xs
xsm
sm
md
lg

“ยึดอำนาจ เอื้อประโยชน์ใด?”

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ประกาศพร้อมจะนำทัพพรรคเพื่อไทยลงลุยเลือกตั้งในปี 2559 อย่างมั่นอกมั่นใจของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏรายละเอียดในเว็บไซต์ บางกอกโพสต์ (www.bangkokpost.com) ในชื่อบทสัมภาษณ์ว่า “Yingluck saw the coup coming”

เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่า เธอไม่รู้สึกรู้สาไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรือสะดุ้งสะเทือนกับกรณีการจะถูกยื่นถอดถอนจากตำแหน่ง ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งอาจมีผลให้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีหรือตลอดชีวิตตามที่จะมีการปฏิรูปกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ รวมทั้งคดีความที่เกี่ยวเนื่องกับการที่เธอจะถูกฟ้องร้องทางคดีอาญาในเรื่องที่เกี่ยวพันกับการทุจริตจำนำข้าวอีกด้วย

ในถ้อยคำสัมภาษณ์ เธอยังเปรียบเปรยกระทบกระเทียบ คสช.ด้วยซ้ำไปว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง เปรียบเสมือนเธอได้รับมอบกุญแจรถประชาธิปไตยจากปวงชนชาวไทย ให้เป็นผู้ขับรถนำพาประเทศไทย แต่ขับรถอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีคนเอาปืนมาจี้หัวให้ลงจากรถ และขโมยเอารถไป

ยิ่งลักษณ์บอกต่อสื่อมวลชนด้วยว่า เธอรู้มาก่อนล่วงหน้าตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกฯ แล้วว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของเธอ ถ้าไม่ถูกโค่นล้มโดยองค์กรอิสระ หรือศาล ก็ต้องถูกปฏิวัติรัฐประหาร เช่นเดียวกับรัฐบาลของพี่ชายเธอนั่นเอง

ย้อนหลังไปเมื่อ 14 กรกฎาคม เธอกล่าวกับมวลชนคนเสื้อแดงที่จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนร่วมกับพรรคเพื่อไทย ด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า

“คิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ พี่ชายที่ถูกรังแกและไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งๆ ที่ผ่านมาทำงานทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ ถึงตอนนี้อยู่ต่างประเทศก็ยังประกาศเจตนารมณ์แน่วแน่ว่าจะกลับมากอบกู้สถานการณ์วิกฤตบ้านเมืองทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้อยู่ดีกินดีเหมือนดั่งอดีตที่ผ่านมา และจะต่อยอดในทุกนโยบายที่เคยทำไว้ให้ดียิ่งกว่าเก่า และขอฝากการเลือกตั้งว่า ถ้าอยากให้เศรษฐกิจดี ข้าวขายได้ตันละ 1.4 หมื่นบาทขึ้นไป ต้องช่วยกันต่อสู้ให้ทักษิณกลับบ้าน”

ในบทสัมภาษณ์ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ได้สัญญากับพลเอกประยุทธ์แล้วว่า จะต่อสู้คดีที่ถูกกล่าวหาโดยไม่หลบหนีไปไหน เพราะเชื่อในความบริสุทธิ์ของตนเอง และหากไม่ติดขัดอะไร ก็พร้อมจะลงสู้ศึกเลือกตั้งในปี 2559 อย่างแน่นอน

การก่อการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถึงบัดนี้ก็เกินกว่าครึ่งปีไปแล้ว มวลมหาประชาชนจำนวนมากที่ออกมาต่อสู้เสี่ยงอันตรายอยู่เกินครึ่งปีเหมือนกัน เริ่มรู้สึกคลางแคลงใจ

ว่ารัฐประหารครั้งนี้เอื้อประโยชน์ให้ใครกันแน่ เพราะต้นเหตุแห่งปัญหาคือระบอบทักษิณเหมือนไม่ถูกกระทบกระเทือนใดๆ เลย ยิ่งการออกมาให้สัมภาษณ์ของยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ หลังกลับจากไปทัวร์จีนอย่างชื่นมื่นกับ ทักษิณ ชินวัตร โดยเผยแพร่ภาพลัลลาโชว์สื่อต่างๆ อย่างเปิดเผย ยิ่งตอกย้ำว่าเหมือนยิ่งลักษณ์กับทักษิณต่างหากหนอที่ได้รับการคืนความสุขอย่างแท้จริง ขณะที่มวลมหาประชาชนส่วนใหญ่กลับรู้สึกเป็นทุกข์เป็นร้อนว่า เมื่อมีการเลือกตั้งในปี 2559 ระบอบทักษิณจะกลับมาสยายปีกครอบคลุมประเทศไทยยิ่งขึ้นกว่าเดิม

และที่ พลเอกประยุทธ์ ย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ขณะที่แค่จะมีการยื่นเรื่องถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช กับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานวุฒิสภากับอดีตประธานรัฐสภา กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.มิชอบ ตามการไต่สวนของ ป.ป.ช. และการยื่นเรื่องถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลว่า มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทุกขั้นตอนกรณีทุจริตจำนำข้าว แค่ สนช.มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเท่านั้น ขบวนการเสื้อแดง นำโดยแกนนำอย่างนายจตุพร นายณัฐวุฒิ นางธิดา หมอเหวง และนายวรชัย เหมะ ก็ออกมาฟาดหัวฟาดหาง ประกาศแข็งกร้าวว่า ถ้ามีการถอดถอนทั้งสองกรณี คนเสื้อแดงพร้อมจะออกมาสู้ขั้นแตกหัก โดยไม่มีข้อแม้หวั่นเกรงใดๆ แล้ว

ขณะเดียวกันที่ฝั่งมวลมหาประชาชนที่เคยออกมาหลายล้านรองเท้าผ้าใบใจถึงๆ ก็พากันส่ายหน้าออกอาการผิดหวังเมื่อเห็นมติ สนช.ที่แต่งตั้งโดย คสช.ลงมติรับเรื่องถอดถอนแค่ 87 เสียงจากทั้งหมด 220 เสียง แถมยังมีคัดค้านไม่ให้รับเรื่อง 75 เสียงอีกต่างหาก นอกนั้นไม่รู้ไม่ชี้ ด้วยการงดออกเสียงและไม่มาประชุมดื้อๆ อันเป็นการส่อแสดงให้เห็นได้ชัดว่า การจะต้องใช้เสียงถึง 132 เสียง (3 ใน 5)

เพื่อถอดถอนนั้น คงจะเป็นไปได้ยากแล้วล่ะ

สรุป คือกระบวนการยุติธรรมใดๆ ที่ คสช.จะให้เป็นไปตามวาทกรรมหรูๆ นั้น ไม่สามารถจัดการกับความฉ้อฉลชั่วร้ายของระบอบทักษิณได้เลย ดูอย่างหลายกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลส่งอัยการสูงสุดให้สั่งฟ้อง ก็มีอันยึกๆ ยักๆ ขัดข้องขัดขวางจากอัยการสูงสุดที่ยังเป็นกากเดนรับใช้ระบอบทักษิณอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูทุกครั้งทุกทีไป

ก็คงช่วยไม่ได้ที่จะมีผู้คนที่รักความเป็นธรรมและกูรูทางการเมืองเริ่มออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตั้งข้อสงสัยว่า หรือว่าการรัฐประหารครั้งนี้จะถูกออกแบบโดยทักษิณ

เพื่อกวาดล้างมวลมหาประชาชน และคลี่คลายทางตีบตันให้แก่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่กำลังจะเข้าตาจน โดยกูรูทางการเมืองบางท่านเริ่มตั้งแต่ตั้งข้อสังเกตว่า หลังทำการรัฐประหาร คสช.เริ่มต้นงานแรกด้วยการ “ปรองดอง” ซึ่งคำคำนี้ยืนยันได้ว่า ทักษิณเป็นคนใช้เป็นคนแรก เมื่อครั้งจะผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมตนเอง โดยทวิตขอร้องคนเสื้อแดงหลายครั้งว่า ให้ยึดหลัก “ปรองดอง” เพื่อคลี่คลายปัญหาทางการเมือง

ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

แปลก ที่ คสช.ก็ใช้วิธีการเดียวกับทักษิณเปี๊ยบเลย และงานบริหารบ้านเมืองต่างๆ ก็คล้ายจะเดินตามรอยสานต่องานที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เริ่มไว้ตะกุกตะกักให้ลื่นไหลต่อไปได้อย่างสะดวกโยธิน ไม่ว่าจะเรื่องการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ที่เร่งรีบลุกลี้ลุกลนแบบไม่ยอมรอการปฏิรูป ทั้งที่มีสภาปฏิรูปแห่งชาติกำหนดการปฏิรูปพลังงานไว้อย่างชัดแจ้งแล้ว และเรื่องอื่นๆ อีกหลายโครงการที่มีคนนินทาว่า เหมือนเตะหมูเข้าปากแม้วเลยเทียว

และผ่านไปกว่าครึ่งปี อำนาจที่ยึดมาได้จากการรัฐประหาร ก็ไม่เคยมีทีท่าส่งสัญญาณว่าจะจัดการกับระบอบทักษิณและขบวนการเสื้อแดงที่ก่อกรรมทำเข็ญต่อประเทศชาติไว้อย่างมากมายอย่างไรเลย 

งาน “ปรองดอง” ที่ตั้งโจทย์ผิดๆ ว่า เหตุเพราะคนไทยทะเลาะกัน จึงต้องเร่งแก้ไข ก็ทำได้แค่การสร้างภาพ แต่งเพลง จัดคอนเสิร์ต เชิญคนไปปรับทัศนคติ ซึ่งก็ปรองดองได้แต่ภาพ

เนื้อแท้คนไทยก็ยังไม่เลิกทะเลาะกัน ความขัดแย้งไม่ปรองดองยังคงอยู่ ตราบใดที่ความผิดความชั่วยังลอยนวล แถมฝ่ายผิดฝ่ายชั่วยังชักชวนกันออกมาชูสามนิ้วเย้ยหยันการรัฐประหารของ คสช.อย่างคึกคักไม่หวั่นเกรง ที่ขอนแก่น นักศึกษา มข.ถึงกับบุกเข้าไปชูสามนิ้ว พร้อมเสื้อไม่เอารัฐประหารต่อหน้าต่อตานายกรัฐมนตรีขณะปราศัยกับส่วนราชการ และประชาชนเลยทีเดียว ทีวีช่องเสื้อแดงก็ยังสนุกสนานกับการแถไถข้อมูลเท็จปลุกระดมสร้างกระแสยกย่องบูชาทักษิณและระบอบทักษิณออกอากาศแพร่ไปทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 

วาทกรรม “ฉี่ไม่สุด ฉี่ไม่สะเด็ดน้ำ” ที่เคยใช้กับการรัฐประหารปี 2549 ของบิ๊กบังเละ เริ่มถูกนำมาถกแถลงในวงการคอการเมืองอย่างเซ็งๆ อีกครั้งหนึ่ง ในท่ามกลางกฎอัยการศึก ที่ผู้คนเริ่มไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้ว

คนเขียนหนังสืออย่างผม ก็รู้สึกเหนื่อยและเบื่อเหลือกำลังแล้วแต่ก็ทำได้แค่ระบายความในใจเป็นบทกวี ถาม “ไอ้ทิด” เพื่อนทุกข์เพื่อนยากของผมเท่านั้นเอง

“ถ า ม ไ อ้ ทิ ด”
เบื่อไหมวะไอ้ทิด
ระงับจิตระงับใจ
ยอมเขาแล้วเอาไง
เขาก็ไปตามเขาเป็น
ยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่
เขาไม่รู้เขาไม่เห็น
เอียงได้ใครก็เอน
เขาก็เล่นตามบทเดิม
ร้องแรกแหกกะเชอ
ก็อวยเออเขาแต่เริ่ม
เทใจดอกไม้เจิม
โห่เหิมเกริมว่ามีชัย
ยื่นดาบอาญาสิทธิ์
ให้รื้อผิดล้างพิษภัย
ดาบป้องประคองใคร
สาแก่ใจไหมไอ้ทิด
งูพิษเลื้อยเพ่นพ่าน
หมาเห่านานมัดปากปิด
พิษปล่อยลอยนวลพิษ
ถูกหรือผิดไม่ติดใจ
ข้าก็เบื่อเหลือเกินแล้ว
ล้วนหน่อแนวอาชาไนย
ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป
เปลี่ยนฉากใหม่ ใช้บทเดิม!

                 ว.แหวนลงยา
กำลังโหลดความคิดเห็น