปรากฎขึ้นรอบตัวทั้งสี่คน

พิณชนิดาข้องใจ จนต้องหันมาถามภิชาสินี ที่เดินถือถาดเดินเข้ามาด้วยกัน
“ท่านรู้ได้ไงว่าสี่คน พี่ไม่ได้บอกท่านซักหน่อยว่าจะทำบุญให้ใคร”
“ท่านเป็นพระ ท่านก็คงเห็น”
พิณชนิดาตกใจ “แสดงว่าวิญญาณพ่อแม่ป้ายังอยู่ที่นี่”
ภิชาสินีรีบเปลี่ยนเรื่อง “มะ ไม่รู้สิ ว่าแต่ทำไมพี่ถึงได้ตื่นสาย”
“ฝันร้าย จริงสินะ ว่าจะตรวจดวงตัวเองซักหน่อย”
พูดพลางเดินไปหยิบไพ่มาเปิดสิบใบ ภิชาสินียืนมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เดินออกไปเก็บถาด
“ฝันที่เห็นบอกว่าจะได้สัตว์สองเท้าและจะเสียสัตว์สองเท้า แต่จะพบคู่แท้ เป็นไปได้ไง ก็เรามีแฟนอยู่แล้ว หรือว่าเอกจะเป็นอะไร?”
พิณชนิดาคิดพลางรีบเอามือถือมากดโทร. ออก แต่เอกไม่รับสาย
“ทำไมไม่รับสาย”
พิณชนิดาลุกขึ้นคว้ากระเป๋าที่วางบนโต๊ะ ภิชาสินีออกมาเห็นพอดี จึงออกปากถามว่าจะไปไหน พอได้ยินพี่สาวว่าจะไปหาเอก ก็ทำหน้างง
“จะไปทำไม นัดไว้เที่ยงไม่ใช่เหรอ”
“พี่โทร. ไปแล้วเค้าไม่รับสาย พี่ใจไม่ดี กลัวว่าที่ฝันร้ายเมื่อคืนจะเกี่ยวกับเอก พี่ไปก่อนนะ”
พิณชนิดารีบผลุนผลันออกไป ภิชาสินีหันไปอีกทาง ก็สะดุ้งตกใจ เพราะปราชญ์ กานต์กมล และพัณทิพายืนอยู่ระยะประชิด
“เคยบอกแล้วไงคะว่าอย่ามาเงียบๆ ภิตกใจ”
“ยัยภิ ทำไมลูกไม่ห้ามพี่เค้า ไปหาผู้ชายถึงบ้าน มันดูไม่ดี แล้วอีกอย่าง พ่อก็ไม่ชอบขี้หน้าแฟนพิณคนนี้”
พ่อพูดออกมาตรงๆ แต่กลับถูกพัณทิพาค้าน
“ตาเอกออกจะเป็นเด็กดี”

ทางด้านเอกกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำที่คอนโด รูปร่างของเขาอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ พลันมีมือผู้หญิงมากอดจากข้างหลัง เอกหันไป พร้อมกับส่งยิ้มให้ฟ้ารุ่ง สาวสวยสุดเซ็กซี่ ที่ส่งยิ้มยั่วยวนกลับมาให้

“พี่รู้ได้ไงว่ามันเป็นคนดี พี่ตายตั้งแต่ก่อนยัยพิณจะเป็นแฟนกับไอ้หมอนี่”
ปราชญ์หันมาถามพี่สาว พัณทิพารีบบอก “ก็เค้าหล่อ”
“คนหล่อใช่ว่าจะนิสัยดี คนหล่อนิสัยเลวมีถมไป”
“หุบปากไปเลยนะไอ้ปราชญ์ แล้วแกล่ะ ไม่ชอบขี้หน้าเค้าตรงไหน แกน่ะตายตั้งแต่ยัยพิณยังไม่ถึง 10 ขวบด้วยซ้ำ”
พัณทิพาย้อนกลับ กานต์กมลต้องรีบปรามก่อนที่จะทะเลาะไปกันใหญ่
“กานต์ขอล่ะนะคะ ตอนเป็นคนก็ทะเลาะกัน ตายเป็นผีก็ยังจะทะเลาะกันอีก ไม่เบื่อกันบ้างเหรอคะ”
พัณทิพากับปราชญ์ตอบออกมาพร้อมกัน “ไม่”
พลันผีทั้งสาม ก็สังเกตว่าภิชาสินีหายไปแล้ว

พิณชนิดาเดินเข้ามาในคอนโด ด้วยสีหน้าร้อนใจ ด้วยความเป็นห่วงเอก ขณะที่อีกฝ่ายกำลัง
โอ้โลมอยู่กับฟ้ารุ่งในห้อง
“เราคบกันมา 3 เดือนแล้ว เมื่อไหร่เอกจะบอกเลิกพิณซักที”
“ขอให้พ้นวันเกิดพิณไปก่อน ผมสัญญาว่าผมจะบอกเลิกเค้า อย่างอนผมนะครับคนดี”
เอกทำหน้าอ้อน ฟ้ารุ่งมองแล้วก็ใจอ่อน
จังหวะนั้นเสียงออดหน้าห้องดังขึ้น เอกกับฟ้ารุ่งที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม ถึงกับรีบผละออกจากกัน
“ใครมาตอนนี้ ?”

พิณชนิดายืนหน้าเครียดอยู่หน้าห้อง ครู่หนึ่งประตูก็เปิดออก เอกที่ใส่เสื้อคลุมแบบลวกๆ ถึงกับยืนช็อก แต่พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วรีบเดินออกมาจากห้อง
“เรานัดกันไว้ตอนเที่ยงไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
“เมื่อคืนพิณฝันร้าย พิณเปิดไพ่ มันเกี่ยวกับเอก พิณเป็นห่วง ก็เลยมาหา”
ขณะเดียวกันฟ้ารุ่งเห็นเอกหายเงียบออกไปนาน ก็เดินตามออกมาดู
“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงเอก ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเกิดพิณแท้ๆ แต่พิณก็ยังคิดถึงคนอื่น น่ารักที่สุดเลยแฟนเอกคนนี้ เอกว่าเราไปหาอะไรทานกันเลยดีมั้ยครับ ไหนๆ พิณก็มาแล้ว ถ้างั้นรอเอกตรงนี้แป๊บนะ เอกขอเข้าไปแต่งตัวก่อน”
พิณชนิดาพยักหน้า เอกรีบผลุบเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเจอฟ้ารุ่งก็ตกใจ ฟ้ารุ่งกำลังจะอ้าปากพูด แต่เอกรีบเอามือปิดปากไว้
“พิณยืนอยู่หน้าห้อง ผมต้องไปกับพิณแล้ว”
จากนั้นก็รีบปล่อยมือจากฟ้ารุ่ง แล้วเดินเข้าไปในห้องนอน ฟ้ารุ่งมองตามอย่างแค้นใจ แล้วก็ตัดสินใจเดินตามเข้ามาในห้อง มองมือถือเอก แล้วก็ยิ้มมุมปาก
พิณชนิดาที่ยืนอยู่หน้าห้อง ได้ยินเสียงข้อความที่มือถือ ก็รีบเปิดขึ้นมาอ่าน
“พิณเข้ามาหาเอกในห้องหน่อยสิครับ”

เอกแต่งตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็ถึงกับผงะ เพราะฟ้ารุ่งนอนให้ท่าอยู่บนเตียง
“ฟ้าจะทำอะไร ?”
“ไหนๆ เอกก็ต้องไปแล้ว เรามามีความสุขอีกซักครั้งดีกว่านะคะ”
เอกยืนนิ่ง ฟ้ารุ่งกดเปิดเพลง พร้อมกับลุกขึ้นเต้นท่ายั่วยวน จนอีกฝ่ายกลืนน้ำลายเอื๊อก พิณ
ชนิดาได้ยินเสียงเพลงดังออกมาจากห้องนอน ก็รีบเดินเข้ามา เห็นเอกกับฟ้ารุ่ง กำลังกอดจูบกัน ก็ถึงกับยืนอึ้ง
เอกหันมาเห็น ก็รีบปล่อยตัวฟ้ารุ่งจนล้มไปกองบนพื้น
“นี่มันอะไรกัน”
เอกรีบเข้ามาหาพิณชนิดา พลางพูดแก้ตัว
“ฟังเอกอธิบายก่อน มันไม่ใช่อย่างที่พิณเห็น”
ฟ้ารุ่งลุกขึ้นยืน พลางยิ้มสะใจ “มันเป็นอย่างที่เธอเห็น เธอควรจะขอบใจฉันนะพิณที่ฉันทำให้เธอหายโง่”
พิณชนิดากำมือแน่นทั้งโกรธทั้งเสียใจความรู้สึกประเดประดังเข้ามา สับสนไปหมด ขณะที่เอก เมื่อตั้งสติได้ ก็หันไปตวาด
“หยุดนะฟ้า”
“ฟ้าไม่หยุด มันถึงเวลาที่เอกต้องบอกความจริงกับพิณได้แล้วว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ถ้าเอกไม่กล้า ฟ้าพูดเอง ฉันกับเอกคบกันมาสามเดือน และความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ลึกซึ้งกันมาก หวังว่าเธอคงจะเข้าใจ”
พิณชนิดาได้ฟัง ก็ถึงกับน้ำตารื้น
“ทำไม? ทำไมทำกับฉันแบบนี้ ทั้งๆ ที่ฉันเป็นเพื่อนเธอ”
“อุ๊ต๊ะ นึกว่าจะหายโง่แล้วซักอีก ที่แท้ก็ยังโง่เหมือนเดิม ที่ฉันคบเธอ เพราะอยากได้คนช่วยทำรายงาน ช่วยทำการบ้าน ฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเธอจริงๆ คิดดูให้ดี เซเลบอย่างฉันจะเป็นเพื่อนกับเด็กกำพร้าอย่างเธอได้ยังไง”
พิณชนิดาได้ฟังคำว่า “เด็กกำพร้า” ก็ของขึ้น ซัดหมัดต่อยหน้าฟ้ารุ่งจนหน้าหงาย เลือดกำเดาซิบ
ฟ้ารุ่งจะตบคืน แต่พิณชนิดาหลบทัน แล้วก็ผลักอีกฝ่ายออกไปเต็มแรง จนล้มไปกระแทกพื้น
พิณชนิดาขยับตัว เอกกลัวโดนตบรีบยกมือขึ้นป้องกัน
“อย่าตบเอกนะ เอกกลัวเจ็บ”
พิณชนิดามองเอกด้วยความสมเพช
“ไม่ต้องกลัวฉันตบ เพราะฉันไม่อยากให้มือของฉันแปดเปื้อนความสกปรกของแก เราเลิกกัน”

พูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที

ภูมินทร์นักธุรกิจพันล้าน ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด พร้อมกับท่าทีที่เย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ เรื่องมาก ปากร้าย จนมีเรื่องกับคนไปทั่ว กำลังวิ่งหนีกลุ่มชายชุดดำที่ไล่ตามมาติดๆ ไฮโซหนุ่ม วัย 30 ปี ในสภาพสะบักสะบอมวิ่งหนีออกมาจากในซอย
 
ขณะที่ชายชุดดำไล่กวดตามมาติดๆ จังหวะนั้นรถเต่าของพิณชนิดาที่ขับรถไป ร้องไห้ไปด้วยความเสียใจ ก็แล่นตรงมา ภูมินทร์ตัดสินใจพุ่งออกไปขวางหน้ารถ พิณชนิดาตกใจ รีบเหยียบเบรกจนหัวทิ่ม แล้วจู่ๆ ภูมินทร์ก็เปิดประตูเข้ามานั่งข้างๆ คนขับหน้าตาเฉย
“เข้ามาทำไม ?”
ภูมินทร์หันไปทำเสียงดุ “ขับไป”
“แกเป็นโจรใช่มั้ย ถ้าอยากได้รถ ก็เอาไปเลย ฉันให้”
พิณชนิดาพูดพลางจะเปิดประตูหนี แต่ภูมินทร์คว้าแขนเอาไว้แน่น
“ขับไป”
พิณชนิดากลัวลนลาน จนลืมสนิทว่าเพิ่งอกหักมา
“อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว ฉันมีน้องสองคน เอ๊ย ! ไม่ใช่ หนึ่งคนกับหนึ่งตัวที่ต้องดูแล ฉันจะตายไม่ได้เด็ดขาด เพราะพ่อแม่ป้าฉันตายไปหมดแล้ว”
ภูมินทร์หันไปเห็นชายชุดดำ ที่ตามมาใกล้จะถึงควักปืนออกมา ก็รีบกดหัวพิณชนิดาให้หลบ
“จะทำอะไรฉัน”
พลันเสียงปืนก็ดังขึ้น 3 นัดซ้อน พิณชนิดาตกใจ พอเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นชายชุดดำพร้อมปืนยืนหน้าตาเอาเรื่องอยู่
“คราวนี้จะขับไปได้ยัง”
พิณชนิดาพยักหน้า แล้วก็รีบขับรถออกไปทันที
รถแล่นออกมาได้ครู่หนึ่ง ภูมินทร์หันกลับไปมอง พอเห็นว่าไม่ใครตามมาอีก ก็ถอนหายใจโล่งอก
“คุณเป็นใคร ทำไมถึงโดนตามล่า”
“ไม่ต้องรู้ ขับให้เร็วกว่านี้ก็พอ”
พิณชนิดาทำหน้างง “แล้วจะให้ฉันขับไปที่ไหน ?”
ยังไม่ทันที่ภูมินทร์จะตอบ ก็มีมอเตอร์ไซด์แล่นมาประกบข้างรถ คนขับใส่หมวกกันน็อกอำพรางใบหน้าไว้ ภูมินทร์รีบหันไปสั่ง
“เหยียบ”
พิณชนิดายิ่งงงหนัก “เหยียบอะไร?”
ภูมินทร์ตัดสินใจยกขามาเหยียบบนเท้าพิณชนิดา เพื่อเหยียบคันเร่ง ทำเอาฝ่ายโดนเหยียบทั้งเจ็บทั้งตกใจ
รถมอเตอร์ไซด์ไล่ตามรถพิณชนิดามาตามถนน ผ่านหน้าตำรวจจราจรที่รู้สึกผิดสังเกต จึงรีบขับรถตามไปทันที

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน คุณต้องเล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้”
พิณชนิดาโวยลั่น เมื่อมองกระจกหน้าและเห็นรถมอเตอร์ไซด์ไล่ตามมา
“ไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ไง มีคนตามฆ่าคุณขนาดนี้ และฉันจะบอกให้นะว่าฉันไม่มีทางตายไปกับคุณเด็ดขาด วันนี้ฉันเพิ่งจะอายุ 25 ฉันยังสาว ยังสวย ยังมีอนาคตไกล”
ภูมินทร์มองอย่างรำคาญ
“ถ้ายังขืนพูดมาก เธอได้ตายเร็วกว่าที่คิดแน่ ฉันไม่น่าขึ้นไอ้รถสัปรังเคคันนี้เลย ทั้งเก่า ทั้งไร้รสนิยม ขับเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอไง”
พิณชนิดาได้ฟัง ก็ฉุนกึก
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากรับนายขึ้นมาหรอกนะ ไอ้ตัวซวย บ่นอยู่นั่นแหละ”
ทันใดนั้นชายบนมอเตอร์ไซด์ก็ยิงปืนใส่ กระสุนโดนล้อจังๆ จนรถเสียการทรงตัวทันที ภูมินทร์เกาะเบาะแน่น พิณชนิดาพยายามประคองพวงมาลัยแต่รถทรงตัวไม่อยู่ แฉลบเข้าข้างทาง พุ่งเข้าหาต้นไม้ใหญ่ พิณชนิดารีบเหยียบเบรค แต่ดันเหยียบผิดไปเหยียบคันเร่ง รถพุ่งชนต้นไม้เข้าอย่างจัง ร่างของภูมินทร์ที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยทะลุกระจกด้านหน้าพุ่งออกไป ส่วนพิณชนิดาหัวกระแทกพวงมาลัยอย่างแรง
มอเตอร์ไซด์จอด พร้อมกับที่คบขับกระชับปืนในมือ กำลังจะลงมา แต่ตำรวจจราจรมาถึงพอดี
“จะทำอะไร ?”
คนขับมอเตอร์ไซด์หันไปเห็นตำรวจ ก็ตกใจ รีบขับรถหนีไป ตำรวจจอดรถเข้าไปดูพิณชนิดา
“คุณผู้หญิงครับ คุณผู้หญิง”
พิณชนิดาได้สติ ลืมตาเห็นตำรวจก็ยิ้มดีใจ
“คุณตำรวจ ช่วยฉันด้วยค่ะ”
“ใจเย็นครับ ผมเรียกรถพยาบาลมาแล้ว”
พิณชนิดาหันไปเห็นภูมินทร์หายไปก็ตกใจ
“หะ หายไปไหน?”
“ใครหายเหรอครับ?”
“มีคนนั่งมากับฉันค่ะ”
พอทุกคนมองไปรอบๆ ก็เห็นภูมินทร์นอนหมดสติอยู่บนพื้นห่างออกไป

เจ้าหน้าที่เข็นพาภูมินทร์มาตามทาง สภาพของเขาดูย่ำแย่ มีเลือดท่วมจากหน้าลงมาถึงหัวไหล่ ต้องให้ออกซิเจน พิณชนิดาเดินตามมาติดๆ ตัวสั่นเทาด้วยความตกใจกลัว จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พาภูมินทร์เข้าห้องฉุกเฉิน
“ห้ามตายนะ ถ้าคุณตาย ฉันต้องถูกหาว่าเป็นฆาตกรแน่ๆ ทำไมวันเกิดปีนี้มันเฮงซวยแบบนี้วะ?”

หมวดอรรถพร นายตำรวจหนุ่มไฟแรง วัย 28-30 ปี ฉลาดเฉลียว แต่กลัวผีขึ้นสมอง ยิ้มถือปืนยิ้มกริ่ม หลังจากที่จัดการกับคนเมายาบ้าที่จับผู้หญิงเป็นตัวประกันได้

“หมวดอรรถพร คุณยิงออกไปได้ยังไง ทั้งๆ ที่เห็นว่าคนร้ายมีตัวประกันอยู่ในมือ”
สารัตรตบโต๊ะดังปัง พร้อมกับลุกขึ้นยืนตรงหน้าอรรถพรที่ก้มหน้างุด พลางพยายามอธิบาย
“ผมคำนวนวิถีกระสุนดีแล้วครับท่าน ยังไงก็ไม่มีทางโดนตัวประกัน”
สารวัตรส่ายหน้า
“ผมรู้ว่าหมวดเพิ่งเลื่อนขั้น กำลังไฟแรง แต่จะทำอะไร ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนให้มากที่สุด เราเป็นตำรวจ มีหน้าที่ทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้ เข้าใจมั้ย”
อรรถพรยกมือทำความเคารพ “ผมจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วครับผม”

พยาบาลเดินออกมาหาพิณชนิดาที่เดินไปเดินมาหน้าตาเคร่งเครียด
“คุณคะ คุณมากับคุณผู้ชายที่หัวแตกใช่มั้ยคะ”
พิณชนิดาพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“คือ...”
พิณชนิดาหน้าซีด “อย่าเพิ่งค่ะ ขอฉันทำใจก่อน ฉันยังทำใจไม่ได้ ฉันต้องรับไม่ได้แน่ๆ ถ้าเกิดเค้าตาย”
“เค้าไม่ตายค่ะ แต่เราต้องพาเข้าห้องผ่าตัด เพราะแผลที่ศีรษะลึกมาก และต้องเช็คสมองให้ละเอียดว่ามีเลือดคั่งรึเปล่า ถ้ายังไง คุณช่วยไปกรอกประวัติแทนคนเจ็บด้วยนะคะ”
พิณชนิดาหน้านิ่ว “ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าเค้าเป็นใคร ?”

แพนเค้กในชุดรปภ.กำลังโบกรถให้กับลูกค้า พร้อมกับเป่านกหวีดบอกทาง แต่กลับเผลอกลืนนกหวีดลงคอไป ขณะเดียวกันอรรถพร ก็เดินลากกระเป๋าเข้ามา หยุดยืนตรงหน้าอพาร์ทเม้นต์
“ชีวิตใหม่เริ่มต้นแล้วไอ้อรรถ วันพรุ่งนี้จะต้องดีกว่าวันนี้”
พอหันไปเห็นแพนเค้กกำลังทุรนทุราย อรรถพรก็รีบลากกระเป๋าเข้าไปหา
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ”
ลูกค้าที่ช่วยดูแลแพนเค้กอยู่รีบบอก “พี่เค้ากินนกหวีดเข้าไปค่ะ”
อรรถพรตกใจ พลางรีบวางกระเป๋า แล้วเข้าไปอุ้มแพนเค้กพาดบ่า แล้ววิ่งๆๆๆ พร้อมตบหลัง ในที่สุดนกหวีดก็ร่วงจากปาก อรรถพรวางแพนเค้กลงบนพื้น
“เป็นไงบ้างครับพี่ยาม”
แพนเค้กหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออก

ขวัญทิพย์กับแพนเค้กยิ้มดีใจ ที่อรรถพรจะมาเป็นลูกค้ารายใหม่ของอพาร์ตเม้นท์ หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จ ขวัญทิพย์ก็รีบหยิบกุญแจห้องยื่นส่งให้
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
อรรถพรลากกระเป๋าเดินมองหาห้องมาตามทาง
“ห้อง 399 อยู่ไหนวะ”
หนึ่งเดินออกมาจากห้อง เห็นอรรถพรกำลังเดินทำหน้ามึนๆ ก็เดินเข้าไปหา
“มีไรให้ช่วยมั้ยครับคุณพี่ตำรวจ”
“พี่กำลังหาห้องเบอร์ 399”
หนึ่งหันไปตรงหน้าห้อง เห็นเลขห้อง 396 ก็รีบยื่นมือไปบิดเลข 6 ตัวสุดท้ายให้กลับขึ้นไป กลายเป็นห้อง 399 พลางหันมายักคิ้วให้
พออรรถพรลากกระเป๋าเข้ามาในห้อง หนึ่งก็เดินตามเข้ามา
“ผมชื่อหนึ่ง อยู่ข้างห้อง มีปัญหาอะไร บอกผมได้เลยนะเพ่ ผมช่วยได้ทุกเรื่อง”
อรรถพรยิ้มรับ “ขอบใจ มีอะไรอีกมั้ย”
หนึ่งสะดุ้ง “ไม่มีแล้วเพ่ ผมไปนะ”
พอหนึ่งเดินผละออกไป อรรถพรก็รีบกดล็อกประตู ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ห้อง ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ห้องใหม่ ตำแหน่งใหม่ มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น”
พลันเขาก็สังเกตว่ามีควันลอยเข้ามาในห้อง

“ควันอะไรวะ?”

อรรถพรวิ่งพรวดออกมาที่ระเบียง เห็นภิชาสินีกำลังจุดธูปกำโต ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เขาเผลอยิ้มให้กับความน่ารักของเธอ อารมณ์เหมือนเจอรักแรกพบเข้าให้แล้ว

ภิชาสินีเอาธูปปักลงในกระถางที่วางบนโต๊ะ ที่มีส้มใส่จานวางอยู่ พลางหันไปทางเจ้าที่คนจีนหนวดยาว ผมยาว ในชุดขาว เหมือนจอมยุทธที่ออกปากขอบคุณที่ทำบุญให้ จากนั้นก็หายตัวไป พร้อมกับควันธูปที่ค่อยๆ จางลง
ภิชาสินีเห็นอรรถพรโผล่หน้าออกมาจากระเบียงห้องข้างๆ ก็นึกว่าเป็นวิญญาณเร่ร่อน
“ถ้าไงฉันจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้”
อรรถพรรีบปฏิเสธ “ผมเป็นคน ไม่ใช่ผี”
“ อ้าว? แสดงว่าห้องนี้มีคนมาอยู่แล้วเหรอ “
“ก็ใช่น่ะสิครับ คนตัวเป็นๆ ยังไม่รู้อีก ว่าแต่คุณจุดธูปได้ยังไง มันผิดกฎของที่นี่รู้รึเปล่า ดับธูปเดี๋ยวนี้”
ภิชาสินีไม่พอใจ รีบเดินเข้าไปในห้อง โดยที่ไม่ยอมดับธูป
“เดินหนีทำไม? ถ้าคุณไม่ออกมาดับธูปดีๆ ผมจะฟ้องพี่ขวัญทิพย์นะ”

แต่พอมาแจ้ง ขวัญทิพย์กลับพูดหน้าตาเฉย
“ห้องนี้ยกเว้นค่ะ”
อรรถพรชักสีหน้าไม่พอใจ
“ยกเว้น ทำแบบนี้เท่ากับพี่เลือกปฏิบัติ สองมาตรฐานนะครับ”
แพนเค้กรีบช่วยพูด “ใจเย็นก่อนไอ้น้อง พวกพี่ก็ลำบากใจม้ากมาก แต่ทำอะไรห้องนี้ไม่ได้จริงๆ”
“น้องอรรถอยู่ไป ก็จะรู้เองว่าทำไม”
อรรถพรยิ่งฟัง ก็ยิ่งไม่เข้าใจ

ภูมินทร์นอนไม่ได้สติบนเตียง ที่ศรีษะยังมีผ้าพันแผลพันอยู่ พร้อมทั้งมีพลาสเตอร์ปิดที่หางคิ้วข้างหนึ่ง ตามหน้าตามีรอยช้ำนิดๆ ขณะที่พิณชนิดานั่งหลับอยู่บนโซฟาด้วยความอ่อนเพลีย
ครู่หนึ่งภูมินทร์ก็ขยับตัว ฟื้นขึ้นมา พิณชนิดารู้สึกตัว ก็ตาสว่างรีบลุกเดินมาข้างเตียง
“ที่นี่ ที่ไหน ?”
“โรงพยาบาล คุณเป็นไงบ้าง ?”
ภูมินทร์หน้าหน้างงๆ “เจ็บ ว่าแต่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“คุณโดนตามฆ่า”
“ฉันเนี่ยนะ? โดนตามฆ่า ดูละครมากไปเปล่า”
พิณชนิดายืนยันเสียงเข้ม
“ฉันพูดจริง คุณหนีขึ้นรถฉัน มีคนไล่ยิง ทำให้ยางรถฉันแตก รถฉันพุ่งชนต้นไม้ เราสองคนถึงต้องมาอยู่โรงพยาบาล”
ภูมินทร์ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ

ภูมินทร์นั่งกินข้าวไข่เจียวอยู่บนเตียง พิณชนิดาปรายตามอง พลางคิดหนัก
“ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้ หรือสมองได้รับการกระทบกระเทือนจนทำให้ความจำ คุณชื่ออะไร?”
ภูมินทร์ถึงกับชะงัก “จำไม่ได้”
“นั่นไง ว่าแล้วเชียว”
ภูมินทร์พยายามนั่งนึก
“นั่นสิ ฉันชื่ออะไร ฉันเป็นใคร ทำไมฉันจำไม่ได้ ทำไม ทำไม ?”

“สมองของคนเจ็บได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้เกิดภาวะความจำเสื่อม ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ แต่ต้องใช้เวลาครับ”
หมออธิบายอาการของภูมินทร์ให้พิณชนิดาฟัง
“แล้วต้องใช้เวลานานเท่าไหร่คะ”
“อันนี้หมอตอบไม่ได้จริงๆ มันขึ้นอยู่กับการดูแล บางคนหนึ่งอาทิตย์ก็จำได้แล้ว แต่ถ้าอย่างแย่มากๆ ก็จำไม่ได้เลยตลอดชีวิต”
พิณชนิดาได้ฟังก็ถึงกับอึ้ง ด้วยความรู้สึกผิด
“ถ้าเกิดนายนั่น จำไม่ได้ตลอดชีวิต จะทำยังไง?”

พิณชนิดาค่อยๆ เปิดประตูห้องกลับเข้าไป พร้อมๆ กับที่โดนภูมินทร์เอาหมอนปาใส่หน้า เธอรีบคว้าหมอนมาปากลับ
“ กล้าปาหมอนใส่ฉันเหรอ ?”
แต่กลับโดนพิณชนิดาย้อนกลับ
“แล้วทำไมฉันต้องไม่กล้าด้วย ทีนายยังปาหมอนใส่คนอื่นเลย”
“พยาบาลคนนั้นพูดมากน่ารำคาญซักฉันอยู่ได้”
ภูมินทร์หมายถึงพยาบาลที่พยายามจะซักถามเกี่ยวกับประวัติของเขา
“เค้าทำตามหน้าที่ จะไปว่าเค้าทำไม ?”
“ถามไป ฉันก็ตอบไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าฉันชื่ออะไร?”
พิณชนิดาถอนใจ
“ถ้างั้น ฉันจะตั้งชื่อให้นายเอง ฉันรู้แล้วว่าจะเรียกนายว่าอะไร นายไข่เจียว”
ภูมินทร์อึ้ง ขณะที่พิณชนิดายิ้มอย่างพอใจกับชื่อที่ตั้ง
ขณะที่ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา กำลังรอพิณชนิดาอย่างกระวนกระวายใจ ครู่หนึ่งเสียง
มือถือของภิชาสินีดังขึ้น
“พี่พิณโทรมา พี่อยู่ไหน? โรงพยาบาล ?”
ภิชาสินีตกใจ พลางหันมามองหน้าปราชญ์ กานต์กมล และพัณทิพา ที่ต่างก็เป็นห่วงพิณชนิดา

ภิชาสินีเดินหิ้วกระเป๋ามาตามทางในโรงพยาบาล แล้วก็มองเห็นพิณชนิดานั่งอยู่ในสภาพอิดโรยเธอรีบเดินเข้ามานั่งข้างๆ
“เสื้อผ้าที่พี่ให้ภิเอามาให้”
พิณชนิดายื่นมือไปรับกระเป๋ามา “ขอบใจ”
ภิชาสินีหยิบไพ่ยิปซียื่นไปตรงหน้าพี่สาว
“ภิเอานี่มาให้พี่ด้วย จะได้รู้ว่าเค้าดีหรือเลว ถึงโดนตามฆ่าแบบนั้น ภิไม่ไว้ใจ”

ครู่หนึ่งพิณชนิดาก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ขณะที่ภูมินทร์นั่งกดรีโมททีวีเปลี่ยนช่องไปมา
“ขอมือหน่อย”
ภูมินทร์ทำหน้างง “ทำไม ?”
“เอามือมาเหอะน่า”
ภูมินทร์ยื่นมือให้ พิณชนิดาเอาไพ่วางบนมือ
“ขอบใจ”
พูดจบก็ก็เดินออกไป ภูมินทร์มองตามอย่างงงๆ

พิณชนิดาเดินออกมาเปิดไพ่ ต่อหน้าภิชาสินี ที่มองอย่างอยากรู้
“ ชีวิตล้อมรอบไปด้วยเงินด้วยทอง”
ภิชาสินีครุ่นคิด
“หรือว่าเค้าจะเป็นโจรปล้นแบงค์ ต้องใช่แน่ๆ เลยพี่ และที่โดนตามล่า อาจจะเพราะขัดผลประโยชน์กันในกลุ่มมาเฟีย พี่พิณต้องเลิกยุ่งกับเค้า”
พิณชนิดาส่ายหน้า “แต่พี่มีส่วนทำให้เค้าเป็นแบบนั้น”
“เค้าทำตัวเค้าเองต่างหาก ถ้าพี่พิณอยากช่วยเค้า ก็ช่วยแค่ค่ารักษาพยาบาลก็พอ ไม่ต้องมาพบ ไม่ต้องมาหาเค้าอีก ภิเป็นห่วง กลับบ้านได้แล้ว”

พิณชนิดามองหน้าภิชาสินี พลางชั่งใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

อ่านต่อหน้าที่ 2

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 1 (ต่อ)

ภูมินทร์ลืมตาโพลงในความมืด พยายามจะข่มตาให้หลับ จนเวลาล่วงเลยมาถึงหกโมงเช้า เขารีบประคองตัวลุกขึ้นนั่ง
“นอนไม่หลับเลยเว้ย ถ้าได้กลับบ้าน คงจะนอนหลับ บ้านเราอยู่ไหน?”

ขณะเดียวกันภายในบ้านของภูมินทร์ก็กำลังวุ่นวายกับการหายตัวไปของเขา
สัณชัยผู้เป็นอาหันมาทางก้องภพผู้ช่วยคนสนิทของภูมินทร์สีหน้าเคร่งเครียดทั้งคู่
“จนป่านนี้ยังตามหาตัวตาภูไม่เจออีกเหรอ ?”
ก้องภพพยักหน้า “ครับ เจอแต่รถคุณภูมินทร์จอดทิ้งไว้ข้างถนน มันแปลกตรงที่มือถือกับกระเป๋าสตางค์อยู่ในรถ ลักษณะเหมือนคุณภูกำลังหนีอะไรบางอย่าง”
“แล้วตาภูจะหนีใคร ?”
ทันใดนั้นเสียงแสงโชติก็ดังแทรกขึ้นมา
“ จะหนีใครล่ะครับพ่อ ก็หนีศัตรูไงครับ อย่าลืมว่าไอ้..เอ่อ ภูมีศัตรูมากมายแค่ไหน ตั้งแต่แม่บ้านยันผู้บริหาร ก็เพราะปากของมัน”
สัญชัยรีบปรามลูกชาย
“พอได้แล้วแสงโชติ ยังไงภูก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเรา อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ ฉันไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่ มันจะไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัท ถ้ายังไงช่วงนี้ฉันจะทำงานแทนตาภูไปก่อน”
ก้องภพรับคำ ขณะที่แสงโชติยิ้มหยัน
“หรือไม่ พ่อก็อาจจะได้ทำงานแทนมันไปตลอดชีวิต รูปการณ์แบบนี้ผมว่า ภูอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
แม่นมนวลจันทร์ที่ถือถาดวางน้ำได้ยินถึงกับเป็นลม ถาดหล่นพื้น แก้วแตกกระจาย ทุกคนหันขวับไปมอง ก้องภพรีบพุ่งเข้าไปประคอง
“ขอบคุณนะคะคุณก้อง คุณหนูของนม จะตายจริงๆ เหรอคะ”
ก้องภพพยายามพูดปลอบ
“นมอย่าไปฟังที่คุณแสงโชติพูดเลยนะครับ นมก็รู้ว่าเค้าไม่ถูกกับคุณภู นมทำใจให้สบาย อย่าคิดมาก ผมสัญญาว่าจะตามหาคุณภูให้เจอให้ได้”

พิณชนิดากำลังจัดอาหารใส่จานหลุมลายการ์ตูนให้ปิ่นเพชร ครู่หนึ่งภิชาสินีใส่ชุดนักศึกษาก็เดินออกมา
“ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานแล้วก็ลืม ตอนที่พี่พิณเกิดเรื่อง พี่เอกไม่ได้อยู่กับพี่เหรอ?”
พิณชนิดาถึงกับชะงัก “เราเลิกกันแล้ว”
วิญญาณของปราชญ์ทำท่าดีใจ พัณทิพากับกานต์กมลหน้าเครียด
“ทำไมถึงเลิกกัน คบกันมาตั้งเจ็ดปี มีอะไรก็น่าจะค่อยๆ พูดค่อยๆจา ผู้ชายยิ่งหายากอยู่นะยัยพิณ”
ปราชญ์รีบแย้ง “ไม่ต้องไปฟังป้าเค้าลูก คนสวยคนเก่งอย่างลูกสาวพ่อ หาผู้ชายที่ดีกว่าไอ้เอกได้อยู่แล้ว”
ภิชาสินีหันขวับมามอง เป็นเชิงปรามพ่อกับป้า ก่อนจะหันไปทางพี่สาว
“มันเกิดอะไรขึ้น ?”
“อย่าพูดถึงมันเลย พี่ไม่อยากนึกถึงอีก วันนี้มีสอบไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะ ไม่ต้องกังวล อกหักก็เหมือนยุงกัดอีกไม่นานก็หายเจ็บ”
ภิชาสินีพยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็รีบเดินออกไป พิณชนิดาหน้าเศร้า ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพามองด้วยความเห็นใจ
พิณชนิดาเอามีดมาปอกแอปเปิ้ล แต่กลับเผลอทำมีดบาดนิ้วตัวเอง
“นายไข่เจียวจะเป็นอะไรรึเปล่า?”
จากนั้นก็รีบบึ่งไปที่โรงพยาบาล แต่กลับไม่เจอภูมินทรืทอยู่ในห้อง

พิณชนิดายิ่งเครียดหนัก

ทางด้านภูมินทร์ พยายามฝืนความเจ็บเดินเรื่อยๆ มาตามถนน ทั้งที่ยังใส่ชุดโรงพยาบาล ทำเอาคนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว

“นึกให้ออกสิว่าเราเป็นใคร? บ้านอยู่ที่ไหน?”
พิณชนิดากึ่งเดินกึ่งวิ่งมองหาภูมินทร์มาตามทาง
“นายไข่เจียว นายไปไหนของนาย ?”
ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงบีบแตรดังสนั่น พอหันไปก็เห็นภูมินทร์ยืนกลางถนน เกือบจะถูกรถชนเธอรีบวิ่งไปดึงเขาไปให้หลบออกมาทันที
“นายมายืนทำบ้าอะไรกลางถนน อยากตายเหรอไง?”

พิณชนิดาพาภูมินทร์กลับเข้ามาในห้องพัก พลางรินน้ำให้ดื่ม
“นายหนีออกจากโรงพยาบาลทำไม ?”
“ฉันจะกลับบ้าน”
พิณชนิดายิ้มดีใจ “นึกออกเหรอว่าบ้านอยู่ไหน ?”
ภูมินทร์ส่ายหน้า “นึกไม่ออก ว่าแต่เธอ หายไปไหนมา ?”
“ฉันมีบ้าน ก็ต้องกลับบ้านสิ”
ภูมินทร์หน้าเศร้า “นั่นสิ ใครๆก็มีบ้าน ยกเว้นฉัน”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้นายคิดมาก เอางี้มั้ย ช่วงที่นายยังจำอะไรไม่ได้ ไปพักที่บ้านฉันก่อน”
“ถ้างั้นก็ไปเลย”
แต่เมื่อพิณชนิดาไปปรึกษาหมอ เรื่องจะพาภูมินทร์ออกจากโรงพยาบาล กลับได้รับคำตอบว่า
“ถ้ายืนยันจะออกจากโรงพยาบาลจริงๆ ผมต้องขอเช็คร่างกายอย่างละเอียดอีกซักครั้งนะครับ”


“พวกแกไม่มีสิทธิ์เอาของฉันออกไปจากบ้านหลังนี้”
ปณิตาที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาพร้อมกับเปรมสุดาร้องโวยวาย ขณะที่ผู้ชายร่างกำยำ 3 คนกำลังขนทีวี และข้าวของเครื่องใช้ออกไปจากบ้าน พลันสียงเสี่ยมานพก็ดังสวนขึ้นมา
“งั้นอั๊วยึดทั้งบ้านเลยดีมั้ย”
ปณิตารีบเปลี่ยนสีหน้าทันที
“ไม่ดีหรอกค่ะเสี่ยขา เสี่ยจะใจร้ายใจดำกับตาแล้วก็ลูกเหรอคะ”
“เออ แล้วตอนที่ลื๊อมายืมเงินอั๊ว รับปากดิบดีว่าจะคืนเงินให้ภายในสามอาทิตย์ จนเลยมาสามเดือน ลื๊อใจดีกับอั๊วมากเลยนะ”
เปรมสุดารีบช่วยพูด “เราสองคนไม่ได้อยากเบี้ยวเสี่ยนะคะ แต่เงินมันหมุนไม่ทันจริงๆ”
“ถ้าแค่หมื่นสองหมื่น อั๊วไม่ว่า แต่นี่สามล้าน ลื๊อเห็นกะบาลอั๊วมั๊ยว่าไม่มีผมแล้ว เพราะอั๊วเครียด ขนของออกไปเว้ย ของที่เอาไป ยังไม่ได้ถึงครึ่งของดอกเบี้ย อีกหนึ่งเดือน อั๊วจะกลับมาเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก
เตรียมตัวไว้”
พูดจบเสี่ยมานพกับลูกน้องเดินออกไป เปรมสุดากับปณิตากลัวจนหัวหด
“เวรแล้วไง ถ้าลูกไม่รีบจับคุณภูแต่งงาน มีหวังเราได้อยู่กระต๊อบแน่”
เปรมสุดาถอนหายใจ
“งั้นก็เตรียมตัวอยู่กระต๊อบเถอะค่ะ ขนาดเมื่อวานสุดาโทรหาภูทั้งวัน ภูยังไม่รับสาย แล้วก็ไม่โทรกลับ เพราะฉะนั้นเรื่องแต่งงาน เลิกคิดไปได้เลย”
ระหว่างนั้นก้องภพเดินเข้ามาในบ้าน
“สวัสดีครับคุณปณิตา”
ปณิตารับไหว้ เปรมสุดาเอะใจ
“คุณก้องมาถึงนี่ ภูเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ผมมาเพราะเรื่องคุณภูเนี่ยแหละครับ ผมเห็นจากมือถือคุณภูว่าคุณเปรมสุดาโทร. หาคุณภูหลายครั้งเมื่อวาน ไม่ทราบว่าได้คุยกับคุณภูรึเปล่า”
“ไม่ได้คุยค่ะ ทำไมคะ?”
ก้องภพยืนนิ่ง จนปณิตาต้องคาดคั้นถาม
“มีอะไรก็บอกมาเถอะค่ะ คุณภูก็เหมือนเป็นลูกฉันอีกคนเหมือนกัน”
“ถ้าผมบอก คุณเปรมสุดากับคุณปณิตาห้ามบอกใครเด็ดขาดนะครับ คุณภูหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน”

เปรมสุดากับปณิตาได้ฟัง ก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

ขณะที่อรรถพรกำลังทำความสะอาดห้องอยู่ ทันใดนั้นเสียงปิ่นเพชรก็ดังแทรกเข้ามา

“เสียงตุ๊กแกที่ไหน ?”
ทันใดนั้นเสียงเคาะห้องก็ดังปังๆ อรรถพรสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตู เห็นหนึ่งในสภาพไม่ใส่เสื้อ น้ำมันเต็มตัว ที่ท้องยังมีร่องรอยของสีเมจิกที่วาดเป็นซิกแพก ยืนสีหน้าร้อนรน เพราะโดนปิ่นเพชรรังควานมาเหมือนกัน
“เผ่นเร็วพี่”
อรรถพรทำหน้างง “เผ่นทำไม?”
หนึ่งยังไม่ทันพูด เสียงปิ่นเพชรก็ลอยมาอีกรอบ เด็กหนุ่มรีบคว้าแขนอรรถพรลากออกไปทันที

อรรถพรที่ถูกหนึ่งลากแขนออกมา มองสภาพทุกคนในอพาร์ตเม้นต์ที่มายืนรวมตัวกันในสภาพหัวหูกระเซอะกระเซิงอย่างแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
แพนเค้กจะอ้าปากตอบ แต่ขวัญทิพย์รีบยกมือขึ้นปิดปาก พร้อมกับเสียงปิ่นเพชรดังขึ้นมาอีกรอบ ทุกคนยืนนิ่ง ตกใจกลัว อรรถพรได้แต่ยืนงง
พิณชนิดพาภูมินทร์เข้ามา เห็นฝูงชนยืนอออยู่หน้าอพาร์ตเม้นต์ก็ตกใจ
“ไฟไหม้เหรอคะ?”
ขวัญทิพย์ส่ายหน้า “เปล่า คือน้องปิ่นเพชร เค้าร้อง 6 ครั้ง พวกพี่เลยวิ่งออกมา ก่อนจะมีครั้งที่ 7”
อรรถพรยิ่งฟังก็ยิ่งข้องใจ “น้องปิ่นเพชรนี่ใครเหรอครับ”
“ตุ๊กแกค่ะ”
ขวัญทิพย์หันมาตอบ แพนเค้กอธิบายต่อ
“ถ้าน้องปิ่นเพชรร้องครบ 7 ครั้งเมื่อไหร่ ความบรรลัย ความวอดวาย ความหายนะจะเกิดขึ้น”
พิณชนิดายิ้มเจื่อนๆ เหมือนนึกขึ้นได้
“พูดเลย ครั้งนี้ร้องไม่ถึงเจ็ดแน่ เมื่อเช้าพิณลืมให้ข้าว น้องปิ่นเพชรร้อง 6 ครั้ง เพราะหิว”
ทุกคนหันมามองค้อนพิณชนิดา ก่อนจะทยอยกันกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง เหลือขวัญทิพย์ แพนเค้ก หนึ่ง และอรรถพรยืนอยู่ที่เดิม
ขวัญทิพย์หันมาเห็นภูมินทร์ก็ทำหน้าสงสัย “อุ๊ย พ่อรูปหล่อนี่ใครอ่ะ”
หนึ่งหันขวับไปมองภูมินทร์ด้วยท่าทางเอาเรื่อง พิณชนิดารีบตัดบท
“เออ พิณขอตัวไปให้ข้าวน้องปิ่นเพชรก่อนนะคะ”
พูดพลางรีบลากภูมินทร์เข้าไป ทุกคนมองตาม อรรถพรส่ายหน้า
“วิ่งกันตาลีตาเหลือก ที่แท้แค่ตุ๊กแกหิว ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงตุ๊กแกเหรอครับ แปลกดีนะครับ”
แพนเค้กรีบบอก
“น้องปิ่นไม่ใช่ตุ๊กแกธรรมดา เธอเป็นตุ๊กแกเจ้าที่ เคยเล่นงานโจรที่เข้ามาขโมยของในตึก แถมเคยร้องเตือนตอนไฟเกือบไหม้ตึก ดีที่พวกเรารีบดับทัน”
อรรถพรทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ตรงข้ามกับหนึ่งที่ทำหน้าไม่พอใจ
“พวกพี่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอที่พี่พิณพาผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ขึ้นห้อง”
ขวัญทิพย์คิดตาม พลางตบอกผาง
“จริงด้วย แล้วแฟนเก่าที่ชื่อเอกไปไหน? หรือว่านางจะแอบมีกิ๊ก”
หนึ่งกำมือแน่นด้วยความหึง

พิณชนิดาพาภูมินทร์เข้ามารอในห้อง พลางรีบเดินไปหยิบถาดอาหารที่เตรียมไว้ตั้งแต่เช้า แล้วเดินเข้าไปในห้องนอน ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา ปรากฏตัวขึ้น มองภูมินทร์อย่างสงสัย
พิณชนิดาวางจานอาหารที่เป็นมังสวิรัติให้ข้างตัวปิ่นเพชร พร้อมกับรีบออกปากขอโทษ
“เจ๊ขอโทษ เมื่อเช้าเจ๊มีธุระด่วน ก็เลยรีบออกไป อย่าโกรธเจ๊นะ เจ๊สัญญาว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาอีก”
“ไม่อยากให้เค้าโกรธก็ได้ แต่....”

พูดพลางทำแก้มป่องให้พิณชนิดาจุ๊บ แล้วก็ยิ้มอายม้วน

ภูมินทร์เดินสำรวจรอบๆ ห้อง ขรณที่ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา ยืนจ้องมองตาม

“แคบ เล็ก เก่า”
ปราชญ์ได้ยินก็โมโห “ไอ้ปากดี แกมีสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์ห้องลูกสาวฉัน”
ครู่หนึ่งพิณชนิดาก็เดินกลับออกมา ภูมินทร์หันไปมอง
“อยู่ไปได้ยังไง ไร้รสนิยม”
“ฉันอยู่ได้ นายก็ต้องอยู่ได้”
ภูมินทร์นิ่ง ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา หน้าเหวอ
“นายต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะตามหาครอบครัวของนายเจอ อย่าเรื่องมาก”
“ทำไมผมต้องอยู่ที่นี่? มีทางเลือกที่ดีกว่านี้รึเปล่า”
พิณชนิดาราคาญ “มี เลือกเอา ระหว่างนอนที่นี่กับนอนข้างถนน”
ภูมินทร์ถึงกับเถียงไม่ออก ได้แต่ทำหน้าเซ็ง ส่วนปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา หันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ

ทางด้านภิชาสินีกำลังตั้งใจทำข้อสอบหน้าดำคร่ำเคร่ง จู่ๆ ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา ก็ปรากฏตัวขึ้น ต่างคนต่างโวยวายดังลั่น จนภิชาสินีสุดจะทน
“โอ๊ย ! พอได้แล้ว ภิสอบไม่รู้เรื่อง”
นักศึกษาในห้องตกใจ พากันมองภิชาสินีเป็นตาเดียว อาจารย์รีบเดินมาหา
“เธอคิดจะทำอะไร? โวยวายทำไม หรือว่าเธอกำลังส่งซิกส์บอกข้อสอบเพื่อน”
ภิชาสินีรีบปฏิเสธ “เปล่านะคะ คือ หนู เอ่อ .”
“เธอไม่ต้องสอบแล้ว ฉันจะให้เกรดเธอเลย”
ภิชาสินี ยิ้มดีใจ “จริงเหรอคะ เกรดอะไรคะ?”
“เอฟ”

ภิชาสินีเดินหน้าเซ็งออกจากห้องสอบ พ่อ แม่ ป้า รีบเดินตามมาง้อ
“พวกเราขอโทษนะลูก เรื่องมันด่วนจริง ๆ”
“ภิต้องไปจัดการ ไล่ไอ้ผู้ชายคนนั้นให้ออกไปเดี๋ยวนี้”
ภิชาสินีถอนหายใจ อย่างเหนื่อยหน่าย

พิณชนิดาจัดแจงให้ภูมินทร์เข้าไปอาบน้ำ ส่วนเธอก็รีบผละมาเตรียมทำกับข้าว แต่แล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้
“เฮ้ย! นายไข่เจียวยังไม่มีเสื้อผ้า เอาไงดี?”
จากนั้นก็รีบเดินไปเคาะประตูห้องของหนึ่ง พลางเอ่ยปากขอยืมเสื้อผ้า แต่หนึ่งกลับปฏิเสธ พร้อมกับกระแทกประตูใส่หน้า
“เป็นอะไรไป? ทุกทีไม่เคยขัดใจเรา แล้วจะหาเสื้อผ้าที่ไหนให้นายไข่เจียว?”
หนึ่งยืนอยู่หลังประตู ด้วยความรู้สึกผิด

ผละจากห้องของหนึ่ง พิณชนิดาก็เดินตรงไปที่เคาะห้องของอรรถพร พอเจ้าของห้องเปิดประตูออกมา เธอก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“คุณเพิ่งย้ายเข้ามาใช่มั้ยคะ?”
อรรถพรพยักหน้ารับ “ครับ”
“แหม ดีเลยค่ะ ถ้าฉันอยากขอความช่วยเหลือ ขอยืมเสื้อกับกางเกงชุดนึงนะคะ”
อรรถพรทำหน้าเหวอ

ภูมินทร์แช่อยู่ในถังน้ำต่างอ่างอาบน้ำหรู พลางบ่นอุบ
“อึดอัดจริง ๆ น้ำก็ไม่อุ่น”
พอพยายามตะลุกขึ้น แต่ตัวใหญ่ติดถัง จนล้มคว่ำลงไปทั้งถัง พิณชนิดาเดินเข้าห้อง ได้ยินเสียงโครมในห้องน้ำก็ตกใจ รีบไปเคาะประตู
“นายไข่เจียว นายเป็นอะไรรึเปล่า”
“ฉันไม่เป็นไร”
“งั้นฉันวางเสื้อผ้าไว้หน้าห้องน้ำนะ”
ภูมินทร์พยายามลุกขึ้น พลางมองไปบนเพดาน เห็นปิ่นเพชรกำลังมองจ้องอยู่ แล้วจู่ๆ ก็กระโดดลงมาเกาะไหล่เขา ภูมินทร์ตกใจร้องลั่น
พิณชนิดได้ยินเสียง ก็รีบวิ่งมาดู ภูมินทร์ตกใจวิ่งถลาเข้ามา แล้วทั้งคู่ก็ชนกันจังๆ พิณชนิดาเสียหลัก หงายหลังล้มไปบนโซฟา ภูมินทร์ล้มตัวไปนอนทับ ตาจ้องตากัน
ภิชาสินีเปิดเข้ามา พร้อมวิญญาณพ่อ แม่ ป้า เห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจ
ภูมินทร์ตกใจ รีบเอาหมอนบนโซฟามาปิดน้องชาย ภิชาสินีเห็นก็โวยวายลั่น
“นั่นมันหมอนที่ฉันใช้นอนเล่น เอาคืนมา”
พิณชนิดาเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าไปดึงภิชาสินีออกมา
“พอ ๆ เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่”

ภิชาสินีรีบปล่อยหมอน ภูมินทร์รีบวิ่งเข้าห้องไป

อ่านต่อหน้าที่ 3

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 1 (ต่อ)

จากนั้นพิณชนิดาก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ภิชาสินีฟัง โดยมีปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา ยืนฟังอยู่ด้วย

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ ให้เค้าอยู่ที่นี่เถอะนะ”
พ่อ แม่ ป้า โวยวายขึ้นมาพร้อมกัน “ไม่ได้”
ภิชาสินีพูดตามโดยอัตโนมัติ “ไม่ได้ เป็นผู้หญิงอยู่กับผู้ชายได้ยังไง มันน่าเกลียด”
“อยู่ได้สิ นายไข่เจียวนอนที่โซฟาพวกเรานอนในห้อง พี่ขอร้องนะภิ ให้เค้าอยู่ที่นี่เถอะ พี่ทิ้งเค้าไว้ที่โรงพยาบาลไม่ได้จริงๆ พี่สงสารเค้า ขืนปล่อยเค้าไปเร่ร่อน เค้าต้องลำบากแน่ๆ คิดดูนะ ถ้าพี่ไม่เปลี่ยนใจกลับไปที่โรงพยาบาล เค้าคงโดนรถชนตายไปแล้ว ถ้าเป็นภิ เกิดประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อมกลับบ้านไม่ได้แล้วไม่มีคนช่วย ต้องนอนข้างถนน ภิจะทำยังไง? สัตว์เร่ร่อนเรายังช่วยได้ ทำไมคนเร่ร่อน เราจะช่วยไม่ได้”
ภิชาสินีเถียงไม่ออก แอบเหลือบมองพ่อ แม่ และป้า ที่จำยอมต้องพยักหน้ากับภิชาสินีว่าให้อยู่ก็ได้
“อยู่ก็อยู่”
พิณชนิดายิ้มดีใจ ครู่หนึ่งภูมินทร์ที่แต่งตัวเรียบร้อยก็เดินออกมา ในชุดเสื้อกล้าม กับกางเกงขาสั้น ทั้งสามคนกระดากอายตามๆ กัน
พิณชนิดาถามโดยไม่มองหน้า “เมื่อกี๊นายตกใจอะไร ?”
“ตุ๊กแก”
“ตัวนั้นใช่มั้ย ?”
ภูมินทร์หันมองตามสายตาพิณชนิดา ก็หันไปเห็นปิ่นเพชรเกาะผนังอยู่ใกล้ ๆ
“ไม่ต้องกลัว น้องเค้าชื่อปิ่นเพชร เป็นตุ๊กแกที่เราเลี้ยงไว้เอง”
ภูมินทร์ทำหน้าแขยง
“สัตว์เลี้ยงมีเยอะแยะ หมา แมว ปลา ทำไมไม่เลี้ยง ประสาทรึเปล่า เลี้ยงตุ๊กแก”
พิณชนิดาส่ายหน้ายิ้มๆ
“นั่งก่อน พวกเราจะไปทำอะไรมาให้กิน”
พูดพลางก็ลุกเดินไปกับภิชาสินี ภูมินทร์นั่งลงบนโซฟา เริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้น หารู้ไม่ว่ากำลังถูกปราชญ์ กานต์กมล และพัณทิพาจ้องมองอยู่

เมื่ออยู่กันตามลำพัง 2 คนพี่-น้อง ภิชาสินีก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
“ว่าแต่พี่จะทำยังไงกับผู้ชายคนนั้น”
“หาทางช่วยเค้าให้กลับไปหาครอบครัวเร็วที่สุด”
ภิชาสินีถอนหายใจ “หวังว่านายไข่เจียว จะไม่ใช่พวกอาชญากรโรคจิตหนีคดี”
“ไม่หรอก อย่าคิดมาก ขอบคุณนะภิ ที่ยอมให้เค้าอยู่ ยังไงพี่ก็มีส่วนทำให้เค้าความจำเสื่อม ถ้าไม่ช่วย พี่คงรู้สึกผิดไปอีกนาน”
ภิชาสินีพยักหน้าพลางมองพี่สาวอย่างเข้าใจ

พิณชนิดาถือจานไข่เจียวมาวางที่โต๊ะ แล้วจะหันมาเรียกภูมินทร์ แต่พอเห็นหลับอยู่ก็ชะงัก เดินเข้ามาดู พลางเอามือเขี่ยผมที่ปรกหน้าให้
“พออาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาแล้วก็ดูดีเหมือนกัน”
จู่ๆ ภูมินทร์ก็ลืมตา พิณชนิดาตกใจ

สองคนมองจ้องหน้ากันชั่วครู่ ก่อนที่ภูมินทร์ก็หลับต่อ

ทางด้าน 2 แม่-ลูก ปณิตากับ เปรมสุดา ก็กำลังหน้าเครียด เพราะต้องหาเงินมาชำระหนี้ให้ทันกำหนด

“สุดารู้แล้วค่ะ ว่าจะทำยังไง”
เปรมสุดายิ้มดีใจ พลางรีบหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือมากด แล้วเดินเลี่ยงออกไปคุย
“เท่าไหร่ ?”
แสงโชติถามกลับมาทางปลายสาย
“หนึ่งล้าน”

พิณชนิดา ภิชาสินี กำลังเก็บโต๊ะอาหาร ขณะที่ภูมินทร์นั่งเอกเขนกอยู่ที่โซฟา
“คนอะไร มากินฟรี อยู่ฟรีแล้วบ่นโน่นบ่นนี่ ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็กินไม่ได้”
พิณชนิดาพยายามมองในแง่ดี “อย่างน้อยเค้าก็กินไข่เจียวได้ ทำแต่ไข่เจียวให้กินแล้วกัน”
“แล้วเรื่องเสื้อผ้าเค้าล่ะ จะยืมคนอื่นแบบนี้เหรอ ?”
“เดี๋ยวพี่จะพาออกไปซื้อ”
ภิชาสินีถามต่ออีก
“ถ้าคนในอพาร์ตเม้นต์ถาม ว่านายนี่เป็นใคร ทำไมมาอยู่กับเราจะตอบเค้าว่าไง?”
พิณชนิดาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบ
“ก็บอกเค้าไปว่าเป็นญาติมาจากต่างจังหวัด มาอยู่ชั่วคราว จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่านายไข่เจียวความจำเสื่อม”

พิณชนิดาพาภูมิทนร์มาซื้อเสื้อผ้าในห้าง แต่เขากลับโวยวายไม่ชอบ
“ไม่ใส่แบบนี้ แล้วจะใส่แบบไหน?”
ภูมินทร์ชี้ไป พิณชนิดามองตามเห็นเป็นร้านแบรนด์เนมสุดหรูก็สะดุ้ง
“โอ๊ย ! แบรนเนมด์หรูขนาดนั้น ฉันไม่มีปัญญาจ่าย มันก็เสื้อเหมือนกัน ใส่ๆ ไปเถอะ”
ภูมินทร์มองหน้าพิณชนิดาแล้วส่ายหน้าอย่างขัดใจ
“ไม่เหมือน ดูไม่เป็นรึไง ไร้รสนิยม”
“อยากรู้จริง ๆ ว่านายเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้เรื่องมาก เลือกมาก หยิ่ง จองหอง ทำตัวยังกับคุณชายขนาดนี้”
พิณชนิดาส่ายหน้าอย่างเหลือทน

ทางด้านแสงโชติก็นัดเจอกับเปรมสุดาที่ร้านกาแฟในห้างเดียวกัน ก่อนที่จะยื่นซองในเงินให้ เปรมสุดารีบจะคว้าซอง แต่กลับถูกอีกฝ่ายจับมือไว้
“ได้เงินแล้วไปหาอะไรทำสนุก ๆ กันต่อดีกว่า ช่วงนี้ไอ้ภูไม่อยู่ เราควรจะกอบโกยความสุขให้เต็มที่”
ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยสายตายั่วยวน จังหวะนั้นภูมินทร์กับพิณชนิดา ก็เดินผ่านหน้าร้านไป เปรมสุดาปรายตามองเห็น ก็ตกใจ รีบวิ่งออกไปดูหน้าร้าน แต่ก็ไม่เห็นทั้งคู่แล้ว แสงโชติเดินตามมาอย่างสงสัย
“มีอะไร?”
“สุดารู้สึกเหมือนเห็นภู”
แสงโชติส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ คนอย่างไอ้ภู ไม่เดินที่แบบนี้ คุณคงตาฝาด เห็นคนหน้าคล้าย ๆ ไปเถอะ ผมอยากอยู่ใกล้คุณจะแย่แล้ว”
พูดพลางรีบโอบเอวเปรมสุดาออกไป

ภูมินทร์หงุดหงิดที่พิณชนิดาเลือกเสื้อผ้าสีแสบทรวงให้
“ไม่เอา สีตัดกันขนาดนั้น เป็นตายยังไงฉันก็ไม่ใส่”
พิณชนิดาลอยหน้าลอยตาตอบกลับ
“ก็ไม่รู้สินะ นายคิดว่าจะทนใส่ชุดนั้นชุดเดียวไปอีกหลายวันได้รึเปล่า? สีแสบ ๆ แบบนั้นน่ะดีแล้ว หายไปจะได้หาเจอง่าย ๆ”

พิณชนิดายื่นเสื้อผ้าให้พนักงาน แล้วเดินตามไปจ่ายเงิน ภูมินทร์ส่ายหน้าอย่างเจ็บใจ

พิณชนิดายืนรอจ่ายเงินอยู่ที่เคาน์เตอร์ ภูมินทร์ยืนทำหน้าหงุดหงิดอยู่ใกล้ๆ เปรมสุดากับแสงโชติบังเอิญเดินผ่านหน้าร้านมา เปรมสุดาเห็นเน็คไท ก็แวะดู พลางหยิบมาทาบกับเสื้อของแสงโชติ

พิณชนิดาจ่ายเงินเรียบร้อย ก็รีบยื่นถุงให้ แต่ภูมินทร์ไม่รับ พิณชนิดายิ้มเยาะแล้วถือถุงเดินออกไป ภูมินทร์จำต้องเดินตามไป แต่พอผ่านมุมเนคไท ก็จะแวะเข้าไปดู แต่พิณชนิดาก็เข้ามาดึงตัวไว้
“จะไปไหน? เดี๋ยวก็หลงอีก”
จากนั้นก็รีบลากตัวภูมินทร์ออกไป เปรมสุดาหันมามอง เห็นภูมินทร์ทางด้านหลัง ในชุดที่ไม่คุ้นเคย ก็ไม่นึกเอะใจอะไร

ขณะที่พิณชนิดาเดินอยู่กับภูมิทนร์ เอกกับฟ้ารุ่งก็เดินสวนมาพอดี ทั้งคู่ต่างตกใจผงะ
ฟ้ารุ่งรีบควงแขนเอก พลางทำหน้าเย้ย
“โลกมันกลมจริงๆ ไม่อยากเจอ ก็ต้องได้เจอ”
พิณชนิดาเย้ยกลับ “ฉันควรเป็นคนพูดประโยคนี้มากกว่า”
เอกมองภูมินทร์อยากสงสัย “นี่ใครเหรอพิณ?”
พิณชนิดาหันไปมอง พลางรีบควงแขนภูมินทร์ “แฟนพิณเอง”
ภูมินทร์ตกใจ พร้อมๆ กับที่ถูกเอกมองหัวจรดเท้า
“ถ้าจะหาแฟนใหม่ ควรจะหาให้ดีกว่าผมสิพิณ ถึงพิณจะเสียใจแต่ก็ควรเลือกบ้าง ไม่ใช่คว้าใครง่าย ๆ แบบนี้”
พิณชนิดาเจ็บจนจุก
“พอดีไม่ได้เลือกจากหน้าตา เลือกจากสัน..เอ๊ย นิสัย ถ้าไม่ใช่พวกโกหก ทรยศ หน้าด้าน กินไม่เลือก ก็ถือว่าใช้ได้”
ฟ้ารุ่งรู้ตัวว่าโดนว่าแดกก็โมโห
“อย่าบอกว่ากินไม่เลือก อย่างเอก เค้าเรียกว่าเลือกแล้วถึงกิน ไม่เหมือนบางคน คบกันมาตั้งนาน ทำยังไงผู้ชายก็ไม่ยอมกิน”
พิณชนิดาโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้
“ผู้หญิงบางคน พ่อแม่เค้าสอนมา ให้รู้จักทำตัวให้มีค่า แต่เธอคงไม่เข้าใจ เพราะส่วนใหญ่ เธอคงถนัด ลด แลก แจก ฟรี”
พูดจบก็จูงแขนภูมินทร์ออกไป ทิ้งให้ฟ้ารุ้งแทบจะร้องกรี๊ด ด้วยความเจ็บใจ

พอเดินพ้นออกมา ภูมินทร์ก็หันมาโวยวายใส่หน้าพิณชนิดาทันที โดยไม่ทันเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าเศร้า
“เธอมีสิทธิ์อะไร มาตู่ว่าฉันเป็นแฟน พูดแบบนี้ ฉันเสียหาย ผู้หญิงอย่างเธอ ฉันไม่มีทางเลือกมาเป็นแฟนเด็ดขาด”
ขาดคำ พิณชนิดาก็ปล่อยโฮออกมา พลางเงยหน้ามองภูมินทร์
“ผู้หญิงอย่างฉันเป็นยังไง ถึงฉันจะไม่สวย ไม่เซ็กซี่ แต่ฉันก็จริงใจ รักเดียวใจเดียว ไม่เคยหักหลังใคร”
พิณชนิดาวิ่งร้องไห้ออกไป ภูมินทร์มองตามไปแบบอึ้งๆ จากนั้นก็รีบเดินตามไป พิณชนิดาหันมาเห็น ก็ยิ่งร้องไห้หนัก พลางซบกับอกภูมินทร์
“ขอบใจนะที่ตามมาปลอบใจฉัน”
“ไม่ได้ตามมาปลอบ ถ้าเธอหายไปฉันจะกลับบ้านยังไง?”
ภูมินทร์พูดออกมาหน้าตาเฉย

ก้องภพกำลังปรึกษาอยู่กับสิรวิทย์ เจ้าของบริษัทสิรวิทย์รักษาความปลอดภัยเรื่องการหายตัวไปของภูมินทร์
“ฟังจากที่คุณเล่า เป็นไปได้ว่าไอ้ภูอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมพอจะรู้จักนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พอจะให้ท่านช่วยเรื่องภาพกล้องวงจรปิดตามถนน อาจจะได้เบาะแสของภูบ้าง”
ก้องภพค่อยสบายใจขึ้น
“ขอบคุณมากครับ ถ้าคุณภูกลับมาเมื่อไหร่ ผมคงต้องจ้างบอดี้การ์ดฝีมือดีจากบริษัทคุณวิทย์ให้ไปดูแล”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา แต่ผมหวังว่า มันคงจะไม่เลวร้ายขนาดนั้น”

เปรมสุดานอนเหยียดเปลือยไหล่อยู่บนเตียงในคอนโดของแสงโชติ พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นเบอร์สิรวิทย์ ก็รีบลุกขึ้นมารับ
“ค่ะ คุณวิทย์”
“ข่าวว่าไอ้ภูหายไป คุณสุดาคงเครียดมากสิครับ”
เปรมสุดาปั้นน้ำเสียงเศร้า ตอบกลับไป
“ใช่ค่ะ สุดาเป็นห่วงภูมาก จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ สุดาไม่รู้จะทำยังไงดี”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมกำลังหาทางช่วย ตอนนี้ผมติดต่อตามภาพไอ้ภูจากกล้องวงจรปิดตามถนน อีกไม่นานน่าจะได้ข่าว”
เปรมสุดาแอบยิ้ม “ขอบคุณคุณวิทย์มากนะคะ ภูโชคดีจริง ๆ ที่มีเพื่อนดีๆ อย่างคุณวิทย์”
“ผมไม่กวนคุณสุดาแล้ว พักผ่อนเถอะครับ”
สิรวิทย์วางสายไป พลางทำหน้าเศร้า จากนั้นก็ใช้มือลูบที่หน้าจอมือถือ ที่เป็นรูปที่แอบถ่ายเปรมสุดาเอาไว้
“ถ้าผมได้เจอคุณก่อนที่ภูจะเจอ คุณจะรับรักผมมั้ยนะ”

แสงโชติรู้จากเปรมสุดาว่าสิรวิทย์จะขอภาพจากกล้องวงจรปิดตามถนน เพื่อสืบหาเบาะแสของภูมินทร์ก็รีบนำความกลับมาบอกสัญชัย
“ดีแล้ว จะได้เจอตาภูเร็วๆ ฉันบอกกี่ทีแล้ว ว่าให้เรียกพี่เค้าดี ๆ หน่อย ยังไงเค้าก็พี่”
“แต่มันไม่เคยเห็นผมเป็นน้อง”
แสงโชติหงุดหงิด รีบลุกพรวดออกไป สัญชัยมองตาม พลางส่ายหน้าอย่างระอา

ภูมินทร์นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา พิณชนิดาเดินเข้ามาปลุก
“ตื่น ๆ จะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง”
ภูมินทร์ค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ฉันรู้สึกเหมือนไม่เคยหลับนานขนาดนี้มาก่อน”
“พูดยังกับเมื่อก่อนไม่ค่อยได้นอน”

พิชณชนิดามองอย่างแปลกใจ

ภูมินทร์หายเข้าไปอาบน้ำครู่ใหญ่ พิณชนิดาปวดท้องจนแทบทนไม่ไหวรีบเคาะประตูเร่ง

“ออกมาได้แล้ว ฉันจะเข้าห้องน้ำ ฉันปวดท้อง ออกมา”
ภูมินทร์ไม่ในใจ ยังคงถูเนื้อถูตัว เล่นสบู่อย่างสบายใจสุด ๆ
ภิชาสินีมองหน้าพี่สาวอย่างสงสาร
“คงยังไม่ออกมาง่าย ๆ พี่พิณไปขอเข้าห้องน้ำห้องอื่นก่อนดีกว่า”
“ห้องไหน ?”

หนึ่งส่องดูที่ตาแมว เห็นเป็นพิณชนิดายืนเคาะประตูอยู่ก็ยิ้มดีใจ รีบเปิดประตูรับ
“มอนิ่งครับพี่พิณ เรื่องเมื่อวาน ผมขอโทษนะครับที่ผมพูดกับพี่ไม่ดี”
พิณชนิดาไม่สนใจ รีบพูด “พี่ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”
พูดจบก็วิ่งพรวดเข้าห้อง ตรงดิ่งไปห้องน้ำทันที

ภูมินทร์อาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ในชุดสีแสบสันต์ เสื้อเหลือง กางเกงเขียว รองเท้าสีแดง พิณชนิดากลับเข้าห้องมา พร้อมๆ กับที่ภิชาสินีถือขยะออกมา สองพี่น้องเห็นสภาพภูมินทร์ก็หัวเราะขำ
“ตลกมากรึไง เพราะเธอคนเดียว ยัยประหลาด”
“บอกแล้วไง สีชัดแบบนี้ ไปไหนจะได้ไม่หลง”
จากนั้นก้หันมาบอกน้องสาว
“พี่นัดลูกค้าไว้ข้างนอก ว่าจะพาไปด้วย ไม่อยากทิ้งไว้ที่ห้องคนเดียว พวกสอดรู้สอดเห็นมันเยอะ”
พูดพลางปรายตามองภูมินทร์แล้วก็หัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ
“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่หยุด ฉันจะถอดไอ้ชุดบ้าๆนี่ออก ถ้าเธออยากเห็นฉันแก้ผ้า ก็หัวเราะเลย”
พิณชนิดาอึ้ง รีบยกมือขึ้นปิดปากทันที ภูมินทร์มองจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

ภิชาสินีถือถุงขยะเดินออกมาตรงไปที่ถังขยะ พอเปิดฝาถัง ผีในถังขยะก็โผล่พรวดออกมา จนเธอถึงกับตกใจผงะ
“ลุง ทำไมไม่คุยกันดี ๆ โผล่มาแบบนี้ตกใจหมด”
อรรถพรที่กำลังจะไขกุญแจรถ อ้าปากค้าง เมื่อเห็นภิชาสินียืนคุยกับถังขยะ พอภิชาสินีเดินผละไป เขาก็รีบแอบเดินตามไปทันที โดยที่ภิชาสินี ไม่รู้ตัว แต่แล้วผีเจ้าที่ก็ปรากฏตัวตรงหน้า พลางชี้ไปทางด้านหลัง ภิชาสินีหันไปมอง เห็นอรรถพรเดินตามก็ชะงัก ขณะที่อีกฝ่ายแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“เดินตามมาทำไม”
“ผมไม่ได้เดินตามคุณ ผมจะกลับห้อง”
อรรถพรทำเนียนเดินเลยผ่านไปไขกุญแจห้องตัวเอง ภิชาสินีมองตามสีหน้าไม่ไว้ใจ แล้วเดินออกไป อรรถพรแอบมองอย่างสงสัย

พอภิชาสินีเดินกลับเข้ามาในห้อง พิณชนิดากับภูมินทร์ ก็กำลังจะออกไปพอดี
“พี่ไปแล้วนะ ฝากเสื้อผ้าคืนผู้ชายที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ใกล้ๆ ห้องน้องหนึ่งด้วย”
“ภิว่า เค้าดูแปลก ๆ”
“มีอะไรรึเปล่า? หรือว่านายนั่นทำอะไรภิ”
ภิชาสินีส่ายหน้า “เปล่า ไม่มีอะไร พี่ไปเถอะ เดี๋ยวจะสาย”
พิณชนิดาพยักหน้าแล้วเดินออกไป ภิชาสินียืนทำหน้านิ่ว

อรรถพรเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ ต้องรีบดอดเข้ามาไขความจริงกับแพนเค้ก และขวัญทิพย์
“เจ้าของห้องที่จุดธูปควันขโมงวันนั้น เค้าเป็นคนปกติรึเปล่าครับ มีอาการแปลก ๆ อะไรบ้าง
รึเปล่า?”
ขวัญทิพย์อ้าปากจะตอบ แต่แพนเค้กชิงตอบก่อน
“ปกติกึ่งเพี้ยน น้องภิเธอชอบพูดคนเดียว”
“เป็นแบบนี้มานานรึยังครับ?”
ขวัญทิพย์อ้าปากจะตอบ ก็โดนแพนเค้กชิงตอบอีก
“นานแล้ว ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ก็เป็นแบบนี้”
“ตอนกลางคืน เค้านอนรึเปล่าครับ? เคยมีอาการตาขวางบ้างรึเปล่า?”
แพนเค้กอ้าปากจะตอบ แต่เจอขวัญทิพย์ยกมือปิดปากเสียก่อน
“ถามเยอะขนาดนี้ หมวดสนใจอะไรน้องภิรึเปล่าคะ?”
อรรถพรรีบปฏิเสธ
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร ผมแค่อยากทำความรู้จักคนที่อยู่ห้องข้างๆ ขอบคุณครับ ผมขอตัวก่อน”
อรรถพรรีบเดินเลี่ยงออกมา

สิรวิทย์นั่งทำงาน สักครู่มีเสียงเคาะห้อง ก่อนเลขาจะเดินเข้ามา พลางรีบบอกว่าได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาแล้ว
สิรวิทย์ดึงรูปในซองออกมาดู แล้วก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที

อรรถพรเดินออกมาหน้าห้อง พลางหันไปเห็นผู้ชายร่างใหญ่หน้าโหดยืนคุยกับภิชาสินีอยู่หน้าห้อง ก่อนที่ภิชาสินีจะเปิดให้เข้าไป
“ชัดเลย คนดี ๆ ที่ไหนจะติดต่อกับนักเลงพวกนี้ ทั้งเสพทั้งค้าแน่ๆ งานนี้ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา”

ภิชาสินีเอาน้ำมาให้เจ๊ตุ่มที่คว้ามาดื่มอย่างกระหาย
“ทำไมเจ๊ไม่โทรมานัดก่อน วันนี้พี่พิณเค้ามีลูกค้าข้างนอก”
“ก็ผัวเจ๊เพิ่งทิ้งไปเมื่อคืน เจ๊เครียดมาก เช้ามาก็รีบบึ่งมาหาหมอพิณเลย แล้วเจ๊จะทำยังไงดี อยากรู้จริง ๆ ว่าผัวเจ๊มันจะกลับมามั้ย?”
ภิชาสินีส่ายหน้าหงึก “ภิคงช่วยอะไรไม่ได้ ยังไงเจ๊โทร. นัดพี่พิณอีกทีแล้วกัน”
“โอเค ๆ ไม่เป็นไร เอาไว้เจ๊จะมาใหม่”
จากนั้นภิชาสินีก็เดินไปเปิดประตูส่งเจ๊ตุ่ม จังหวะเดียวกับที่อรรถพรกำลังปีนระเบียงข้ามห้องมา แอบดู ปิ่นเพชรที่เกาะอยู่บนเพดานเห็น ก็กระโดดลงมาบนพื้น กลายเป็นเด็กชาย รีบเข้าไปสะกิดภิชาสินี
“มีอะไรปิ่นเพชร”
“ที่สิบสามนาฬิกา”
ภิชาสินีหันขวับไปทางระเบียง เห็นอรรถพรกำลังปรีนเข้ามา ก็รีบคว้าไม้ถูพื้นขึ้นมาฟาดไม่ยั้ง
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต คิดจะทำอะไร”
“อย่าคุณอย่า เดี๋ยวผมตกลงไป ผมไม่ได้ทำอะไร ผมแค่เห็นผ้าคุณใกล้จะตก ผมเลยปีนมาเก็บให้”
ภิชาสินีมองหน้าอย่างไม่เชื่อในคำพูด
“เสี่ยงชีวิตปีนระเบียง เพื่อมาเก็บผ้าให้เนี่ยนะ ทีหลังไม่ต้องหวังดีขนาดนี้อีก กลับไปได้แล้ว”
อรรถพรจะปีนมาเข้าในห้อง แต่ภิชาสินีเอาไม้ถูพื้นขวางไว้
“ไม่ต้อง มาทางไหน กลับไปทางนั้น”

อรรถพร ถึงกับหน้าเหวอ

อ่านต่อหน้าที่ 4

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 1 (ต่อ)

“นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณที่ภูจอดรถทิ้งไว้”

สิรวิทย์พูดพลางยื่นภาพที่อัดจากกล้องวงจรปิดให้ก้องภพ สัญชัย และแสงโชติดู จังหวะนั้น
เปรมสุดากับปณิตา ก็เดินจ้ำเข้ามา
“ตกลงได้ความว่าไงบ้างคะ?”
สิรวิทย์หันไปตอบเปรมสุดา “จากภาพ ดูเหมือนภูกำลังจะหนี”
ในภาพนั้น เป็นช่วงที่ภูมินทร์กำลังวิ่งหนี มีคนร้ายสวมชุดดำ สวมหมวก ใส่หน้ากากอนามัยปิดหน้า ถือปืนวิ่งตาม
ปณิตาทำเป็นยกมือทาบอก “ตายแล้ว มีคนตามฆ่าแบบนี้ ภูจะรอดมั้ย?”
“ผมคิดว่าภูน่าจะปลอดภัย เพราะภาพสุดท้าย ภูขึ้นรถหนีได้ทัน”
สิรวิทย์อธิบายเพิ่ม พร้อมกับยื่นภาพตอนที่ภูมินทร์กำลังขึ้นรถรถเต่าของพิณชนิดา ทว่าไม่เห็นหน้าคนขับ
“เบาะแสสุดท้าย น่าจะอยู่ที่เจ้าของรถเต่าคันนี้ ถ้าเรารู้เจ้าของ ก็น่าจะตามตัวภูได้ไม่ยาก”
สัญชัยออกความเห็น พร้อมกับที่ทุกคนเพ่งมองไปที่ภาพของรถเต่าปริศนาคันนั้น

ทางด้านเจ้าของรถเต่าปริศนา ก็กำลังยืนคุยอยู่กับช่างซ่อมรถ ซึ่งออกปากว่าน่าจะใช้เวลาซ่อมเป็นเดือน ภูมินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะขำ
“ซื้อใหม่ง่ายกว่า เก่าขนาดนี้ คนจะนึกว่าเป็นรถขยะ”
พิณชนิดาหันไปมองค้อน
“ฉันไม่ได้มีโรงงานผลิตแบงค์ใช้เอง แล้วอีกอย่างรถคันนี้เป็นของพ่อฉัน ยังไงฉันก็ไม่มีทางขาย”
“กระจอก ไร้รสนิยม”
พิณชนิดาฉุนกึกขึ้นมาทันที
“นายไม่มีสิทธิ์มาต่อว่าฉัน ที่ลูกฉันพัง มันเป็นเพราะนาย แล้วอีกอย่างอย่ามาดูถูก น้องฟ้าของฉัน ยังอึด”
พิณชนิดาพูดพลางยกมือตบที่หลังตาอย่างแรง ผลก็คือกันชนรถร่วงลงพื้น เธอถึงกับหน้าเจื่อน“ไม่ไว้หน้าแม่เลยนะลูก ไปกันได้แล้ว ฉันต้องไปหาลูกค้า เดี๋ยวไปไม่ทัน”
พิณชนิดาเดินเชิดออกไป ภูมินทร์ถอนหายใจ ก่อนจะเดินตามออกไป

แสงโชติมายืนดักรอเปรมสุดาที่หน้าห้องน้ำ พออีกฝ่ายเปิดประตูออกมา เขาก็รีบปราดเข้าไปคว้าแขนกระชากเข้ามาหลบมุม จนเปรมสุดาตกใจ
“คุณแสงโชติ คุณจะทำอะไร เดี๋ยวมีคนเห็น”
“ก็ให้เห็นไปเลย คนจะได้รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ผมหวงคุณ หวงที่คุณห่วงมันจนออกนอกหน้า”
เปรมสุดารีบดึงตัวออกมา
“ภูเป็นว่าที่คู่หมั้นสุดานะคะ สุดาก็เป็นห่วงสิ”
“แล้วผัวคนนี้ล่ะ เป็นใคร ?”
“อย่ามาหาเรื่องสิคะ ที่สุดาทำไป มันก็แค่การแสดง ไม่งั้นคนจะไม่เชื่อว่าสุดารักภูจริงๆ อย่างอนสุดานะคะคนดี”
พูดพลางเขย่งขึ้นหอมแก้มแสงโชติ
“หายงอนยัง”
“ไม่งอนแล้วก็ได้ แต่คืนนี้คุณต้องทำให้ผมมีความสุข ตกลงมั้ย”
เปรมสุดาส่งสายตายั่วยวนแทนคำตอบ

พิณชนิดานั่งรอลูกค้าอยู่ในร้านอาหารริมแม่น้ำ มีภูมินทร์นั่งข้างๆ เธอมองไปรอบร้าน แล้วก็นิ่วหน้า
“ทำไมคุ้นร้านนี้จัง เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”
ภูมินทร์โวยวายบ่นว่าหิว พร้อมกับโบกมือจะเรียกพนักงาน แต่พิณชนิดาคว้าข้อมือไว้ พลางแย้งว่ามาทำงาน
“เธอคนเดียวที่มาทำงาน ฉันไม่ได้มาทำด้วย ปล่อยมือฉันได้แล้ว รู้ว่าอยากจับ แต่อดใจหน่อยสิ”
พิณชนิดาตกใจรีบปล่อยมือ “ใครอยากจับมือนาย แหวะ”
ภูมินทร์ยิ้มขำ “ไม่ต้องปฏิเสธ ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนมีเสน่ห์ ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะอดใจไม่ไหว”
“หลงตัวเองได้อย่างร้ายกาจที่สุด”
ครู่หนึ่งเฮียตี๋เดินออกมา ทันทีที่เห็นพิณชนิดา ก็นึกปิ๊งขึ้นมาทันที
“หมอพิณพูดเลยใช่มั้ย”
พิณชนิดาลุกขึ้นยืน “ใช่ค่ะ เฮียตี๋?”
“ถูกต้อง อั๊วเอง ไม่นึกว่าในโลกนี้จะมีหมอดูที่สวย น่ารักอย่างนี้ด้วย”
พิณชนิดายิ้มเขิน
“ชมซึ่งหน้าแบบนี้ พิณทำหน้าไม่ถูกเลยค่ะ เราเริ่มดูกันเลยนะคะ”
เฮียตี๋พยักหน้า พิณชนิดาหันไปทางภูมินทร์ พลางบอกให้ออกไปนั่งที่อื่น แต่ภูมินทร์กลับนั่งเฉย จนเธอต้องลุกขึ้นมาเอามือบิดหู ทำให้อีกฝ่ายต้องลุกขึ้นไปตามแรงดึง
“บิดหูฉันทำไม ปล่อย ฉันเจ็บ”
“อยากให้ปล่อยก็ต้องไปนั่งที่อื่น”
พูดพลางบิดหูแรงขึ้น จนภูมินทร์เจ็บจนน้ำตาเล็ด

เฮียตี๋มองหน้าพิณชนิดาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“ไอ้หนุ่มนั่นผัวลื๊อเหรอ ?”
พิณชนิดาตกใจ รีบปฏิเสธ “ไม่ใช่ค่ะ เพื่อนค่ะ”
เฮียตี๋ยิ้มสบายใจ “อั๊วมีเรื่องสงสัย อยากถาม”
“ได้ค่ะ แต่ก่อนอื่น ต้องเปิดไพ่ก่อนนะคะ”
พอพิณชนิดาเอาไพ่ออกมาวางบนโต๊ะปุ๊บ เฮียตี๋จับมือหมับเข้าให้
“ไม่ต้องดูไพ่ อั๊วอยากรู้ว่าลื๊อเคยดูดวงให้ตัวเองบ้างรึเปล่า ว่าลื๊อจะมีชีวิตที่สุขสบาย ได้ผัวรวย “
พิณชนิดาชะงัก ภูมินทร์เห็นเฮียตี๋จับมือพิณชนิดาก็ทำคิ้วขมวด
พิณชนิดารู้ตัวว่าโดนแต๊ะอั๋ง ก็รีบจะดึงมือออก แต่เฮียตี๋กลับเอามืออีกข้างมากุมมือไว้แน่น
“เฮียจะทำไร ?”
เฮียตี๋แลบลิ้นแผล่บๆ “เฮียก็อยากทำ..”
เฮียตี๋พูดได้แค่นั้น เจ๊เคียวพร้อมกับลูกน้อง 2 คน ก็โผล่มาเห็นพอดี
“อ๊าย”
เจ๊เคียวโวยวายเสียงดังลั่นร้าน ทั้งพิณชนิดา ภูมินทร์ เฮียตี๋ หันไปมอง พิณชนิดายังจำเจ๊เคียวไม่ได้ เจ๊เคียวเดินกระแทกส้นเท้ามา เฮียตี๋หน้าซีดเผือดรีบปล่อยมือพิณชนิดา
“นังนี่ใช่มั้ย เมียน้อยที่ลื้อซุกเอาไว้”
พิณชนิดารีบลุกขึ้นตอบ “ไม่ใช่นะคะ”
เจ๊เคียวไม่ฟังเสียง หันไปสั่งลูกน้อง “ส่งพวกมันไปอยู่นรก”
พิณชนิดากับเฮียตี๋ตกใจสุดขีด ลูกน้อง 2 คนชักปืนออกมา พิณชนิดาตาเหลือกลนลาน จังหวะนั้น ภูมินทร์พุ่งเข้ามาฉุดแขนเธอให้รีบวิ่งหนีไป
เจ๊เคียวหันไปสั่งลูกน้องให้ไล่ตาม ส่วนเฮียตี๋อาศัยช่วงชุลมุนหลบไปนั่งตัวสั่นอยู่ใต้โต๊ะ พอ
เจ๊เคียวก้มหน้าลงมา เฮียตี๋ถึงกับยกมือขึ้นมาไหว้ปะหลกๆ

“ตี๋กลัวแล้วจ้า”

ลูกน้องเจ๊เคียววิ่งไล่ตาม พร้อมกับกราดยิงทั้งคู่ออกมานอกร้าน ภูมินทร์คว้าตัวพิณชนิดามากอดแน่น แล้วหลบหลังกองขยะ พิณชนิดารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ภูมินทร์เห็นอีกฝ่ายเผลอซบอกของตัวเอง ก็รีบผลักอย่างแรง

“คิดจะทำอะไรฉัน”
พิณชนิดารู้สึกเสียหน้า รีบโวยวายกลาบเกลื่อน
“บ้า ใครอยากทำอะไรนายไม่ทราบ ทุเรศ คิดสกปรก”
พิณชนิดาเห็นเสียงปืนเงียบไป ก็ลองโผล่หน้าไปดู พอหันมาอีกที ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นลูกน้อง
เจ๊เคียวยืนล็อกแขนภูมินทร์อยู่

ทั้งคู่โดนลูกน้องเจ๊เคียวจับตัวเดินออกมา ระหว่างนั้นก็มีรถแล่นมาจอด พิณชนิดานึกขึ้นมาได้ก็ตกใจสุดขีด
“เหมือนในฝัน พอเจอรถ ก็จะโดนปาระเบิด”
ทันใดนั้นกระจกรถก็ถูกไขลงมา พิณชนิดายืนลุ้น หายใจถี่ หัวใจเต้นแรง เพราะถ้าเป็นเหมือนในฝัน อีกเดี๋ยวหน้าของเจ๊เคียวจะต้องโผล่หน้าออกมา คิดได้ดังนั้นเธอจึงร้องลั่น
“อ๊าย”
ภูมินทร์กับลูกน้องเจ๊เคียวตกใจ พิณชนิดารีบฉวยจังหวะหันไปทางภูมินทร์
“หนี ระเบิด”
พิณชนิดาพูดพลางหันหลังเตรียมวิ่ง แต่เจ๊เคียวเปิดประตูรถออกมาชน จนเธอหงายหลังจะล้ม ภูมินทร์รีบผลักลูกน้อง แล้วพุ่งมารับไว้ในอ้อมแขนได้ทัน พิณชนิดาเงยหน้ามองภูมินทร์ แล้วก็ชะงัก นึกย้อนกลับไปตอนท้ายของความฝันที่มีผู้ชายมารับเธอ แต่ไม่เห็นหน้า
ภูมินทร์เห็นเจ๊เคียวลงจากรถ ก็ตกใจ รีบปล่อยพิณชนิดา จนล้มก้นจ้ำเบ้า

ลูกน้องเจีเคียวคุมตัวทั้งคู่พาเข้ามาด้านในร้าน ขณะที่เฮียตี๋นั่งหน้าจ๋องอยู่ก่อนแล้ว เจ๊เคียวโวยวายใส่ เหมือนจะทำร้ายพิณชนิดา ภูมินทร์เข้าไปยืนบัง ทำท่าเหมือนจะช่วย แต่แท้จริงแล้ว...
“เชิญคุณจัดการผู้หญิงคนนี้คนเดียว ผมไม่เกี่ยว ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยทั้งนั้น”
พิณชนิดาหันขวับไปทันที “นายเอาตัวรอดคนเดียวได้ไง”
เจ๊เคียวแสยะยิ้ม “ไม่ต้องเถียง เพราะงานนี้เจ็บคู่”

ภิชาสินีในชุดนักศึกษากำลังเดินอยู่ตามทาง โดยไม่รู้ว่าอรรถพรแอบสะกดรอยตามมาติดๆ ปราชญ์ พัณทิพา กานต์กมล ปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางหน้า พร้อมกับถกเถียงกันว่าอรรถพรแอบตามภิชาสินีมา
ด้วยจุดประสงค์อะไร?
พัณทิพายิ้ม ก่อนจะตอบแบบโชว์ภูมิ
“ง่ายๆ แค่นี้ คิดไม่เป็นรึไง ผู้ชายที่เดินตามผู้หญิง ก็แสดงว่าชอบผู้หญิงคนนั้น คุณตำรวจคนนี้คงกำลังคิดจะจีบยัยภิ”

ภิชาสินีเดินมาจนถึงป้ายรถเมล์ ก็เห็นมีไทยมุงกลุ่มหนึ่งอยู่ริมถนน มีรถร่วมกตัญญูจอดอยู่
อรรถพรเขยิบตัวใกล้มากขึ้น
เจ้าหน้าที่แบกศพที่มีผ้าปิดหน้าและตัว แต่แขนห้อยลงมา ทำให้เห็นว่าใส่กำไลข้อมืออันใหญ่มากขึ้นรถร่วมกตัญญูไป ภิชาสินีได้แต่มองปลง แล้วก็นั่งลงรอรถเมล์ พอหันกลับมาอีกที ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ เธอนึกเอะใจ เลยก้มมองเห็นกำไลอันใหญ่ แต่แล้วก็แทบช็อก ปากคอเริ่มสั่น เมื่อผู้หญิงคนนั้นหันมา ในสภาพหน้าเละครึ่งหนึ่ง
ภิชาสินีลุกขึ้นหวีดร้องด้วยความตกใจ จนอรรถพร และคนแถวนั้น พลอยตกใจไปด้วย เธอเลยรีบแก้ตัวเก้อๆ
“มดน่ะค่ะ มดกัด”
ผีผู้หญิงมองจ้องหน้าภิชาสินี “คุณเห็นฉัน?”
ภิชาสินีนิ่งไม่กล้าหันไปมอง จนผีผู้หญิงพุ่งมาข้างๆ ประชิดตัว อรรถพรลอบสังเกตอาการด้วยความแปลกใจ
“ช่วยฉันด้วย ช่วยฉัน”
ผีผู้หญิงร้อขอความช่วยเหลือ ภิชาสินียืนตัวสั่น จนอรรถพรคิดว่าเธออยากยา
ภิชาสินีเห็นวิญญาณพ่อ แม่ ป้าปรากฏตัวขึ้นมา ก็ยิ้มดีใจ อรรถพรมองอย่างงุนงง ทั้งพ่อ แม่ ป้า พยายามช่วยกันพูดอ้อนวอนให้ผีผู้หญิงไปที่ชอบๆ แต่ฝ่ายนั้นกลับทำหน้าเศร้า
“ฉันยังไปไหนไม่ได้ ฉันยังมีภาระ ช่วยฉันเถอะนะ ฉันขอร้อง”
ภิชาสินีหันไปมองหน้าผีผู้หญิงด้วยความเห็นใจ ขณะที่อรรถพรลอบมองเธอด้วยความสงสัย

“ถ้าเป็นหมอดูจริงๆ ก็ต้องรู้ว่า ผัวอั๊วมันซ่อนอีหนูไว้ที่ไหน ?”
เจ๊เคียวพูดพลางวางปืนขู่บนโต๊ะ พิณชนิดากับภูมินทร์ถึงกับสะดุ้งเฮือก
พิณชนิดาเปิดไพ่ด้วยมือสั่นเทา ภูมินทร์ลุ้นตามไปด้วย ส่วนเฮียตี๋เหงื่อแตกพลั่กๆ ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น
“รู้แล้วค่ะ ไพ่ 9 ถ้วย เมียน้อยเฮียตี๋ อยู่ในร้านอาหารค่ะ”
เฮียตี๋ตกใจหน้าซีด เจ๊เคียวซักต่อ
“หน้าตามันเป็นยังไง รูปร่าง ส่วนสูง มีไฝในที่ลับตรงไหนรึเปล่า ?”
พิณชนิดาเปิดไพ่ต่อ ออกมาเป็นควีนออฟคัพ
“หน้าตา รูปร่าง บอกไม่ได้ รู้แต่ว่าอยู่ที่แผนกเครื่องดื่ม พูดเลยว่าใช่”
เฮียตี๋แทบจะกลั้นใจตาย เพราะคำทำนายมันใช่หมด เจ๊เคียวหันขวับไปมองหน้าผัว
“แผนกนั้นมีชะนีตัวเดียว อีอ้อย”
เฮียตี๋ทรุดตัวลงไปคุกเข่ากอดเมีย
“อย่าฆ่าเฮียเลยนะจ๊ะเมียจ๋า”
“ลากตัวมันออกไป จัดหนักให้มันซักสามชุดใหญ่”
ขาดคำเจ๊เคียว ลูกน้องก็ลากเฮียตี๋ออกไป

พิณชนิดากับภูมินทร์ได้แต่มองตาม พลางกลืนน้ำลายเอื๊อก

เจ๊เคียวจ่ายเงินค่าดูหมอให้กับพิณชนิดาแล้วรีบเดินออกไป ภูมินทร์หันขวับมาทันที

“ถ้าเธอดูแม่นจริง ก็น่าจะดูให้ฉันได้สิว่าฉันเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหน ?”
พิณชนิดาส่ายหน้า “ฉันเคยดูแล้ว แต่ไม่เห็นอะไรเลย”
“ถ้างั้นเธอมันก็เป็นไอ้หมอดูจอมปลอม ไอ้หมอดูจอมลวงโลก ไอ้หมอดูไม่จริงใจ”
ภูมินทร์ด่าเสร็จก็จ้ำเดินออกไป ทิ้งให้พิณชนิดายืนโมโหที่ด่าตอบไม่ทัน

ทางด้านภิชาสินีก็เดินตามผีผู้หญิงมาตามทาง ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพาตามมาด้วย อรรถพรแอบย่องตามมาห่างๆ
“เข้ามาในที่แบบนี้ ต้องมาซื้อยา หรือไม่ก็ขายยาแน่ๆ”
อรรถพรคิดพลางเดินผ่านวิญญาณ พ่อ แม่ ป้า ที่ไม่สามารถฝ่าผีเจ้าถิ่นเข้าไปได้ ได้แต่นั่งบ่นกันเองว่าผีผู้หญิงอยากให้ภิสาสินีช่วยอะไร และอรรถพรแอบบตามมาทำไม ?

ผีผู้หญิงยังคงเดินนำภิชาสินี โดยมีอรรถพรย่องตามมาห่างๆ
“ฉันออกมาซื้อกับข้าวให้ลูก ตอนนี้ลูกฉันอยู่บ้านคนเดียว ฉันกลัวลูกจะหิว และเค้าคงไม่รู้ว่าแม่ตายไปแล้ว”
ภิชาสินีได้ฟัง ก็ยิ่งเศร้าใจ
“คุณช่วยพาลูกฉันไปกินข้าวหน่อยเถอะนะ แล้วก็ช่วยบอกเค้าด้วยว่าแม่เค้าตายแล้ว”
ผู้หญิงพาภิชาสินีเดินมาถึงหน้าบ้าน เก่าๆ โทรมๆ หลังหนึ่ง แล้วก็เดินออกไป อรรถพรที่ซุ่มดูอยู่ คิดว่าเป็นรังโจร จึงรีบติดต่อขอกำลังเสริมทันที
ขณะที่ภิชาสินีเดินเข้าไปในบ้านที่มืดมิด แต่กลับไม่เจอลูกของผีผู้หญิงอยู่ในบ้าน เธอจึงรีบหันมามองหาผีผู้หญิง ปรากฏว่าเห็นนางนั่งอยู่บนขื่อ
“พี่คะ พี่ ฉันอยู่รอลูกพี่ไม่ได้แล้ว ฉันไปเข้าเรียนช้าแล้วเนี่ย ถ้าฉันทำธุระเสร็จ จะรีบกลับมาช่วยล่ะกัน”
ผีผู้หญิงยิ้มดีใจ

พอภิชาสินีเดินออกมา ก็โดนอรรถพรพุ่งเข้าไปรวบตัวไว้ทันที พร้อมกับเอากุญแจมือใส่
“จับฉันทำไม?”
“คุณไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น ไปโรงพัก”
ภิชาสินีทั้งอึ้ง ทั้งตกใจ
ก้องภพหันมาทางสัญชัย พลางพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เรายังไม่ได้เบาะแสเรื่องเจ้าของรถเต่าเลยครับ กว่าจะหาเจ้าของรถเต่าคันนั้นเจอ คุณภูอาจอยู่ในอันตราย ผมว่าเราลงหนังสือพิมพ์ตามหาดีกว่า”
สัญชัยรีบห้าม
“ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นหุ้นบริษัทเราได้ร่วงกราวแน่ แล้วดูจากภาพกล้องวงจรปิด ตาภูน่าจะรอด เพราะรถคันนั้นดูเหมือนมาช่วยชีวิต ไม่ได้เป็นรถของคนร้าย”
ก้องภพอดเป็นห่วงไม่ได้
“ถ้าปลอดภัยจริง ทำไมคุณภูถึงไม่ติดต่อมา ผมกลัวว่าคุณภูจะได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“บางทีการที่ตาภูไม่ติดต่อพวกเรา อาจจะเป็นเพราะกำลังคิดอะไรอยู่ก็ได้ เธอก็รู้ว่าตาภูฉลาดเป็นกรด เค้าเอาตัวรอดได้แน่”
สัญชัยพยายามคิดในแง่ดี แต่ก้องภพก็ยังกังวลอยู่

แม่นมนวลกำลังหั่นผัก ด้วยท่าทางกลัดกลุ้ม จนเผลอทำมีดบาดนิ้ว ป่านแก้วสาวใช้คนสนิทรีบไปหาพลาสเตอร์มาให้
“แก้ว ฉันใจไม่ดี กลัวว่านี่จะเป็นลาง ว่าเกิดเรื่องร้ายแรงกับคุณหนู”
“ไม่ใช่หรอกค่ะแม่นม มันเป็นอุบัติเหตุ”
ทันใดนั้นเสียงปูเปรี้ยว สาวใช้คู่ปรับของป่านแก้วก็ดังแทรกขึ้นมา
“แต่ฉันว่าใช่นะ ไม่เคยเห็นในละครเหรอ เวลาที่มีของแตก มีเลือดออก แสดงว่ากำลังเกิดเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ลองอีหรอบนี้คุณหนูต้องเป็นอะไรแน่ๆ ถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต”
แม่นมนวลฟังแล้วก็หน้าซีด ป่านแก้วไม่พอใจเดินไปโวยวายกับปูเปรี้ยว จนแม่นมนวลต้องลุกขึ้นมาห้าม แต่กลับถูกปูเปรี้ยวผลักจนเซจะล้ม โชคดีที่ก้องภพเข้ามประคองรับเอาไว้ได้ทัน พลางพยายามพูดปลอบใจแม่นมนวลไม่ให้คิดมาก

ภูมินทร์เดินรีบๆ จะกลับเข้าห้อง แต่พิณชนิดากลับแกล้งหย่อนตัวลงนั่งพักที่โซฟา เขาก็เลยเดินมายืนด้านหน้า แล้วโน้มตัวลงมา จนเธอตกใจ เอนหลังจนติดเบาะ เกือบจะเป็นท่านอน
“นายจะทำอะไร”
“เอากุญแจห้องเธอน่ะสิ”
พูดพลางพยายามแย่งกระเป๋าถือ แต่พิณชนิดามือไวคว้าเอาไว้ได้ทัน พลางกระชากกลับจนอีกฝ่ายล้มตัวไปบนโซฟา พิณชนิดาจะหนี แต่ภูมินทร์กอดเอวเอาไว้ พลางดึงตัวให้นั่งบนตัก ด้วยท่าทีที่แนบชิด
ระหว่างนั้นแพนเค้ก ในชุดรปภ. กับขวัญทิพย์เดินออกมาเห็นพอดีก็ตกใจ เพราะภาพที่เห็นเหมือนทั้งคู่กำลังจูบกันอยู่
เมื่อทั้งคู่หันมาเห็น ก็รีบผละออกจากกันทันที ขวัญทิพย์และแพนเค้กเดินมาประกบทันที ด้วยความสอดรู้สอดเห็น
“พี่ชักสงสัยแล้วนะว่าน้องพิณกับพ่อหนุ่มคนนี้ เป็นไรกันแน่”
“นั่นสิ เพราะดูแนบชิดจนแทบจะเป็นคนเดียวกัน”
พิณชนิดารีบปฏิเสธ “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ขอตัวนะคะ”
พิณชนิดารีบจับมือภูมินทร์แล้วพาเดินออกไป แพนเค้กกับขวัญทิพย์มองตามแววตาสงสัย
“เค้าว่าต้องเป็นผัวเมียกันแน่นอน”
ขวัญทิพย์พยักหน้านึกๆ “หรือว่าน้องพิณจะท้องกับผู้ชายคนนั้น ? ”
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงของหล่นโครม พอหันไปก็หนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง มีหมวกกันน็อกหล่นอยู่บนพื้น
“พี่แพนเค้กกับพี่ขวัญพูดว่าอะไรนะครับ?”

ภิชาสีนีนั่งอยู่บนโรงพัก กำลังถูกอรรถพรสอบสวน
“ต้องให้ฉันบอกอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่ได้ค้ายาบ้า ฉันไปหาเพื่อนที่บ้านหลังนั้น”
“แล้วไหนล่ะ เพื่อนของคุณ”
ภิชาสินีชักสีหน้า “ก็บอกไปแล้วไงว่าเค้าไม่อยู่”
“ก็บอกมาสิว่าเพื่อนคุณชื่ออะไร เบอร์โทรศัพท์เบอร์อะไร ผมจะได้เรียกเค้าให้มาเป็นพยานให้คุณ คุณจะได้ถูกปล่อยตัวกลับบ้าน”
ภิชาสินีอึกอัก ตอบไม่ได้ เลยแกล้งโวยวาย
“มันจะมากไปแล้วนะหมวด คุณจะมารังแกประชาชนอย่างฉันไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้อง”
ทันใดนั้นสารวัตรเปิดประตูเข้ามา พลางสั่งให้อรรถพรปล่อยตัวภิชาสินีไป เพราะว่าไม่มีหลักฐาน
ภิชาสินียิ้มดีใจ ก่อนจะหันมามองค้อนอรรถพร แล้วรีบเดินออกไป
สารวัตรหันมาสั่งการ
“ทำรายงานเรื่องนี้มาให้ผม”
อรรถพรรับคำหน้าจ๋อยๆ พลางแอบคิดเอาคืน
“ฉันต้องหาทางจับผิดเธอให้ได้คอยดู”

สัญชัยยื่นรูปรถเต่าของพิณชนิดาให้ยอดลูกน้องคนสนิท พลางสั่งการให้รีบไปตามหาเบาะแสกลับมาให้เร็วที่สุด

ทางด้านพิณชนิดากับภูมินทร์ ที่เข้ามาในห้อง ก็ยังโต้เถียงกันไม่หยุด จนกระทั่งภิชาสินีเข้ามา พิณชนิดาจึงรีบปราดเข้าไปหาน้องสาว พลางถอนใจอย่างระอา
“พี่ทนนายไข่เจียวไม่ไหวแล้ว ทั้งยะโส เรื่องมาก ปากเสีย เราต้องหาทางฟื้นความทรงจำเค้าให้เร็วที่สุด”
ภิชาสินียืนคิดอยึ่ครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้มออกมา “ ภิเคยเห็นในทีวี เค้าใช้วิธีสะกดจิต”

“แต่พี่สะกดจิตไม่เป็น นึกออกแล้ว”

พิณชนิดาใส่ถุงมือผ้าใส่รองเท้าผ้า ในมือมีสายไฟที่แยกไว้เป็นสองเส้น พลางเอาสายไฟมาโดนกันก็เกิดประกายไฟแปลบปลาบ น่าหวาดเสียว

จากนั้นก็เดินย่างสามขุนเข้ามาภูมินทร์ที่เดินถอยหลังกรูด พร้อมกับเอาไฟช็อต กระแสไฟแล่นไปตามร่างที่ดิ้นกระแด่วๆ ควันออกปาก
พิณชนิดาหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ ภิชาสินีมองหน้าพี่สาวอย่างแปลกใจ
“หัวเราะอะไรพี่?”
ภูมินทร์ถึงกับส่ายหน้า “สงสัยจะบ้า”
พิณชนิดาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ หยุดหัวเราะ หันมองภูมินทร์อย่างเอาเรื่อง
“ตกลงวิธีที่พี่คิดออกคืออะไร?”
พิณชนิดายิ้มเจ้าเล่ห์ “เอาไฟช็อตนายไข่เจียว พี่เคยดูในซีรีย์ฝรั่ง โรงพยาบาลบ้าจะเอาไฟ
ช็อตคนไข้ เพื่อกระตุ้นประสาท ทำให้ความทรงจำที่หายไปกลับคืนมา”
ภิชาสินีรีบห้าม “นั่นมันในซีรีย์ ของจริงกระแสไฟต้องเท่าไหร่ รายละเอียดยังไง เราไม่รู้ ถ้าพลาด
ถึงตาย”
“พี่ก็ว่างั้น เฮ้อ จะทำยังไงดี?”
พิณชนิดาเดินวนไปวนมาอย่างใช้ความคิด ภิชาสินี รวมทั้งวิญญาณของปราชญ์ กานต์กมล
พัณทิพายืนมอง พลางพยายามช่วยคิด จู่ๆ กานต์กมลก็นึกขึ้นมาได้
“มีอยู่คน ถูกรถชนความจำเสื่อมอยู่ 3 เดือน ปรากฎว่าความจำกลับมา เพราะโดนเมียเอาสากกะเบือฟาดหัว”
ภิชาสินีตกใจ “ฟาดหัวอีกครั้ง”
พิณชนิดากับภูมินทร์หันขวับมาทันที
“ความคิดนี้ดี ความจำหายเพราะหัวถูกกระแทก ถ้าโดนกระแทกอีกทีอาจจะกลับมา”
พิณชนิดาพูดพลางก็หันไปคว้าแจกันใกล้มือ จะฟาดหัว ภูมินทร์รีบกระโดดหนี
“จะบ้ารึไง เกิดฟาดผิด ฉันเอ๋อขึ้นมา เธอจะรับผิดชอบได้รึเปล่า”
พิณชนิดาหัวเราะแหะๆ พลันมีเสียงเคาะที่ประตูดังขึ้น ภิชาสินีเดินดูตาแมว ก่อนจะเปิดประตู
“มีอะไร”
อรรถพรพยายามกวาดตาเข้ามาในห้องอย่างจับผิด “ขอยืมน้ำปลาครับ”
ภิชาสินีรีบบอกว่าหมด แต่พิณชนิดากลับบอกว่าไม่หมด พลางสั่งให้น้องสาวเดินไปหยิบ อรรถพรฉวยโอกาสจะเดินเข้าห้อง แต่โดนภิชาสินีปิดประตูใส่หน้า
พิณชนิดาหันไปหยิบเสื้อผ้าที่ยืมมาให้ภูมินทร์ พลางเปิดประตูเอาไปคืนให้อรรถพร
“เสื้อผ้าที่ยืมมาค่ะ ขอบคุณนะคะ ซักเรียบร้อยแล้ว”
อรรถพรรับคำ พลางพยายามหาทางเข้าไปในห้อง
“ปวดฉี่จัง ขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้มั้ยครับ”
พิณชนิดาพยักหน้าเชิญ แต่ภิชาสินีรีบเดินออกมาดันตัวให้ออกไป พร้อมยื่นขวดน้ำปลาให้
อรรถพรส่ายหน้าอย่างเจ็บใจ แต่ไม่ยอมแพ้
“วันนี้เข้าไม่ได้ วันหน้าฉันจะเข้าไปให้ได้”

พิณชนิดาข้องใจที่ภิชาสินีดูไม่ค่อยชอบขี้หน้าอรรถพรเท่าไหร่ แต่น้องสาวกลับตอบเลี่ยงๆ ว่าแค่ไม่ถูกชะตา จากนั้นก็มาครุ่นคิดหาวิธีฟื้นความทรงจำของภูมินทร์ต่อ
“ลองดูดวงนายไข่เจียวอีกครั้ง ไม่รู้ละเอียด แต่อาจรู้คร่าวๆ”
พิณชนิดาส่ายหน้า “คราวที่แล้วก็ดูไปแล้ว ไม่เห็นมีอะไรขึ้นมา”
แต่เมื่อน้องสาวคะยั้นคะยอ เธอก็จำยอมต้องหยิบไพ่มายื่นให้ภูมินทร์
“จับไพ่”
แต่ภูมินทร์กลับนั่งนิ่ง แล้วโวยกลับ
“เธอเคยหลอกให้ฉันจับไพ่นี่ที่โรงพยาบาล ไม่มีมารยาท แอบดูดวงคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พิณชนิดาพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“ที่ฉันให้นายดูตอนนั้น เพราะฉันไม่ไว้ใจ เราไม่เคยรู้จักกัน คนดี ๆ ที่ไหน จะถูกตามฆ่า นายอาจจะเป็นนักโทษหนีคดีอยู่ก็ได้ ฉันไม่อยากช่วยโจร”
“เธอเคยบอกว่าดูดวงฉันแล้วไม่เห็นอะไร แล้วจะดูไปอีกทำไม”
“ครั้งที่แล้ว อาจจะเป็นเพราะนายไม่รู้ตัวว่าฉันจะดูดวงให้นาย นายถึงไม่มีสมาธิ แต่ครั้งนี้นายรู้ตัว ไพ่อาจจะบอกว่านายเป็นใคร มาจากไหน”
ภูมินทร์นิ่งคิด พิณชนิดามองหน้า แล้วพยายามพูดตะล่อม
“นายไม่อยากรู้รึไงว่าตัวเองเป็นใคร บางทีการดูไพ่ครั้งนี้อาจจะทำให้ฉันเห็นชีวิตนายก็ได้นะ “
ภูมินทร์มองไพ่ในมือพิณชนิดา พลางครุ่นคิด ตัดสินใจ

ในที่สุดภูมินทร์ก็จำยอมให้พิณชนิดาเปิดไพ่ดูดวง
“นายเป็นคนเลือกไพ่ ซึ่งไพ่แต่ละใบ ปรากฏขึ้นตามจิตใต้สำนึกของนาย แต่ละตำแหน่งบอกความคิด บอกอดีต บอกปัจจุบัน และบอกอนาคต ไพ่ไม่ได้กำหนดอนาคต นายเป็นคนเลือกไพ่ นายนั่นแหละที่เป็นคนกำหนดอนาคตตัวเอง”
“ฉันกำหนดเอง ?” ภูมินทร์ถามย้ำ
“ใช่ อนาคตจะดี จะเลว ขึ้นอยู่กับว่า นายใช้วิธีแก้ปัญหาที่ผ่านเข้ามายังไง เอาด้านที่ดีรับ หรือเอาด้านที่เลวรับ”
จากนั้นพิณชนิดาก็เริ่มเปิดไพ่
“ไพ่ประจำตัว คือไพ่ The sun ดวงชะตาไม่ธรรมดา แถมรอบตัวยังมีแต่ไพ่เหรียญ แสดงว่านายมีพื้นฐานเป็นคนมีฐานะ ร่ำรวย แต่ใจร้อน วู่วาม แต่ไพ่ทาวเวอร์อยู่ในตำแหน่งอดีต แสดงว่าครอบครัวแตกแยก นายไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่”
ภูมินทร์พยายามนึก “ฉันคุ้น ๆ ว่าไม่ได้อยู่”
“นายมีโรคประจำตัวคือนอนไม่หลับ เพราะฝันร้าย มีปมจากเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก ที่แน่ ๆ คือนายมีศัตรูเต็มไปหมด มีศัตรูเยอะพอ ๆ กับเงิน”
จู่ๆ พิณชนิดาก็ชะงัก จนภูมินทร์ต้องเป็นฝ่ายถามต่อ
“แล้วไงต่อ เงียบทำไม?”
“นายกำลังเจอเนื้อคู่ หรือไม่ก็เจอแล้วในเร็ว ๆ นี้”
ทุกคนถึงกับอึ้ง
“เนื้อคู่ฉันเป็นใคร? หน้าตา รูปร่างเป็นยังไง ฐานะล่ะ ดีรึเปล่า? การศึกษาระดับไหน?”
พิณชนิดาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ จนภิชาสินีต้องรีบก้มลงดูไพ่
“นี่มันไพ่ประจำตัวพี่พิณ”
พิณชนิดาหน้าเสีย แต่พยายามเถียง
“ไม่ใช่หรอก อาจจะหมายถึงคนอื่น ต้องเปิดเพิ่มอีกใบ”
พูดพลางยื่นไพ่ให้ภูมินทร์หยิบออกมา 1 ใบ แล้วก็หัวเราะสะใจ มั่นใจว่าไม่ใช่ตัวเองแน่นอน
“เนื้อคู่นาย คือผู้หญิงที่นายเพิ่งเจอ และช่วยชีวิตนาย”
ภิชาสินีตบเข่าฉาด “นั่นมันพี่พิณชัดๆ เพิ่งเจอ แล้วก็ช่วยชีวิต”
ภูมินทร์กับพิณชนิดาหันมองหน้ากัน แล้วพูดขึ้นมาพร้อมกัน “ไม่จริง”
วิญญาณพ่อ แม่ ป้า อุทานออกมาราวกับนัดกันไว้
“เป็นไปไม่ได้”

ทั้งภูมินทร์ ทั้งพิณชนิดา ต่างก็หงุดหงิดที่ไพ่ออกมาเป็นแบบนั้น จนพาลกินข้าวไม่ลงทั้งคู่ ภูมินทร์ถือจานข้าวเข้าไปกินต่อในห้องนอนของพิณชนิดา ขณะที่เจ้าของห้องขอปลีกตัวออกไปเดินสูดอากาศคลายเครียดด้านนอก ภิชาสินีรีบเดินตามมา พร้อมกับวิญญาณของพ่อ แม่ ป้า ก็ตามมาด้วย
“เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น ผู้ชายอะไรนิสัยร้ายกาจสุดๆ”
พิณชนิดาบ่นอุบ ภิชาสินีรีบเสริม
“ทนไม่ไหว ก็ไล่ออกจากบ้านไป ปล่อยให้ระหกระเหเร่ร่อน อดมื้อกินมื้อ นอนตามป้ายรถเมล์ ไม่ต้องสนใจ ดีมั้ย?”
พิณชนิดาส่ายหน้าช้าๆ “อยากทำ แต่ทำไม่ได้”
“เพราะพี่พิณเป็นคนดี เลิกด่าเค้า แล้วทนต่อไป ถือว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรก็แล้วกัน แล้วถ้านายไข่เจียว เป็นเนื้อคู่พี่จริง ๆ จะทำยังไง?”
พิณชนิดาครุ่นคิด หน้าเครียด จู่ๆ ภิชาสินีก็นึกขึ้นมาได้
“จำได้รึเปล่าวันเกิดตอนพี่ดูดวง ไพ่บอกว่าพี่จะได้สัตว์สองเท้า เนื้อคู่ชัด ๆ”
พิณชนิดาเริ่มไม่มั่นใจ “ไม่หรอกมั้ง”
“ใช่หรือไม่ใช่ พี่ต้องพิสูจน์”
พูดพลางยื่นไพ่ให้พี่สาว “ภิหยิบมาให้ จะได้รู้กันไปเลย”
พิณชนิดาเปิดไพ่ 3 ใบ ซึ่งตอนนี้ยังคว่ำอยู่ ภิชาสินี ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพายืนลุ้น
เธอพยายามกลั้นใจ เปิดไพ่ในที่สอง เป็นไพ่ 2 ถ้วย ซึ่งหมายถึงเจอเนื้อคู่ จากนั้นก็เปิดไพ่ใบที่สาม
“ไพ่เดอะซัน ไพ่ประจำตัวนายไข่เจียว” ภิชาสินีตะโกนลั่น

พิณชนิดานิ่งงันไป ถึงกับพูดไม่ออก

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น