วานนี้ (19พ.ย.) นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีที่ พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ สนช.ในฐานะหนึ่งใน 38 อดีต ส.ว. ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด และส่งเรื่องมาให้สนช.ทำการถอดถอน จากกรณีแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาส.ว. ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ สนช.ได้หรือไม่
โดยวิปสนช.มีมติว่า พล.ต.กลชัย สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เนื่องจากเป็นคนละตำแหน่งกัน แต่หากมีการประชุม สนช. เพื่อพิจารณาถอดถอดในประเด็นดังกล่าว พล.ต.กลชัย สามารถลงชื่อร่วมประชุม แต่ไม่สามารถพิจารณาเพื่อลงมติถอดถอนได้ เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย
ทั้งนี้ สำนวนการยื่นถอดถอน 38 อดีตส.ว.ขณะนี้ยังมาไม่ถึงประธาน สนช. ส่วนการพิจารณาถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา รวมถึงการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีการหารือในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่ายังมีเวลาในการพิจารณาในสัปดาห์หน้า
ส่วนกรณีที่ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ยื่นคัดค้านว่า สนช.ไม่มีอำนาจพิจารณาถอดถอนนั้น นพ.เจตน์ กล่าวว่า ขณะนี้กระบวนการพิจารณาได้เดินหน้าไปแล้ว ดังนั้นการคัดค้านจะมีผลหรือไม่ คงต้องหารือในที่ประชุมสนช.ต่อไป
นอกจากนี้ในการประชุมสัปดาห์นี้ สนช.จะพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกภาษีคณะบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนสามัญ โดยมีเนื้อหาเพื่อให้ประชาชนทั่วไปมาเสียภาษีบุคคลธรรมดาในแบบเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษี และรัฐสามารถเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยคาดว่ากฎหมายจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้า
นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. ในฐานะเลขานุการ วิปสนช. กล่าวถึงกรณีที่จะให้ที่ประชุมสนช. หารือถึงการบรรจุประเด็นถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า เป็นไปโดยชอบตามข้อบังคับการประชุมสนช. ตามข้อเรียกร้องของทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ว่า สำหรับตนเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องมาหารือกันแล้ว เพราะถือว่าประเด็นนี้จบไปแล้ว ตั้งแต่สมาชิก 167 คน มีมติให้ขยายเวลาตามคำเรียกร้องของทนายความที่อ้างว่ายังไม่ได้รับเอกสาร และเมื่อประธานสนช.ได้ใช้อำนาจวินิจฉัยให้บรรจุเข้าระเบียบวาระไป ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. โดยสภามีมติเห็นชอบ และมีการกำหนดวันต่าง ๆไว้ โดยจะมีการแถลงเปิดคดีวันที่ 28 พ.ย. ดังนั้นควรจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพราะก่อนหน้านี้ ตนก็ได้กำชับในที่ประชุมแล้วว่า ทนายอย่าตุกติกมาขอขยายเวลาอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในข้อบังคับการประชุมสนช. เกี่ยวกับการถอดถอนมีการกำหนดหรือไม่ว่า เมื่อผู้ร้องมีการร้องค้าน ต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่เพื่อพิจารณา นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มีการระบุไว้ แต่มีการให้สิทธิเพิ่มพยาน หลักฐานได้ และในกรณีนี้ก็ได้มีการวินิจฉัยไปแล้ว ที่ทนายกล่าวหาว่า ข้อบังคับดังกล่าวไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกร้องนั้น ก็ยืนยันว่าไม่มี ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งใคร แต่ใช้มาตั้งแต่กรณีถอดถอน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายนพดล ปัทมะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โดยทุกคนก็อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ โดยมีเวลาพอสมควร 45 วัน ซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่า ข้อบังคับนี้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีปัญหาอะไร และสังคมก็ให้การยอมรับกับกระบวนการถอดถอนของวุฒิสภา จึงไม่เช้าใจว่าทำไมถึงมีปัญหามากนัก
"ขอตำหนิทนายที่กล่าวหาว่า เราไปลองข้อบังคับต่อๆกันมา เพราะมันมีวิธีการที่บัญญัติเอาไว้ เมื่อมีบรรทัดฐานที่ดีเขาก็ใช้ต่อๆ กันไป การกล่าวหาเช่นนี้ ถือว่าไม่เหมาะสม เราให้ความเป็นธรรมอย่างตรงไปตรงมา ทนายก็ควรทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สมาชิกจะเลือกฟังเอง และจะลงมติอย่างไรถือเป็นเรื่องอนาคต"
เมื่อถามว่า การกระทำของทนาย ถือเป็นการดิสเครดิต สนช. ให้ถูกมองไม่น่าเชื่อถือหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา แต่ยิ่งทำก็ยิ่งเป็นผลลบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนขอเสนอให้หยุดพูด และรีบทำงานจะเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้คดีมากกว่า
โดยวิปสนช.มีมติว่า พล.ต.กลชัย สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เนื่องจากเป็นคนละตำแหน่งกัน แต่หากมีการประชุม สนช. เพื่อพิจารณาถอดถอดในประเด็นดังกล่าว พล.ต.กลชัย สามารถลงชื่อร่วมประชุม แต่ไม่สามารถพิจารณาเพื่อลงมติถอดถอนได้ เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย
ทั้งนี้ สำนวนการยื่นถอดถอน 38 อดีตส.ว.ขณะนี้ยังมาไม่ถึงประธาน สนช. ส่วนการพิจารณาถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา รวมถึงการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีการหารือในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่ายังมีเวลาในการพิจารณาในสัปดาห์หน้า
ส่วนกรณีที่ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ยื่นคัดค้านว่า สนช.ไม่มีอำนาจพิจารณาถอดถอนนั้น นพ.เจตน์ กล่าวว่า ขณะนี้กระบวนการพิจารณาได้เดินหน้าไปแล้ว ดังนั้นการคัดค้านจะมีผลหรือไม่ คงต้องหารือในที่ประชุมสนช.ต่อไป
นอกจากนี้ในการประชุมสัปดาห์นี้ สนช.จะพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกภาษีคณะบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนสามัญ โดยมีเนื้อหาเพื่อให้ประชาชนทั่วไปมาเสียภาษีบุคคลธรรมดาในแบบเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษี และรัฐสามารถเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยคาดว่ากฎหมายจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้า
นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. ในฐานะเลขานุการ วิปสนช. กล่าวถึงกรณีที่จะให้ที่ประชุมสนช. หารือถึงการบรรจุประเด็นถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า เป็นไปโดยชอบตามข้อบังคับการประชุมสนช. ตามข้อเรียกร้องของทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ว่า สำหรับตนเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องมาหารือกันแล้ว เพราะถือว่าประเด็นนี้จบไปแล้ว ตั้งแต่สมาชิก 167 คน มีมติให้ขยายเวลาตามคำเรียกร้องของทนายความที่อ้างว่ายังไม่ได้รับเอกสาร และเมื่อประธานสนช.ได้ใช้อำนาจวินิจฉัยให้บรรจุเข้าระเบียบวาระไป ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. โดยสภามีมติเห็นชอบ และมีการกำหนดวันต่าง ๆไว้ โดยจะมีการแถลงเปิดคดีวันที่ 28 พ.ย. ดังนั้นควรจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพราะก่อนหน้านี้ ตนก็ได้กำชับในที่ประชุมแล้วว่า ทนายอย่าตุกติกมาขอขยายเวลาอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในข้อบังคับการประชุมสนช. เกี่ยวกับการถอดถอนมีการกำหนดหรือไม่ว่า เมื่อผู้ร้องมีการร้องค้าน ต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่เพื่อพิจารณา นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มีการระบุไว้ แต่มีการให้สิทธิเพิ่มพยาน หลักฐานได้ และในกรณีนี้ก็ได้มีการวินิจฉัยไปแล้ว ที่ทนายกล่าวหาว่า ข้อบังคับดังกล่าวไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกร้องนั้น ก็ยืนยันว่าไม่มี ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งใคร แต่ใช้มาตั้งแต่กรณีถอดถอน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายนพดล ปัทมะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โดยทุกคนก็อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ โดยมีเวลาพอสมควร 45 วัน ซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่า ข้อบังคับนี้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีปัญหาอะไร และสังคมก็ให้การยอมรับกับกระบวนการถอดถอนของวุฒิสภา จึงไม่เช้าใจว่าทำไมถึงมีปัญหามากนัก
"ขอตำหนิทนายที่กล่าวหาว่า เราไปลองข้อบังคับต่อๆกันมา เพราะมันมีวิธีการที่บัญญัติเอาไว้ เมื่อมีบรรทัดฐานที่ดีเขาก็ใช้ต่อๆ กันไป การกล่าวหาเช่นนี้ ถือว่าไม่เหมาะสม เราให้ความเป็นธรรมอย่างตรงไปตรงมา ทนายก็ควรทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สมาชิกจะเลือกฟังเอง และจะลงมติอย่างไรถือเป็นเรื่องอนาคต"
เมื่อถามว่า การกระทำของทนาย ถือเป็นการดิสเครดิต สนช. ให้ถูกมองไม่น่าเชื่อถือหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา แต่ยิ่งทำก็ยิ่งเป็นผลลบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนขอเสนอให้หยุดพูด และรีบทำงานจะเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้คดีมากกว่า