xs
xsm
sm
md
lg

ถอยเพื่อฟัง ดีกว่าดันแล้วพัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**"การใช้อำนาจต้องระมัดระวัง ยิ่งมีอำนาจมากยิ่งต้องทำตัวให้เล็กลง"
เป็นวลีเด็ดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เคยพูดเอาไว้เมื่อครั้งได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นหัวหน้าคสช.อย่างเป็นทางการ จึงขอหยิบขึ้นมาย้ำเตือนถึงสิ่งที่ "บิ๊กตู่" ให้คำมั่นไว้ อย่าให้เป็นเพียงถ้อยคำที่สวยหรูเท่านั้น แต่ต้องปฏิบัติได้จริง
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางสองแพร่งในการให้สัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 เพราะการใช้อำนาจตัดสินใจในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายของประชาชนจำนวนมาก ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
**ต้องทำตัวให้เล็กลงหลายเท่า เพื่อสดับเสียงสวรรค์จากประชาชนที่ต้องการเห็นทิศทางของพลังงานไทยเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมิใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ดังนั้นท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ได้ให้ชะลอการสัมปทานเพื่อนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วน จึงเป็นท่าทีที่ลดความแข็งกร้าว
**ไม่ใช่สักแต่ฟังความข้างเดียว
แต่การติดเบรกให้ชะลอสัมปทานครั้งนี้ต้องยกนิ้วให้กับกระบวนการเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นในการต่อสู้เรื่องพลังงานของภาคประชาชน จนทำให้ "บิ๊กตู่" ถึงกับเป็นกังวลและปรารภในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พร้อมสั่งเร่งรัดให้ สปช.พิจารณาและได้ข้อคิดเห็นในการปฏิรูปต่อเรื่องดังกล่าวในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือน
**เรื่องนี้อาจเป็นเพียงการยื้อเวลา ลดโทนอารมณ์ของคนออกไปเท่านั้น ถ้ารัฐไม่มีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาที่เรื้อรังมายาวนาน จึงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ใจ "บิ๊กตู่" กับเรื่องพลังงานของประเทศว่าจริงจังแค่ไหน
ที่ผ่านมาประชาชนไม่อาจพึ่งหวังได้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบจากการสัมปทาน มาเป็นรูปแบบอื่นที่ทำให้รายได้เข้ารัฐเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพื่อผลประโยชน์ของคนในชาติ
ถ้าจะย้อนกลับไปการสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ถูกเลื่อนมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2554 เนื่องจากมีการคัดค้านจากประชาชน โดยบรรยากาศคล้ายกับที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้ เพราะประชาชนเห็นว่า ระบบการให้สัมปทานปิโตรเลียมไม่เหมาะกับประเทศไทย เนื่องผลประโยชน์อันมหาศาลนี้ไม่ถูกจัดสรรอย่างเป็นธรรม
เป็นสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องมาตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ที่สุดท้ายแล้วคำเรียกร้องยังไม่ถูกตอบสนองจากรัฐอย่างเป็นรูปธรรม หรือคิดหาวิธีที่เหมาะสมในการนำทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นสมบัติของประชาชนคนไทยทุกคนมาจัดสรรให้เป็นธรรมและมีมูลค่าที่เหมาะสมตามความเป็นจริง
**ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการมากจนเกินไป
**หนำซ้ำเจ้าของทรัพยากรยังต้องใช้น้ำมันในราคาแพงลิบลิ่วอีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาคือ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และมีการแก้ไขเมื่อ พ.ศ.2532 ซึ่งแม้จะมีการแก้ไขแล้ว แต่ปัญหาต่างๆ ยังไม่ถูกแก้ไขและทำให้กระจ่างขึ้น ดังนั้นควรมีการทบทวนและแก้ไขพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวใหม่อีกครั้งในช่วงที่จะมีการปฏิรูปประเทศไทยทั้งระบบหรือไม่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริง
จะเห็นได้ว่าในพ.ศ.นี้ภาคประชาชนยังเข้มแข็ง จับกลุ่มเหนียวแน่นและเอาจริงเอาจังในการต่อสู้เรื่องนี้ ทั้งยังเป็นการรวมตัวกันโดยไม่พรั่นพรึงต่อ "กฎอัยการศึก" ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญของรัฐบาลในควบคุมสถานการณ์
แต่กฎอัยการศึกจะส่งผลร้ายต่อการเคลื่อนไหวที่สงบและพุ่งเป้าไปยังผลประโยชน์ของคนโดยรวมหรือ เพราะการเคลื่อนไหวมิใช่เพื่อต้องการโค่นล้มรัฐบาล จึงเป็นจุดแข็งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อาจละสายตา หรือปล่อยให้มีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องไปแบบนี้ เพราะยิ่งเคลื่อนไหว แนวร่วมยิ่งเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อคะแนนนิยมของรัฐบาล
**ถ้าประมาทอาจจะพังเอาได้
**จึงต้องให้ชะลอเพื่อให้อุณหภูมิที่ระอุอยู่ลดลง
นอกจากนี้ภาคประชาชนมีการยื่นร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีการร้องไปยังศาลปกครองให้มีคำสั่งเพิกถอนประกาศกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เรื่องเขตพื้นที่แปลงสำรวจปิโตรเลียมบนบกและในทะเลอ่าวไทย รวมทั้งให้ระงับการอนุมัติ อนุญาตให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 21 เพื่อให้ศาลสั่งจัดเวทีฟังความเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึงก่อนจะเปิดสำรวจ กระทรวงพลังงานไม่ควรรีบเร่ง
เป็นการเดินสายเพื่อย้ำเตือน และเรียกแนวร่วมให้เข้าสู่การต่อสู้เพื่อส่วนรวม ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเหตุผลที่น่าฟัง "บิ๊กตู่" จะเมินไม่รับฟังเลยเชียวหรือ
**ตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าถอยเพื่อรับฟังน่าดีกว่าดันแล้วฟัง
สิ่งที่รัฐควรดำเนินการในระหว่างรอการพิจารณาของสปช. ควรจะมีการเปิดเวทีคู่ขนานเพื่อรับฟังเสียงประชาชนผู้ส่วนได้เสียให้รอบด้านน่าจะเป็นประโยชน์ ถ้าต้องการจะปฏิรูปพลังงานอย่างจริงจัง ก็ควรใช้โอกาสนี้น่าจะเหมาะ
อย่างน้อยกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่นี้ก็เป็นเสียงที่เคยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นอย่าผลักมิตรให้เป็นศัตรู ท่ามกลางสถานการณ์ลูกผีลูกคนของเรื่องพลังงาน และอย่าลืมว่าการเคลื่อนไหวเรื่องนี้จุดติดได้ง่าย และลามเป็นไฟไหม้ฟาง จะดับด้วยกำลังของ "กฎอัยการศึก" ที่ยกขึ้นมาขู่คงไม่ได้ผล
ควรเปิดประตูหัวใจเงี่ยหูรับฟังข้อเสนอ จูนคลื่นเรื่องปฏิรูปพลังงานให้ตรงกันกับประชาชน ไม่ใช่ฟังรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น คิดถึงประโยชน์คนส่วนใหญ่เป็นหลัก
**แค่นี้ก็ไปโลดแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น