วงถกเรื่องบ้านเมืองของ “เหยี่ยวข่าว” ย้ายจาก “คอฟฟี่ แอนด์ บุ๊ก” มานั่งกินลมชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในสวนสันติชัยปราการ โดยซื้อกาแฟร้าน “ซูเปอร์สตาร์บังคอฟฟี่” หน้าบ้านพระอาทิตย์ติดมือมาด้วย
“...ขบวนการ ‘ชูสามนิ้ว’ โผล่มาต้านรัฐบาลเผด็จการทหาร คสช.หลายระลอกแล้ว แถมยังโปรยใบปลิวด่ารัฐประหารอีกหลายแห่ง ดูท่าจะขยายตัวมากขึ้นนะพี่...?”
นักข่าววัยเยาว์ถามรุ่นพี่ ที่ทอดตาชั่ววูบมองเรือหางยาวแล่นฝ่าสายน้ำไปทางท่าเตียน...ก่อนพูดว่า
“อืม...แค่ชูสามนิ้วก็ผวากันใหญ่ งานนี้...รัฐบาลต้องแยกให้ชัดว่า มีนักศึกษาที่ต้านด้วยใจบริสุทธิ์ กับที่ต้านโดยพวกเหลี่ยมหนุนหลัง เพราะบางจุดมีพวกเหลี่ยมไปแอบเชียร์อยู่ด้วย เรื่องนี้ไม่หยุดลงง่ายๆ แน่นอน...”
คอลัมนิสต์วัย 70 กว่า มองใบไม้ที่ปลิวลงดินแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มๆ ว่า
“เอ้อ...สังเกตไหมว่า พวกชูสามนิ้วบางกลุ่มต้านเฉพาะรัฐบาลเผด็จการทหารเท่านั้น ไม่เคยต้านรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาของเหลี่ยม ที่ใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง ยึดรัฐสภา-ยึดรัฐบาลเพื่อโกงชาติเลย”
นักข่าววัยเยาว์หวนทวนข้อมูลที่รู้ในอดีตทันทีว่า
“เอ้อ...น้าหมายถึงรัฐบาลเครือข่ายเหลี่ยมใช่ไหม? จริง...รัฐบาลพวกนั้น ปล้นเงินชาติอย่างมโหฬาร ทั้งเรื่องจำนำข้าวผลาญเงินชาติไป 6-7 แสนล้านบาท แถมสร้างความอยุติธรรมเรื่องพลังงาน ทั้งเรื่องราคาก๊าซกับน้ำมันที่ขายแพงเกินควร เรื่องจะประเคนสัมปทานบ่อก๊าซและน้ำมันที่รัฐมีรายได้น้อยเกินควร ให้คนไทยบางคนและต่างชาติ จนถึงกับยอมเสียดินแดนไทยให้ชาติเขมรกันเลย ฯลฯ”
คอลัมนิสต์วัยดึกโยนถั่วเขียวให้ฝูงนกร่อนลงจิกกิน ก่อนยกแก้วกาแฟดำร้อนขึ้นจิบ...แล้วพูดว่า
“ใช่...พวกชูสามนิ้วไม่เคยหือไม่เคยอือ แกล้ง “ตาบอด” ไม่เห็นการโกงชาติขายชาติของเหลี่ยม แถมบางคนเห็นแก่ลาภยศเงินทอง จนยอมเป็นขี้ข้ารับใช้เหลี่ยมทั้งลับและเปิดเผยอีกต่างหาก...”
“ที่ขอนแก่นเนี่ย...นักศึกษากลุ่ม ‘ดาวดิน’ 5 คน บุกไปยืนต้านรัฐประหารต่อหน้านายกฯ ตู่แบบ ‘เผาขน’ จนตำรวจโดนย้ายไป 5 คน ทำเอานายกฯ ตู่เสียรังวัดไม่น้อย แต่ขบวนการชูสามนิ้ว ยังเป็นการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ทั้งๆ ที่รัฐบาลตู่มีจุดอ่อนมากมาย ทั้งด้านการลงโทษคนโกงชาติ การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ-การเมือง-คุณภาพชีวิต ฯลฯ...”
“น้า...เข้าเดือนที่ 7 แล้วนะ ถ้ารัฐบาล คสช.ยังทำงานไม่เข้าตาประชาชนไปเรื่อยๆแบบนี้ ผมว่า...ขบวนการต้านรัฐบาลเผด็จการทหาร จะมีแนวร่วมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...”
นักข่าววัยเยาว์เปรยด้วยความวิตกกับสถานการณ์ปรองดองอันพิกลพิการ จนคอลัมนิสต์วัยเก๋ากึ๊กเปิดปากพูดว่า
“ก็ใช่...นายกฯ ตู่กับ ครม.ต้องเร่งทำผลงานที่ดีจริงๆ แข่งกับเวลา รัฐบาลนายกฯ ตู่มิได้มาด้วยวิถีปกติ แต่เป็นรัฐบาลที่ ‘พริตตี้ปู’ โวยว่า ‘ใช้ปืนจี้ชิงรถเธอไป’ จึงมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่ในกำมือ เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจมากที่สุด จึงปฏิรูปชาติเรื่องสำคัญๆบางเรื่องได้เลย ซึ่งไม่ควรเสียเวลารอ สนช.-สปช.-รธน.ใหม่ หรือ ‘ฆ่าเวลา’ รอรัฐบาลใหม่อย่างนี้ เพราะจะเป็นการทำรัฐประหารที่ชาติกับประชาชนได้ไม่คุ้มเสียอีกครั้ง...” คอลัมนิสต์วัยดึกสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรง ก่อนพูดต่อว่า...
“คนไทยส่วนใหญ่ต้องการรัฐบาลที่กล้าทำเพื่อชาติและประชาชน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเผด็จการทหารหรือเผด็จการรัฐสภา ถ้าไม่ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ ก็จะโดนประชาชนต่อต้าน”
นักข่าววัยกลางคนจิบชาเขียวร้อน...ก่อนพูดเสริมว่า...
“รัฐบาลเผด็จการทหาร คสช.ชุดนี้ ยังไม่เห็นลงมือปฏิรูปเรื่องใหญ่ๆ ให้คนยากจนและชนชั้นกลางได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริงเลย ถ้าทำคนส่วนใหญ่จะยกย่องสรรเสริญ คสช. ทว่าผลงานที่เห็นส่วนใหญ่ เป็นการเปิดช่องให้คนรวยไม่กี่ตระกูล รวยยิ่งขึ้นกับการโกยประโยชน์เข้ากระเป๋า! ต้องย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลเผด็จการพันธุ์ใดก็ตาม ถ้าทำเพื่อตน-พวกพ้อง-คนส่วนน้อย ไม่ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ จะต้องโดนก่นด่าไปชั่วลูกชั่วหลานแน่นอน จ้อเก่งต้องทำดีเก่งด้วย กล้าทำลายมิตรที่ดี-ก็ต้องกล้าลงโทษคนชั่วด้วย รัฐบาลเผด็จการ คสช.จะดีหรือเลว เราจะตามดูผลงานกันต่อไป...”
นักข่าวรุ่นป้าที่มาสมทบภายหลัง พูดเสียงเข้มขึ้นว่า...
“บรรยากาศ ‘ปรองดอง’ แบบนี้เข้าทางเหลี่ยมเลย คสช.นึกดูสิ...คนป่วนชาติอยู่ต่างแดนอย่างสุขสบายได้ด้วยเงินใครปรนเปรอล่ะ? ส่วนในไทยสมุนเหลี่ยมก็ ‘ส.บ.ม.’ เพราะปลอดภัยจากสูตรปรองดอง กลุ่มป่วนชาติจึงใช้วิธี ‘มึงมากูมุด-มึง(ปรองดอง)หยุดกูตี’ ได้ไงล่ะ...”
ลมเย็นริมแม่น้ำพัดมากระทบผิวกายวูบใหญ่ ก่อนเหยี่ยวข่าวสูงวัยจะกล่าวว่า “สรุป...พวกชูสามนิ้วที่บริสุทธิ์และรักชาติ ถ้ารัฐบาลเผด็จการทหารไป ‘กด’ ก็จะยิ่งมีแรง ‘ดัน’ และมีแนวร่วมทวีขึ้น โดยมีมหาโจรเหลี่ยม ‘ตีกิน’ ไปเรื่อยๆ นั่นคือ หนึ่ง-สั่งสมุนส่วนใหญ่ให้นั่งอยู่บนภู ดูนายกฯ ตู่ทำลายมิตรไปเรื่อยๆ สอง-อดทนรอการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยเหลี่ยมเล่นเกมส่ง ‘พริตตี้ปู’ ลงแข่งอีกครั้ง ดังนั้น งานนี้...ถ้าซูเอี๋ยกันได้-ปูต้องหลุด แต่ถ้าเล่นงานน้องปูของพี่เหลี่ยม การปรองดองมีหวัง...จุด จุด จุด...”
นักข่าวป้าพูดแทรกด้วยเสียงอันดังฟังชัดทันทีว่า...
“มีหวังพังครืน เพราะความไม่สงบที่ คสช.ซุกใต้พรม จะโผล่มาอาละวาดอีกครั้ง...ใช่ไหม...? ”
“...ขบวนการ ‘ชูสามนิ้ว’ โผล่มาต้านรัฐบาลเผด็จการทหาร คสช.หลายระลอกแล้ว แถมยังโปรยใบปลิวด่ารัฐประหารอีกหลายแห่ง ดูท่าจะขยายตัวมากขึ้นนะพี่...?”
นักข่าววัยเยาว์ถามรุ่นพี่ ที่ทอดตาชั่ววูบมองเรือหางยาวแล่นฝ่าสายน้ำไปทางท่าเตียน...ก่อนพูดว่า
“อืม...แค่ชูสามนิ้วก็ผวากันใหญ่ งานนี้...รัฐบาลต้องแยกให้ชัดว่า มีนักศึกษาที่ต้านด้วยใจบริสุทธิ์ กับที่ต้านโดยพวกเหลี่ยมหนุนหลัง เพราะบางจุดมีพวกเหลี่ยมไปแอบเชียร์อยู่ด้วย เรื่องนี้ไม่หยุดลงง่ายๆ แน่นอน...”
คอลัมนิสต์วัย 70 กว่า มองใบไม้ที่ปลิวลงดินแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มๆ ว่า
“เอ้อ...สังเกตไหมว่า พวกชูสามนิ้วบางกลุ่มต้านเฉพาะรัฐบาลเผด็จการทหารเท่านั้น ไม่เคยต้านรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาของเหลี่ยม ที่ใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง ยึดรัฐสภา-ยึดรัฐบาลเพื่อโกงชาติเลย”
นักข่าววัยเยาว์หวนทวนข้อมูลที่รู้ในอดีตทันทีว่า
“เอ้อ...น้าหมายถึงรัฐบาลเครือข่ายเหลี่ยมใช่ไหม? จริง...รัฐบาลพวกนั้น ปล้นเงินชาติอย่างมโหฬาร ทั้งเรื่องจำนำข้าวผลาญเงินชาติไป 6-7 แสนล้านบาท แถมสร้างความอยุติธรรมเรื่องพลังงาน ทั้งเรื่องราคาก๊าซกับน้ำมันที่ขายแพงเกินควร เรื่องจะประเคนสัมปทานบ่อก๊าซและน้ำมันที่รัฐมีรายได้น้อยเกินควร ให้คนไทยบางคนและต่างชาติ จนถึงกับยอมเสียดินแดนไทยให้ชาติเขมรกันเลย ฯลฯ”
คอลัมนิสต์วัยดึกโยนถั่วเขียวให้ฝูงนกร่อนลงจิกกิน ก่อนยกแก้วกาแฟดำร้อนขึ้นจิบ...แล้วพูดว่า
“ใช่...พวกชูสามนิ้วไม่เคยหือไม่เคยอือ แกล้ง “ตาบอด” ไม่เห็นการโกงชาติขายชาติของเหลี่ยม แถมบางคนเห็นแก่ลาภยศเงินทอง จนยอมเป็นขี้ข้ารับใช้เหลี่ยมทั้งลับและเปิดเผยอีกต่างหาก...”
“ที่ขอนแก่นเนี่ย...นักศึกษากลุ่ม ‘ดาวดิน’ 5 คน บุกไปยืนต้านรัฐประหารต่อหน้านายกฯ ตู่แบบ ‘เผาขน’ จนตำรวจโดนย้ายไป 5 คน ทำเอานายกฯ ตู่เสียรังวัดไม่น้อย แต่ขบวนการชูสามนิ้ว ยังเป็นการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ทั้งๆ ที่รัฐบาลตู่มีจุดอ่อนมากมาย ทั้งด้านการลงโทษคนโกงชาติ การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ-การเมือง-คุณภาพชีวิต ฯลฯ...”
“น้า...เข้าเดือนที่ 7 แล้วนะ ถ้ารัฐบาล คสช.ยังทำงานไม่เข้าตาประชาชนไปเรื่อยๆแบบนี้ ผมว่า...ขบวนการต้านรัฐบาลเผด็จการทหาร จะมีแนวร่วมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...”
นักข่าววัยเยาว์เปรยด้วยความวิตกกับสถานการณ์ปรองดองอันพิกลพิการ จนคอลัมนิสต์วัยเก๋ากึ๊กเปิดปากพูดว่า
“ก็ใช่...นายกฯ ตู่กับ ครม.ต้องเร่งทำผลงานที่ดีจริงๆ แข่งกับเวลา รัฐบาลนายกฯ ตู่มิได้มาด้วยวิถีปกติ แต่เป็นรัฐบาลที่ ‘พริตตี้ปู’ โวยว่า ‘ใช้ปืนจี้ชิงรถเธอไป’ จึงมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่ในกำมือ เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจมากที่สุด จึงปฏิรูปชาติเรื่องสำคัญๆบางเรื่องได้เลย ซึ่งไม่ควรเสียเวลารอ สนช.-สปช.-รธน.ใหม่ หรือ ‘ฆ่าเวลา’ รอรัฐบาลใหม่อย่างนี้ เพราะจะเป็นการทำรัฐประหารที่ชาติกับประชาชนได้ไม่คุ้มเสียอีกครั้ง...” คอลัมนิสต์วัยดึกสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรง ก่อนพูดต่อว่า...
“คนไทยส่วนใหญ่ต้องการรัฐบาลที่กล้าทำเพื่อชาติและประชาชน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเผด็จการทหารหรือเผด็จการรัฐสภา ถ้าไม่ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ ก็จะโดนประชาชนต่อต้าน”
นักข่าววัยกลางคนจิบชาเขียวร้อน...ก่อนพูดเสริมว่า...
“รัฐบาลเผด็จการทหาร คสช.ชุดนี้ ยังไม่เห็นลงมือปฏิรูปเรื่องใหญ่ๆ ให้คนยากจนและชนชั้นกลางได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริงเลย ถ้าทำคนส่วนใหญ่จะยกย่องสรรเสริญ คสช. ทว่าผลงานที่เห็นส่วนใหญ่ เป็นการเปิดช่องให้คนรวยไม่กี่ตระกูล รวยยิ่งขึ้นกับการโกยประโยชน์เข้ากระเป๋า! ต้องย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลเผด็จการพันธุ์ใดก็ตาม ถ้าทำเพื่อตน-พวกพ้อง-คนส่วนน้อย ไม่ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ จะต้องโดนก่นด่าไปชั่วลูกชั่วหลานแน่นอน จ้อเก่งต้องทำดีเก่งด้วย กล้าทำลายมิตรที่ดี-ก็ต้องกล้าลงโทษคนชั่วด้วย รัฐบาลเผด็จการ คสช.จะดีหรือเลว เราจะตามดูผลงานกันต่อไป...”
นักข่าวรุ่นป้าที่มาสมทบภายหลัง พูดเสียงเข้มขึ้นว่า...
“บรรยากาศ ‘ปรองดอง’ แบบนี้เข้าทางเหลี่ยมเลย คสช.นึกดูสิ...คนป่วนชาติอยู่ต่างแดนอย่างสุขสบายได้ด้วยเงินใครปรนเปรอล่ะ? ส่วนในไทยสมุนเหลี่ยมก็ ‘ส.บ.ม.’ เพราะปลอดภัยจากสูตรปรองดอง กลุ่มป่วนชาติจึงใช้วิธี ‘มึงมากูมุด-มึง(ปรองดอง)หยุดกูตี’ ได้ไงล่ะ...”
ลมเย็นริมแม่น้ำพัดมากระทบผิวกายวูบใหญ่ ก่อนเหยี่ยวข่าวสูงวัยจะกล่าวว่า “สรุป...พวกชูสามนิ้วที่บริสุทธิ์และรักชาติ ถ้ารัฐบาลเผด็จการทหารไป ‘กด’ ก็จะยิ่งมีแรง ‘ดัน’ และมีแนวร่วมทวีขึ้น โดยมีมหาโจรเหลี่ยม ‘ตีกิน’ ไปเรื่อยๆ นั่นคือ หนึ่ง-สั่งสมุนส่วนใหญ่ให้นั่งอยู่บนภู ดูนายกฯ ตู่ทำลายมิตรไปเรื่อยๆ สอง-อดทนรอการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยเหลี่ยมเล่นเกมส่ง ‘พริตตี้ปู’ ลงแข่งอีกครั้ง ดังนั้น งานนี้...ถ้าซูเอี๋ยกันได้-ปูต้องหลุด แต่ถ้าเล่นงานน้องปูของพี่เหลี่ยม การปรองดองมีหวัง...จุด จุด จุด...”
นักข่าวป้าพูดแทรกด้วยเสียงอันดังฟังชัดทันทีว่า...
“มีหวังพังครืน เพราะความไม่สงบที่ คสช.ซุกใต้พรม จะโผล่มาอาละวาดอีกครั้ง...ใช่ไหม...? ”