ผ่าประเด็นร้อน
“ก็อย่าไปเสนอ คนผิดกฎหมายก็อย่าไปเสนอภาพคนผิดกฎหมายก็จบแล้ว แล้วเสนอทำไม ขอความร่วมมือสื่อว่าอะไรที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมก็ขอสื่อลดการนำเสนอ พอมีการนำเสนอก็จะมีคนนำมาเปรียบเทียบเรื่องนี้เรื่องนั้นว่าทำไมรัฐบาลไม่ทำ ถ้าท่านไม่เสนอข่าวก็เบาลงไปแล้ว ส่วนเรื่องของโซเชียลก็เป็นเรื่องของโซเชียล หนังสือพิมพ์ก็เป็นเรื่องของหนังสือพิมพ์ ในทางโซเชียลที่เขียนในทางไม่ดีก็มีการติดตามอยู่ ถ้าเขียนในทางสร้างสรรค์ก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร ซึ่งอะไรรับได้ก็รับได้ อะไรที่เขียนเสียหายมันไม่ได้ เพราะอย่างน้อยเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิส่วนบุคคลของแต่ละคน”
นั่นเป็นคำพูดของ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กล่าวกับสื่อที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันก่อน เมื่อถูกถามตอนหนึ่งถึงเรื่องที่มีการรายงานความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัว
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังห้ามการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชน หรือประชาชนที่เตรียมออกมาเคลื่อนไหวกดดันทั้งคัดค้านและกดดันการถอดถอนสองอดีตประธานสภา คือ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และ นิคม ไวยรัชพานิช กระทำผิดกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของวุฒิสภาโดยมิชอบ ซึ่งที่ผ่านมาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ซื้อเวลายังไม่ยอมรับวาระการพิจารณาถอดถอนทั้งสองคนดังกล่าว โดยมีสมาชิก สนช. ที่เป็นกรรมการประสานงานหรือวิปของ สนช. สายทหารที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด อ้างว่าต้องศึกษากฎหมายให้รอบคอบเพราะไม่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งถูกสังคมวิจารณ์อย่างหนัก ถึงขั้นเริ่มมีเสียงบ่นกันเข้าหูมากขึ้นแล้วว่า “อาจเสียของ”
ท่าทีของ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล่าสุด อาจจะดูแข็งกร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ที่เบรกการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชน รวมไปถึงท่าทีเดียวกัน และวันเดียวกันกับคำพูดของ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ส่งเสียงเข้มในโทนเดียวกัน โดยอ้างว่ากระทบความมั่นคง
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ที่กล่าวถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่า “เป็นคนผิด” และอย่าให้สื่อนำเสนอความเคลื่อนไหว อย่าไปให้ความสำคัญทุกอย่างก็จบ และกล่าวในทำนองว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ตามขั้นตอน ซึ่งในกรณีหลังอาจรวมไปถึงเรื่องที่จะมีการพิจารณาวาระถอดถอน สมศักดิ์ - นิคม ด้วย
ฟังดูเผินๆ ก็ไม่สะดุด ถูกต้องแล้ว ว่าอย่าไปให้ความสำคัญกับ “คนผิด คนชั่ว” แต่หากพิจารณานรายละเอียดมันก็มีเรื่องตั้งคำถามตามมามากมาย คำถามแรกสำหรับกรณีของ ทักษิณ ชินวัตร ก็คือคนๆ นี้ไม่ใช่ผิดธรรมดา แต่เป็นกรณีที่ศาลสั่งจำคุก แล้วหลบหนี มีหมายจับของศาลหลายคดียางเป็นหางว่าว ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองมากมาย ก็ต้องถามว่าเรื่องแบบนี้ต้องเงียบไม่ให้ความสนใจ เนื่องจากเกรงว่าทำให้เกิดความวุ่นวายตามมาอย่างนั้นหรือ
แน่นอนว่าสำหรับกรณีของ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และ นิคม ไวยรัชพานิช อาจพอรับฟังได้บ้าง ว่ายังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ตามกฎหมาย คดียังไม่ถึงที่สุด ยังไม่มีการออกหมายจับ ซึ่งก็อาจรวมไปถึงกรณีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยก็ได้ แต่สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร รับรองว่าเงียบไม่ได้เป็นอันขาด แต่ต้องถามกลับไปว่ารัฐบาล และคสช.รวมไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือได้มีความพยายามติดตามตัว ทักษิณ ชินวัตร มาดำเนินคดีตามกฎหมายบ้างหรือไม่ หรือแม้แต่ใช้อำนาจเท่าที่ทำได้เช่น สั่งให้มีการถอดยศ ริบเครื่องราชย์ฯ หรือแม้แต่การเพิกถอนหนังสือเดินทาง ได้มีการดำเนินการหรือไม่ และแถลงให้สังคมได้รับทราบบ้างหรือไม่
นอกจากนี้ สำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เดินทางไปพบกับพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร มีการโพสต์ภาพถ่ายลงในโชเชียลฯและมีสื่อนำมารายงาน ทำให้ชาวบ้านได้รับรู้ในวงกว้าง กลายเป็นคำถามตามมาอีกว่า ในเมื่อ ยิ่งลักษณ์ เป็นบุคคลที่ถูกเฝ้ามอง การเดินทางออนอกประเทศต้องขออนุญาตกับ คสช. และรัฐบาล และการไปพบกับคนกระทำผิดที่หลบหนีคดีหนีหมายจับแล้วโพสต์ภาพออกมาให้เห็นแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการประจาน คสช.ประจานรัฐบาล และประจาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นแหละ เพราะความหมายคือขออนุญาตไปพบกับ ทักษิณ แล้วได้รับไฟเขียวนั่นเอง
ดังนั้น ตรรกะและเหตุผลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่ให้รายงานความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เขาระบุว่าเป็น “คนผิด” ไม่น่าจะถูกต้องนัก เพราะรู้กันอยู่แล้วว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ และไม่มีทางจบง่ายๆ ขณะเดียวกัน ก็ต้องตอบให้ได้ก่อนว่าเมื่อเห็นว่าเป็นคนทำผิดแล้วได้ดำเนินการกับคนพวกนี้ตามกฎหมายอย่างไรไปบ้าง หรือด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าเข้ามา “รักษาความสงบ” ในบ้านเมือง ไม่ต้องการให้เกิดการประท้วงวุ่นวายเท่านั้น นี่ว่ากันเฉพาะเรื่องเฉพาะหน้าที่เห็นกันอยู่ตรงหน้าก่อน ยังไม่นับเรื่องที่น่าสงสัยอีกหลายเรื่องที่รอพิสูจน์กันต่อไป !!