xs
xsm
sm
md
lg

อ้างเบื้องสูงหากิน จับอีก5เครือข่าย"พงศ์พัฒน์" โชว์ของกลางมูลค่ากว่า2พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-จับอีก 5 คนแอบอ้างเบื้องสูงทวงหนี้ กรรโชกทรัพย์ ผบ.ตร.ปัดข่าวออกหมายเรียก 40 ตำรวจ บช.ก. ร่วมก๊วน "พงศ์พัฒน์" สอบปากคำ แต่ยอมรับกำลังขยายผล พร้อมขนของกลางโชว์ คาดมูลค่ากว่า 2 พันล้าน เชื่อยังมีซุกซ่อนอยู่อีก "ชูวิทย์" ชมเปาะ ตามหาผู้นำแบบนี้มานาน ก่อนจี้เอาผิด 2 พล.ต.ท. ชื่อย่อ จ. และ ก. เอี่ยวบ่อน บอกใบ้แค่หันหน้าก็เจอ "สมยศ" ท้าช่วยระบุชื่อให้ชัด ยันไม่ปกป้องคนทำผิด เผยล่าสุดมีคำสั่งให้ "ชัยทัต" ไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำแล้ว

วานนี้ (26 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ชุดทำงานคดีจับกุมพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และพล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก. พร้อมพวกรวม 10 คน ได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายผู้มีส่วนร่วมในการกระทำผิด พบมีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ทำการทวงหนี้ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกรรโชกทรัพย์ จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง 5 ราย คือ 1.นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา 2.นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา 3.นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา 4.นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และ 5.นายชากานต์ ภาคภูมิ

ทั้งนี้ ศาลได้ออกหมายจับในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธโดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น และร่วมกันลักทรัพย์ เหตุเกิดในเขตรับผิดชอบของสน.พระโขนง ซึ่งทั้งหมดได้ถูกจับกุมตัวแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2557 ราชกิจจานุเบกษา หน้า 3 เล่ม 131 ตอนที่ 24 ข 25 พ.ย.2557 ลงประกาศประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี วันที่ 20 ต.ค.2557 เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2557 ให้แก่นายทหารสัญญาบัตร และนายทหารประทวน หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ กระทรวงกลาโหม 14 ราย พล.อ.ประยทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ปรากฏชื่อ ว่าที่พ.ต.ณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา ราชองครักษ์เวร ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย อยู่ด้วย

โดยเรื่องนี้ชุดทำงานคดีจับกุมพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ระบุว่า ว่าที่พ.ต.ณัฐพลเป็นคนเดียวกับนายณัฐพล ซึ่งล่าสุดถูกถอดยศพ้นจากราชการแล้ว

***"สมยศ"แย้มยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 5 รายอยู่ระหว่างการสอบสวน หากพบว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้อง จะออกหมายจับทั้งหมด แต่ยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกกี่ราย โดยกลุ่มคนพวกนี้มีการแอบอ้างสถาบันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทุกด้าน

"คดีนี้ตำรวจคงจะมีการขออกหมายจับเรื่อยๆ หากพยานหลักฐานเกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยงไปถึงใคร ทุกอย่างว่ากันตามพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง แต่ยังตอบไม่ได้ว่ากี่คน เพราะจะออกหมายจับใครต้องมีพยานหลักฐานรองรับ"

พล.ต.อ.สมยศ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวออกหมายเรียกตำรวจกว่า 40 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ว่า เป็นเพียงข่าวลือ ตนไม่อยากให้ตำรวจในสังกัด บช.ก.ตื่นตระหนก แต่เชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมกระทำผิดอีก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานก่อน

***ขนของกลางโชว์มูลค่ากว่า2พันล้าน

ที่กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ร.พัน 2 รอ. พล.ต.อ.สมยศเปิดให้สื่อมวลชนบันทึกภาพของกลางที่ยึดจากเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวก อาทิ ทองคำขาว 180 กิโกกรัม สร้อยทองคำ 224 เส้น กรอบพระเหลี่ยมทอง 225 กรอบ ทองคำแท่ง 24 แท่ง โฉนดที่ดิน114 ฉบับ มูลค่า 418 ล้าน วัตถุโบราณจำนวนมาก และรถยนต์หรู เป็นต้น ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เชื่อว่ายังมีทรัพย์สินอีกจำนวนมากที่ยังซุกซ่อนอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรมศิลปากร ตรวจสอบวัตถุโบราณหลายชิ้น ซึ่งเป็นของหายาก รวมมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท รวมทั้งประสานพล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี อดีตที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 นำผู้เชี่ยวชาญเข้าเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือว่าตรงกับผู้ต้องหาหรือไม่

***"ชูวิทย์"ชมเปราะตามหาผู้นำแบบนี้มานาน

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย นำช่อดอกไม้มามอบให้พล.ต.อ.สมยศ โดยพล.ต.ต.ประสิทธิ์ชัย ตันประเสริฐ รองผบช.สง.ก.ตร.เป็นตัวแทนรับมอบ ซึ่งนายชูวิทย์ฝากคำชื่นชมไปถึงพล.ต.อ.สมยศ ว่าตนตามหาผู้นำตำรวจเช่นนี้มานานแล้ว

จากนั้นได้กางโต๊ะพร้อมนำรูปปั้นเทพเจ้ากวนอู ซึ่งนายชูวิทย์ระบุว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์และความยุติธรรมมาตั้งวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นเริ่มแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีดังกล่าว พร้อมนำคลิปวีดิโอที่ถ่ายได้ภายในบ่อนโคลอนเซ่ ย่านถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นบ่อนขนาดใหญ่ ที่เคยอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับการแอบอ้างสถาบันเพื่อหาผลประโยชน์

***จี้จัดการนายตำรวจเอี่ยวบ่อน

นายชูวิทย์ กล่าวว่า มาเพื่อเป็นกำลังใจให้พล.ต.อ.สมยศ แต่ที่ต้องการบอก คือ เครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ไม่ได้สั้้นเพียงแค่หางอึ่ง ไม่ใช่แค่ระดับผบช.ก.แล้วมาที่ดาบตำรวจเลย เป็นไปไม่ได้ มันสั้นเกินไป สังคมต้องถือโอกาสนี้แก้ไขศรัทธาของตำรวจ ถ้าคนระดับผบช.ก.ทุจริตมากมายขนาดนี้ ต่อไปจะไว้ใจนายตำรวจระดับผู้บังคับการ ผู้กำกับ และสารวัตรได้อย่างไร เพราะคนระดับผบช.ก.ซึ่งมีอำนาจสั่งการทั่วประเทศยังทำแบบนี้ ประชาชนจะพึ่งใคร จึงอยากให้ผบ.ตร.เอาจริงเอาจัง เรื่องนี้จะจบลงเพียงเท่านี้ไมได้

"ประเด็นสำคัญที่สุดไม่ใช่แค่น้ำมันเถื่อนหรือกำถั่ว แต่ที่ใหญ่และมหาศาล คือ บ่อนพนัน ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่แอบอ้างสถาบันในการหาประโยชน์ เป็นบ่อนระดับยิ่งใหญ่ ตนไม่เชื่อว่าลำพังแค่ผบช.ก.กับดาบตำรวจ จะเปิดบ่อนขนาดใหญ่ได้เอง โดยที่เจ้าของพื้นที่อย่างผู้บัญชาการตำรวจนครบาลผบช.น.ไม่รู้เรื่อง ดังนั้จึงได้นำข้อมูลที่ได้เคยตายไปจากใจผมนานแล้ว มาสะสางให้จบ เพราะเชื่อมั่นในผบ.ตร.คนนี้ ที่ยืนยันว่าใหญ่แค่ไหนก็จะจับ"

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนแนะนำผบ.ตร.ไม่ต้องมองไปไหนไกล มองไปทางขวาไปทางซ้ายก็เจอแล้ว คนแก๊งนี้ไม่ได้มีแค่ชื่อ "กิ๊ก" และ "โก" แต่มีรายใหญ่อีก 2 คน นอกนั้นเป็นตำรวจระดับต่ำลงมา ตอนนี้มีผู้ต้องหาแล้ว คือ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก. พร้อมพวก จึงอยากถามว่าพยานเป็นใคร อยู่ที่ไหน และบ่อนที่ระบุในข้อกล่าวหา คือ บ่อนไหน ต้องชี้แจงให้ชัดเจน

"บ่อนดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนมหาศาล แต่ละวันกว่า 20 ล้าน เดือนละกว่า 600 ล้านบาท ผบช.ก. กับตำรวจอีกไม่กี่นายทำกันเองได้หรือ ต้องมีมากกว่านั้น ลากเอาคนผิดมาให้หมด แล้วเงินที่หมุนเวียนอยู่ไหน ส่งให้ใครบ้าง วันนี้ผมนำรายชื่อทั้งหมดมาร้องเรียนซ้ำอีกครั้ง เพราะอยากให้เห็นรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญจะพูดว่าผบช.น.ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ เพราเจ้าของพื้นที่ไม่อนุญาตก็เปิดไม่ได้ จึงขอให้ผบ.ตร.ดำเนินการกับทุกคนแบบไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น มาเอาข้อมูลจากผมได้"

นายชูวิทย์ กล่าวว่า อยากบอกบ่อนที่แอบอ้างสถาบันมีเพียงโคลอนเซ่ ย่านพระราม 9 ซึ่งเปิดช่วงปี 2554 ประมาณ 9 เดือน มีเงินหมุนเวียนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ก่อนจะย้ายไปเปิดที่รัชดาอีก 23 วัน เปิดวันที่ 1 ส.ค.2557 ปิดวันที่ 24 ส.ค.ปีเดียวกัน คือ วันที่ตนอภิปรายในสภา เจ้าของ คือ 1.เป็นผู้หญิงอยู่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา และ 2.เป็นชายชื่อย่อ ถ. ยิ่งใหญ่ในเรื่องการพนัน

"รู้กันดีว่าพล.ต.ต.โกวิทย์ชอบเล่น เสียทีเป็น 10 ล้าน 20 ล้าน ถึง 100 ล้าน ทั้งบอล ม้า มวย เล่นทุกอย่าง ต้องจัดการทั้งขบวนการ จะเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้ ตอนนั้นบอกบ่อนนี้บริสุทธิ์ไม่มีการทำผิด แต่ตอนนี้มีแล้วต้องจัดการ ผมจึงขอให้สอบสวนใหม่ และจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะยังมีทั้งผู้ร่วมทำผิดและผู้สนับสนุนอีกมาก รวมทั้งเจ้าของพื้นที่ด้วย"

***ปูดอักษรย่อ "จ" และ "ก"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้เกี่ยวข้องมีตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า อยากพูดแต่พูดไม่ได้ ก็อย่างที่บอกว่าแค่ผบ.ตร.หันหน้าไปก็เจอแล้ว ตอนนี้อยากถามว่าที่ดำเนินคดีกับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวกเป็นบ่อนไหน ตนเชื่อว่าต้องเป็นโคลอนเซ่แน่นอน เพราะใหญ่ที่สุดแล้ว และไม่ได้เปิดโดยคนที่เป็นข่าวเท่านั้นด้วย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าของพื้นที่อย่างผบช.น.ในขณะนั้นจะไม่ทราบเรื่อง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในรายชื่อที่นำมาให้ผบ.ตร.แล้ว โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาอีก 2 นาย

เมื่อถามต่อว่า พอจะบอกชื่อย่อได้หรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า เป็นตำรวจยศเท่ากับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อักษรย่อ จ. และ ก.

***ผบ.ตร.จี้พูดให้ชัดใครเป็นใคร

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ระบุชื่อย่อตำรวจระดับผบช.อักษร ก. และ จ. ว่านายชูวิทย์ควรระบุชื่อให้ชัดว่าเป็นใคร จะได้ง่ายต่อการสืบสวนจับกุม อีกทั้งตนเพิ่งมารับตำแหน่งผบ.ตร. ไม่ทราบข้อมูลที่นายชูวิทย์เคยมอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนหน้านี้ เพราะที่ผ่านมาไม่ได้รับผิดชอบงานปราบปรามอบายมุข จึงอยากวิงวอนให้นายชูวิทย์ระบุออกมาเลย และยืนยันว่าจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน

***"ชัยทัต"ปฎิบัติหน้าที่สำนักตำรวจราชสำนัก

ข่าวแจ้งว่า วันที่ 26 พ.ย.2557 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีคำสั่งที่ 643/2557 เรื่องให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการ โดยระบุว่า เพื่อให้การปฏิบัติราชการของนายตำรวจราชสำนักประจำ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยรวม เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยตามความในมาตรา 11 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547และข้อ 8(1) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 จึงยุติการให้พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผบก.ป.ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ตามคำสั่งตร.ที่ 615/2557 ลงวันที่ 14 พ.ย.2557 โดยให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บัญชาการสำนักงานมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
กำลังโหลดความคิดเห็น