xs
xsm
sm
md
lg

มทภ.4สั่งเตรียมพร้อม ทหารใต้ช่วยปชช.น้ำท่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มทภ.4 สั่งทหารทุกหน่วยเตรียมพร้อมช่วยเหลือชาวใต้หลังเกิดฝนตกหนัก พร้อมเปิดศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหากสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต อุตุฯเตือนอีกหลายจังหวัดใต้ฝนยังตกหนัก ขณะที่มวลน้ำ "เทือกเขาบรรทัด" ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวและสวนยางพาราเกษตรกรชาวพัทลุงเสียหายยับ ด้าน ปภ.เมืองคอนเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 20 เครื่องในพื้นที่ 17 จุดรับมือน้ำป่าจ่อท่วม

วานนี้ (9 พ.ย.) พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ในขณะนี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.57 เป็นต้นมาได้เกิดภาวะฝนตกหนักในบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่ จ.ชุมพร จนถึง จ.นราธิวาส ทำให้สภาพพื้นที่โดยทั่วไปมีน้ำท่วมขัง ขณะนี้ตนได้มอบหมายภารกิจให้หน่วยทหารทุกค่ายรับผิดชอบในการเข้าไปอำนวยความสะดวก และดูแลช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่

ในส่วนของจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นได้มอบหมายให้กองพลทหารราบที่ 15 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงต่อ กอ.รมน.ภาค 4 สน.ได้เตรียมความพร้อม และแปรสภาพเป็นหน่วยบรรเทาสาธารณภัยในการช่วยเหลือประชาชนทันทีหากเกิดภาวะน้ำท่วม

สำหรับขั้นตอนที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน.และกองทัพภาคที่ 4 ได้เตรียมการอยู่หลายประการ เช่น การจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงานกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของอำเภอ จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อบจ. อบต. เทศบาล และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของเทศบาลในพื้นที่ เพื่อจะได้เตรียมพร้อมป้องกันอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น และพร้อมจะเปิดศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทันทีหากเกิดภาวะฝนตกหนัก และอยู่ในภาวะวิกฤต การจัดเตรียมอุปกรณ์ ยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ และยุทโธปกรณ์ รวมถึงถุงยังชีพที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้จัดเตรียมสำหรับแจกจ่ายประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้ จะได้ประสานกับพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ให้มีความพร้อมในการป้องกันอุทกภัยในเบื้องต้น เช่น การประกาศแจ้งเตือนทางสถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีวิทยุโทรทัศน์ ในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนเตรียมยกของขึ้นที่สูง พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ทราบ พร้อมเปิดหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกว่า หากพี่น้องประชาชนเกิดปัญหา หรือประสบกับอุทกภัยอย่างเร่งด่วน ขอให้แจ้งต่อหน่วยทหารใกล้บ้านท่าน ขณะนี้ทุกหน่วยมีความพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การป้องกันแก้ไข และขั้นตอนการฟื้นฟู โดยเจ้าหน้าที่ทหารทุกนายพร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนทุกโอกาส

**อุตุฯเตือนอีกภาคใต้ยังมีฝนตกหนัก

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนัก และคลื่นลมแรง" ฉบับที่ 13 ลงวันที่ 09 พ.ย.57 ระบุว่า หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ได้เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลอันดามันแล้ว แต่ยังคงทำให้ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยมีฝนตกต่อไปอีก 1 วัน ในบริเวณ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และ จ.สงขลา ส่วนภาคใต้ฝั่งอันดามันยังมีฝนตกอีก 1-2 วัน ในบริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อีก 1 วัน และคลื่นลมในทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือในอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส

***น้ำป่าท่วมนาข้าว-สวนยางพัทลุง

ด้านสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะ จ.พัทลุง แม้ฝนได้หยุดตกลงมาตั้งแต่เช้าวานนี้ แต่มวลน้ำฝนสะสมที่ตกลงมา 2 วันทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดเริ่มไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มการเกษตร นาข้าว และสวนยางพาราแล้วหลายจุดโดยเฉพาะมวลน้ำจาก อ.ศรีนคริทร์ ที่ไหลผ่านคลองนาท่อม ท้องที่ ต.โคกชะงาย ต.เขาเจียก อ.เมืองพัทลุง ได้ไหลลงมาอย่ารวดเร็ว และเริ่มเอ่อล้นเข้าท่วมถนนสายบ้านท่าม่วง ท้องที่หมู่ 5-7 ต.ปรางหมู่ หมู่ 9 ต.ชัยบุรี และหมู่ 9-10 ต.พญาขันต์ อ.เมืองพัทลุง โดยมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา ขณะที่ทางจังหวัดได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มดังกล่าวเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมให้เตรียมอพยพสิ่งของ สัตว์เลี้ยงขึ้นไว้ที่สูงเพื่อความปลอดภัย

ขณะที่ทหาร ช 401 ช 402 ค่ายอภัยบริรักษ์พัทลุง พร้อมทีมงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดพัทลุง ได้ออกตรวจพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์น้ำ ณ จุดเสี่ยงต่างๆ ที่มีน้ำท่วมซ้ำซากและแม่น้ำลำคลอง พบลำคลองสายต่างๆ เริ่มมีน้ำล้นตลิ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต

โดยจุดสำคัญที่เข้าตรวจสอบคือบริเวณคันคลองหมู่ หมู่ 2 ต.ชะรัด อ.กงหรา ซึ่งเป็นจุดรับน้ำที่ไหลจาก อ.กงหรา พบว่าระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 1.5 เมตร และพื้นที่หมู่ 11ต.ลําปํา อ.เมือง จ.พัทลุง ซึ่งเป็นจุดรับน้ำก่อนระบายลงทะเลสาบสงขลา ขณะนี้ระดับน้ำยังเป็นปกติ ขณะที่ชาวบ้านได้เตรียมรับมือแล้วโดยเฉพาะการกักตุนหญ้าแห้งสำหรับเลี้ยงสัตว์
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อคืนวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมาทำให้คันคูน้ำบริเวณริมถนนคูหาสวรรค์ เขตเทศบาลเมืองพัทลุง ทรุดตัวเป็นทางยาวกว่า 20 เมตร และทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูง พร้อมหม้อแปลงไฟล้มลงมาขวางทำให้เจ้าหน้าหน้าที่ต้องเร่งตัดไฟเนื่องจากเกรงไฟฟ้ารั่วอาจเป็นอันตราย พร้อมเข้าตรวจสอบความเสียหายพบเสาไฟ 4 ต้นหักโค่นและบางส่วนล้มทับหลังคากระเบื้องบ้านเรือนประชาชนเสียหายบางส่วน

น้ำป่าเริ่มทะลักเข้าสู่ชานเมืองคอน

ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช ชาวสวนยางพาราย่านฝั่งตะวันตกชานเมืองนครศรีธรรมราช ต้องลุยน้ำท่วมที่สูงกว่า 1 เมตร ในสวนยางพาราเก็บยางก้นถ้วยที่กรีดทิ้งไว้ก่อนที่จะลอยหายไปกับน้ำ และถือโอกาสดักปลาไปทำอาหาร ขณะที่หลายชุมชน เช่น ชุมชนบ้านหนองจระเข้ ต.นาสาร อ.พระพรหม ชุมชนนาป่า ต.ไชยมนตรี ชุมชนมะม่วงสองต้น ต.มะม่วงสองต้น มวลน้ำป่าที่หลากลงมาจากเทือกเขาหลวงตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 8 พ.ย.เริ่มส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมแล้ว เช่นเดียวกับชุมชนลุ่มต่ำในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช ที่เริ่มได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชลประทานที่ 15 ยังคงติดตามปริมาณของน้ำตามจุดสำคัญต่างๆ อย่างใกล้ชิด
นายเจษฎา วัฒนานุรักษ หัวหน้า ปภ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ฝนตกหนักในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ส่วนปริมาณฝนที่บ้านคีรีวง ต้นน้ำท่าดี ต.กำโลน อ.ลานสกา วัดปริมาณน้ำฝนได้สูงสุด 166 มม.และน้ำไหลลงเข้ามาอยู่รอบๆ เขตเมือง เทศบาลนครนครศรีธรรมราช และสำนักชลประทานที่ 15 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 20 เครื่อง ในพื้นที่ 17 จุด ผลักดันน้ำลงทะเล

สภาพโดยทั่วไปอากาศเริ่มเปิดแล้วฝนตกน้อยลง หย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนตัวไปฝั่งอันดามันแล้ว แต่ยังมีฝนตกเล็กน้อย ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก หากได้รับความเดือดร้อนแจ้งขอรับการช่วยเหลือจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ประสานกับกองทัพภาคที่ 4 พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนทันที ส่วนการประกาศเขตภัยพิบัติจะประกาศในวันจันท ร์หลังจากได้รับรายงานจากทุกอำเภอแล้ว คาดว่าทุกอำเภอจะได้รับการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ เพราะได้รับผลกระทบเกือบทั้งหมด.
กำลังโหลดความคิดเห็น