xs
xsm
sm
md
lg

อย่าบ้าจี้ Overreact…กับ 3 นิ้ว

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

ป่านนี้คณะผู้มีอำนาจกุมชะตากรรมบ้านเมืองคงเริ่มรู้สึกแล้วว่างานปฏิรูปสมานฉันท์ ปรองดอง ระงับความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ หวังให้ลืมความหลัง ตั้งต้นใหม่ เปลี่ยนทัศนคติจากการแยกเขี้ยวใส่กันมาเป็นยิงฟันมิตรภาพแทนนั้น ไม่ใช่เรื่องหมูๆ ซะแล้ว

เริ่มมีกลุ่มย่อยชู 3 นิ้วเลียนแบบสัญลักษ์การต่อต้านเผด็จการดังที่ปรากฏในหนังเรื่อง Hunger Games มีชุมนุมในที่สาธารณะ และหน้าโรงภาพยนตร์เป็นการเอาอย่างหนัง ทำให้ทหารเต้น อยากเคลียร์ให้จบโดยเร็ว ไม่ต้องการให้กลายเป็นไฟลามทุ่ง

ใครก็ตามไปยืนชู 3 นิ้วในที่สาธารณะ หรือเอาภาพตัวเองขึ้นจอคอมพิวเตอร์ ต้องถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ส่วนใหญ่เป็นทหาร เอาตัวไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร 3-7 วันแล้วแต่ระดับหัวแข็ง แม้เห็นตัวอย่างผ่านสื่อยังมีคนอื่นอยากทำตามเพื่อต้านรัฐประหาร

อันที่จริงการรัฐประหารเสร็จสิ้นไปหลายเดือนแล้ว โดยแตกต่างจากครั้งก่อน ไม่ต้องเอารถถังมาวิ่งให้เปลืองน้ำมัน ใช้ทหารที่ประจำตามจุดต่างๆ กระชับพื้นที่ รวบแกนนำซึ่งคาดว่าจะมีกิจกรรมต่อต้าน แต่ผลสุดท้ายได้เป็นการรัฐประหารไร้กลุ่มต่อต้าน

ภายใต้กฎอัยการศึกเข้มงวด การทำอันใดก็ตามซึ่งเกี่ยวโยงกับความมั่นคงย่อมต้องให้ทหารเป็นผู้อนุมัติกิจกรรมนั้นๆ เพื่อไม่ให้เกิดปฏิกิริยาเป็นวงกว้าง แต่ยิ่งกระทำก็เหมือนยิ่งยุ เจ้าหน้าที่เกิดความเบื่อหน่าย เมื่อกิจกรรมชู 3 นิ้วเริ่มขยายตัวเป็นวงกว้าง

การให้ทหารนำตัวนักชู 3 นิ้วไปปรับทัศนคติเท่ากับว่าทางการยอมรับสภาพว่ามีการก่อหวอดขึ้นจริงๆ ทั้งหมดยอมรับการปรับเปลี่ยน เพียงแต่อยากรู้ว่า ถ้ายังทำต่อเนื่องจะได้ผลสำเร็จตามที่หวังหรือไม่ การเปลี่ยนความคิดของคน ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ

เมื่อกิจกรรมชู 3 นิ้วยังมี ผลสุดท้ายทหารจะทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้เชื่อง เลี่ยงความรู้สึกการเป็นปฏิปักษ์ เพราะการจะให้เลิกรากิจกรรมชู 3 นิ้ว ขึ้นอยู่กับมาตรการป้องปรามซึ่งอาจปล่อยเลยตามเลย ไม่ให้ราคา อยากชูนิ้วทั้งวันนึกว่าดูแล้วเท่ ก็ตามใจ

ถ้าตื่นเต้นจนเป็นเหมือนคนบ้าจี้ เห็น 3 นิ้วแล้วหวาดผวา รู้สึกเสียวบั้นเอว จะทำให้ขบวนการชู 3 นิ้วมีราคา เป็นแฟชั่น ยกระดับความสำคัญ จนสร้างความน่าขบขันในกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเคยเผชิญภัยสารพัด เช่น ระเบิดมือเอ็ม 79 การลอบยิงแก๊สน้ำตา ฯลฯ

การชุมนุมยืดเยื้อหลายรอบของกลุ่มคนเสื้อเหลือง เสื้อฟ้า มีคนบาดเจ็บล้มตาย พิการ สูญเสียร่างกายจิตใจและสิ้นเปลืองเวลาทรัพย์สินมากมาย เทียบกันไม่ได้เลยกับการมีคนมาชู 3 นิ้วตามแหล่งบันเทิง เพื่อแสดงออกความอยากดัง ดูโดดเด่นเป็นข่าว

การชู 3 นิ้วแสดงออกเป็นเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการตามแบบหนัง ถ้าจะว่าไปยังดูหน่อมแน้มกว่าการใช้หน้ากากขาวปิดบังใบหน้า ไม่เห็นแม้แต่แววตา รัฐบาลแม่นางปูโพรกเจอกับการชุมนุม การเยาะเย้ยถากถางกล่าวร้ายสารพัด ยังยืดหน้าเข้าสู้

อยากชุมนุมประท้วงก็ทำไปตามสบาย ถ้าทนแดด ทนฝน และอาวุธสงครามได้! แต่ คสช.และรัฐบาลพร่ำพูดแต่เรื่องปรองดอง ร้องเพลงรักกันไว้เถิดทุกเช้าเย็น กลับถูกมองว่าเป็นคนขวัญอ่อน ต่างจากยุคฮาร์ดคอร์เสื้อแดงลุยเผาบ้านเผาเมืองในปี 2552-2553

เห็นหรือยัง การพูดจาด้วยภาษาดอกไม้ ถูกแปลความหมายว่าเป็นความหน่อมแน้ม ใจไม่ถึง วัวสันหลังหวะ ทำตัวเป็นนายแสนดี หวังดี รักความสงบ แต่ถูกมองว่าอยากอยู่ในอำนาจนานๆ อ้อนวอนทุกฝ่ายให้เข้าใจ อดทน 1 ปีก่อนเลือกตั้งรอบใหม่

ถ้ามีผลงานชัดเจนบ้านเมืองดีขึ้น ผู้กุมอำนาจรัฐตั้งใจแก้ปัญหาเรื้อรัง แยกแยะดีชั่ว มิตรศัตรู มีเจตนาดี ทำงานสะอาดปราศจากกลิ่นเหงื่อนักโกงบ้านกินเมืองที่แฝงตัวเข้ามาเสวยอำนาจ สร้างฐานการเมืองสำหรับตัวเอง ชาวบ้านคงยอมเป็นฐานให้ยืน

แต่ผลงานที่ผ่านมาน่าผิดหวัง ไม่มีอะไรส่อแววว่าจากนี้ไปบ้านเมืองจะดีขึ้น ไร้ความขัดแย้ง เพราะชาวบ้านเชื่อว่าถ้ามีเลือกตั้งครั้งต่อไป กลุ่มนักการเมือง นักซื้อเสียงหน้าเดิมๆ จะกลับมากุมอำนาจรัฐ โกงกินหนักกว่าเดิม บ้านเมืองเข้าสู่อีหรอบเดิมแน่

ได้ยินหรือยัง แม่นางโพยปูโพรกเน่าในส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาอีกแล้วว่า ถ้ามีการเลือกตั้งในปีหน้า แม่นางลงสมัครแน่ เท่ากับว่าแม่นางไม่รู้สึกร้อนหนาวกับพิธีกรรมในสภาฯ เรื่องการถอดถอนหรือคดีอาญาในโครงการรับจำนำข้าวเจ๊งถึง 7 แสนล้านบาท

แม่นางอยู่ในสภาวะไร้กังวลมั่นใจสุดๆ ถ้าไม่ไปเดินชอปปิ้งในห้างหรู เดินทางไปต่างประเทศ แม่นางก็ใช้เวลาเยียวยาใจด้วยกิจกรรมปลูกเห็ดในพื้นที่หลังบ้าน สร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ พูดเพียงแค่นี้ก็คงทำให้เครือข่ายบักเหลี่ยมเริ่มกระดี้กระด้าอีกครั้ง

สภาพเช่นนี้ยังน่ากลัวกว่าพวกนักศึกษาอยากดังชู 3 นิ้วตามศูนย์การค้า เพราะผลงานที่ผ่านมาของขี้ข้าบักเหลี่ยมยังประทับใจพวกแม่ทัพนายกอง ด้วยกำลังไม่กี่คนพร้อมอาวุธ พวกเสื้อดำสามารถละลายทหาร 3 กองร้อยกลางถนนในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ถ้ายังไม่ประเมินพวกชู 3 นิ้วให้รู้สถานการณ์แท้จริง ระดับความน่ากังวล พร้อมปรับเปลี่ยนแนวคิด ยุทธศาสตร์ในการจัดการหรือตั้งรับเสียใหม่ โอกาสที่จะพลาดท่า เสียขบวนสิ้นความน่าเชื่อถือมีอยู่ เว้นแต่ว่าจะเผชิญปัญหาด้วยมาตรการเด็ดขาด

นั่นย่อมนำไปสู่ความขัดแย้งอีกมิติหนึ่งเต็มบ้อง คือระหว่างผู้กุมอำนาจรัฐกับกลุ่มผู้ต่อต้านหรือลองของเพื่ออยากรู้ว่าผู้มีอำนาจนั้นเป็นของจริง ใจถึง เข้มเต็มร้อยอย่างที่เคยประกาศครึกโครมช่วงการยึดอำนาจจากรัฐบาลแม่นางปูโพรกเน่าในหรือไม่

ถ้า คสช.และรัฐบาลจะปรับกระบวนยุทธ์ ผู้กุมอำนาจรัฐต้องปรับทัศนคติ แนวปฏิบัติ แยกมิตรศัตรูให้ชัด แสดงเจตนาให้ประชาชนรู้ชัดว่าทำงานเพื่อบ้านเมืองหรือเพื่อพวกพ้อง ถ้าเป็นของจริงไม่ต้องกลัว ประชาชนเอาด้วยแน่ ถ้าไม่ใช่ละก้อ รอหายนะได้...
กำลังโหลดความคิดเห็น