00 โดนเข้าจนได้สำหรับการประท้วงต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และนายกฯ ระหว่างลงตรวจเยี่ยมพื้นที่ภาคอีสาน โดยประเดิมที่ขอนแก่น และกาฬสินธุ์ ตามลำดับ แม้ว่าจะมีความพยายามป้องกัน หาข่าวตรวจสอบ เชิญแกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่มาทำความเข้าใจกันล่วงหน้าแล้ว จนมั่นใจจะไม่มีรายการ "ทำให้กวนใจ" แต่ก็นั่นแหละแม้จะป้องกันอย่างไรมันก็มีหลุดรอดเข้าถึงตัวจนได้นั่นแหละ เริ่มจากเช้ามืด มีโปรยใบปลิวเขียนข้อความ "อีสานไม่ต้อนรับเผด็จการ" ในเขตเมืองก่อนที่จะเดินทางไปถึง จากนั้นระหว่างที่กำลังกล่าวทักทายและมอบนโยบายกับส่วนราชการในพื้นที่ ก็เจอกับนักศึกษาจำนวน 5 คน ที่เขียนข้อความ "ต้านรัฐประหาร" ยืนเรียงกัน ทำเอาพล.อ.ประยุทธ์ ชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ก็ควบคุมอารมณ์ได้ และกล่าวติดตลกออกมาเพื่อรักษาบรรยากาศ
00 อย่างไรก็ดี ในทางการสื่อสารก็ถือว่าทำสำเร็จ เพราะรู้ว่านี่คือการ "ชิงพื้นที่ข่าว" ได้อย่างคุ้มค่า เพราะรับรู้กันอยู่ว่า เป็นการเดินทางไปแบบคณะใหญ่ มีคณะสื่อติดตามเป็นโขยง มีอะไรเคลื่อนไหวนิด อะไรหน่อย ก็ย่อมถูกรายงานเข้ามา และแน่นอนว่า งานนี้มีการจงใจฉีกหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคสช.เป็นหลัก ขณะเดียวกัน ให้จับตาว่าจะมีการสอบสวนทวนความเอากับฝ่ายตำรวจ และทหาร ในพื้นที่หรือไม่ ว่า "ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้กับทั่นผู้นำ" ได้อย่างไร ทั้งที่มีการกำชับกำชากันอย่างดิบดีแล้ว
00 ขณะเดียวกัน หากมองในอีกมุมหนึ่งจากความเคลื่อนไหวดังกล่าว อาจถูกนำไปขยายผลรองรับการคง "กฎอัยการศึก" เอาไว้ต่อไป เพื่อป้องกันความวุ่นวาย เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูป ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้บริหารในคสช. อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ดูแลงานด้านความมั่นคงย้ำหนักแน่นว่า "ไม่มีทางยกเลิก" เป็นอันขาด อย่างไรก็ดี การปฏิรูปในบรรยากาศแบบนี้ มันก็คงผะอืดผะอมพิลึก
00 หากมองในแง่ดี ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นไปไม่ได้ ที่ให้มีแต่คนรัก สนับสนุนได้ทั้งหมด เพราะนี่คือความจริงที่สะท้อนมาจากโพลล์ต่างๆ ที่ออกมาว่า แม้มีคนส่วนใหญ่สนับสนุน แต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่ไม่เอาด้วย ซึ่งก็ออกมาอย่างที่เห็น ซึ่งถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก บางครั้งก็ต้องปล่อยให้มีรูระบายออกมาบ้าง เพื่อลดความอึดอัด ก็ไหนจะปฏิรูปไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน แต่หากมัดมือมัดเท้าเข้าไปแสดงความคิดเห็น มันก็บรรยากาศที่แปลกๆ อยู่นะ !!
00 อย่างไรก็ดี เรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนเป็น"กระพี้" ไม่ใช่แก่นแกน บรรดาคนที่เคลื่อนไหวพวกนี้ ก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก อาจไม่ใช่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ เครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นการเคลื่อนไหวไปตามความรู้สึกของพวก "ร้อนวิชา" ที่มองประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งอย่างเดียวไม่มีอะไรซับซ้อน แต่สังเกตหรือไม่ว่า ไม่มีความเคลื่อนไหวของ "เครือข่ายแดง" ออกมาให้เห็นเลย ทั้งที่ขอนแก่นนี่แหละอาจเรียกว่า "เป็นเมืองหลวง" ของพวกเขาเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังเงียบฉี่ บรรดาหัวโจกคนสำคัญยังให้ความร่วมมือดีมาก เพราะอะไร ก็เพราะว่าได้รับคำสั่งจาก "นายใหญ่" ให้นิ่ง และให้ความร่วมมือกับทหาร เพราะอีกไม่นานก็จะได้กลับมาแล้ว หลังมีการเลือกตั้ง
00 ดังนั้นตอนนี้ก็ให้จับตา "การปรองดอง" ด้วยการยื้อคดี "ถอดถอน" ทั้งในคดีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และนิคม ไวยรัชพานิช ส่วนคดีอาญาจากโครงการจำนำข้าว ที่เสี่ยงคุกตะราง ก็ให้จับตาดูว่าอัยการสูงสุด จะยื้อลากยาวไปอีกนานแค่ไหน เพราะในเรื่องถอดถอน แม้จะเข้าสู่การพิจารณาของสนช.แล้ว แต่เมื่อดูจากเสียงที่ขัดขวางแล้ว มันก็สรุปบั้นปลายแล้วว่า "รอดชัวร์" เพราะเสียงไม่พอ 3 ใน 5 อีกทั้งที่น่าสนใจก็คือ สนช. ที่ขัดขวางกลับเป็น"สายแข็ง" จาก คสช.เสียด้วยซีพี่น้อง แล้วอย่างนี้จะให้คิดว่าอย่างไร !!
00 จะเรียกว่าอาศัยช่วงชุลมุนสอดไส้ขึ้นราคาแก๊สแอลพีจีภาคขนส่ง และครัวเรือนไปอีก กก.ละ 50 สต. เรียบร้อยแล้ว อ้างว่าเพื่อสะท้อนกลไกตลาด ทำให้ราคาขยับจาก 22.63 บาทต่อกก.เป็น 23.13 บาทต่อกก. โดยมั่วไปกับการลดราคาน้ำมันเบนซิน และกลุ่มแก๊สโซฮอล์ ที่ลดลง 60 ส.ต.ต่อลิตร ขณะที่คงราคาขายปลีกดีเซลไว้ตามเดิม และงานนี้ รมว.พลังงาน ณรงค์ชัย อัครเศรณี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จัดการรวบรัด สั่งการทันทีในช่วงที่สังคมกำลังหันเหไปทางอื่น หลังจากก่อนหน้านี้ ออกมาพูดให้ตายใจว่า จะปรับขึ้นราคาแก๊สหลังปีใหม่ งานนี้ต้องรอดูว่า บรรดาราคาสินค้าจะขยับล่วงหน้าไปอีกเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าพวกมนุษย์เงินเดือน หรือไม่มีเงินเดือน ก็เตรียมสำลักความสุขแบบนี้กันล่วงหน้าได้เลย !!
00 อย่างไรก็ดี ในทางการสื่อสารก็ถือว่าทำสำเร็จ เพราะรู้ว่านี่คือการ "ชิงพื้นที่ข่าว" ได้อย่างคุ้มค่า เพราะรับรู้กันอยู่ว่า เป็นการเดินทางไปแบบคณะใหญ่ มีคณะสื่อติดตามเป็นโขยง มีอะไรเคลื่อนไหวนิด อะไรหน่อย ก็ย่อมถูกรายงานเข้ามา และแน่นอนว่า งานนี้มีการจงใจฉีกหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคสช.เป็นหลัก ขณะเดียวกัน ให้จับตาว่าจะมีการสอบสวนทวนความเอากับฝ่ายตำรวจ และทหาร ในพื้นที่หรือไม่ ว่า "ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้กับทั่นผู้นำ" ได้อย่างไร ทั้งที่มีการกำชับกำชากันอย่างดิบดีแล้ว
00 ขณะเดียวกัน หากมองในอีกมุมหนึ่งจากความเคลื่อนไหวดังกล่าว อาจถูกนำไปขยายผลรองรับการคง "กฎอัยการศึก" เอาไว้ต่อไป เพื่อป้องกันความวุ่นวาย เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูป ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้บริหารในคสช. อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ดูแลงานด้านความมั่นคงย้ำหนักแน่นว่า "ไม่มีทางยกเลิก" เป็นอันขาด อย่างไรก็ดี การปฏิรูปในบรรยากาศแบบนี้ มันก็คงผะอืดผะอมพิลึก
00 หากมองในแง่ดี ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นไปไม่ได้ ที่ให้มีแต่คนรัก สนับสนุนได้ทั้งหมด เพราะนี่คือความจริงที่สะท้อนมาจากโพลล์ต่างๆ ที่ออกมาว่า แม้มีคนส่วนใหญ่สนับสนุน แต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่ไม่เอาด้วย ซึ่งก็ออกมาอย่างที่เห็น ซึ่งถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก บางครั้งก็ต้องปล่อยให้มีรูระบายออกมาบ้าง เพื่อลดความอึดอัด ก็ไหนจะปฏิรูปไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน แต่หากมัดมือมัดเท้าเข้าไปแสดงความคิดเห็น มันก็บรรยากาศที่แปลกๆ อยู่นะ !!
00 อย่างไรก็ดี เรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนเป็น"กระพี้" ไม่ใช่แก่นแกน บรรดาคนที่เคลื่อนไหวพวกนี้ ก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก อาจไม่ใช่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ เครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นการเคลื่อนไหวไปตามความรู้สึกของพวก "ร้อนวิชา" ที่มองประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งอย่างเดียวไม่มีอะไรซับซ้อน แต่สังเกตหรือไม่ว่า ไม่มีความเคลื่อนไหวของ "เครือข่ายแดง" ออกมาให้เห็นเลย ทั้งที่ขอนแก่นนี่แหละอาจเรียกว่า "เป็นเมืองหลวง" ของพวกเขาเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังเงียบฉี่ บรรดาหัวโจกคนสำคัญยังให้ความร่วมมือดีมาก เพราะอะไร ก็เพราะว่าได้รับคำสั่งจาก "นายใหญ่" ให้นิ่ง และให้ความร่วมมือกับทหาร เพราะอีกไม่นานก็จะได้กลับมาแล้ว หลังมีการเลือกตั้ง
00 ดังนั้นตอนนี้ก็ให้จับตา "การปรองดอง" ด้วยการยื้อคดี "ถอดถอน" ทั้งในคดีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และนิคม ไวยรัชพานิช ส่วนคดีอาญาจากโครงการจำนำข้าว ที่เสี่ยงคุกตะราง ก็ให้จับตาดูว่าอัยการสูงสุด จะยื้อลากยาวไปอีกนานแค่ไหน เพราะในเรื่องถอดถอน แม้จะเข้าสู่การพิจารณาของสนช.แล้ว แต่เมื่อดูจากเสียงที่ขัดขวางแล้ว มันก็สรุปบั้นปลายแล้วว่า "รอดชัวร์" เพราะเสียงไม่พอ 3 ใน 5 อีกทั้งที่น่าสนใจก็คือ สนช. ที่ขัดขวางกลับเป็น"สายแข็ง" จาก คสช.เสียด้วยซีพี่น้อง แล้วอย่างนี้จะให้คิดว่าอย่างไร !!
00 จะเรียกว่าอาศัยช่วงชุลมุนสอดไส้ขึ้นราคาแก๊สแอลพีจีภาคขนส่ง และครัวเรือนไปอีก กก.ละ 50 สต. เรียบร้อยแล้ว อ้างว่าเพื่อสะท้อนกลไกตลาด ทำให้ราคาขยับจาก 22.63 บาทต่อกก.เป็น 23.13 บาทต่อกก. โดยมั่วไปกับการลดราคาน้ำมันเบนซิน และกลุ่มแก๊สโซฮอล์ ที่ลดลง 60 ส.ต.ต่อลิตร ขณะที่คงราคาขายปลีกดีเซลไว้ตามเดิม และงานนี้ รมว.พลังงาน ณรงค์ชัย อัครเศรณี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จัดการรวบรัด สั่งการทันทีในช่วงที่สังคมกำลังหันเหไปทางอื่น หลังจากก่อนหน้านี้ ออกมาพูดให้ตายใจว่า จะปรับขึ้นราคาแก๊สหลังปีใหม่ งานนี้ต้องรอดูว่า บรรดาราคาสินค้าจะขยับล่วงหน้าไปอีกเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าพวกมนุษย์เงินเดือน หรือไม่มีเงินเดือน ก็เตรียมสำลักความสุขแบบนี้กันล่วงหน้าได้เลย !!