00 กำลังเข้าสู่เดือนที่ 6 ของ คสช. และเดือนที่ 2 ของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเป็นช่วงสำคัญที่ผลงานแต่ละเรื่องจะเริ่มเห็นหน้าเห็นหลัง หมดเวลาฮันนีมูน หลายโครงการต้องตัดสินใจ และมีผลกระทบกับคนบางกลุ่ม ที่สำคัญเริ่มจับได้ไล่ทันว่ามีฝีมือแค่ไหน และอย่าได้แปลกใจที่ยิ่งนานไปความนิยมจะเริ่มลดลงเรื่อยๆ
00 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช.ก็ไม่มีข้อยกเว้น ผลสำรวจล่าสุดของ "สวนดุสิตโพล" ออกมาสะท้อนให้เห็นว่า คสช.และรัฐบาลของเขากำลังมี "ความนิยมลดลง" เรื่อยๆ แม้ว่าเป็นความนิยมที่ลดลงไม่มาก จากคะแนนเต็มสิบ ความนิยมยังอยู่ในระดับ 8.52 ก็ยังถือว่าความนิยมยังสูง แม้ว่าจะลดลงกว่าเดิมก็ตาม แต่ของแบบนี้จะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด เพราะบทจะ"ตกรูด" มันจะมาไม่ทันตั้งตัว บางช่วงอาจมีแต่เรื่องร้ายๆ ประดังเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คสช. มาจากเงื่อนไขพิเศษด้วยแล้ว หากพลาดท่า มีช่องโหว่โดยเฉพาะหากมีเรื่อง "ทุจริต" หรือมีเสียงนินทาเรื่องแบบนี้เมื่อไหร่ก็ความเสื่อมก็จะมาเยือน เงื่อนไขที่กำลังพิสูจน์ความศรัทธา เวลานี้ก็คือ การปฏิรูปด้านพลังงาน ผลงานการแก้ปัญหาเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจโดยเฉพาะเรื่องหลังเป็นด่านหินที่ผ่านยาก ขณะที่เรื่องแรกคือ ด้านพลังงานกำลังสร้างความเคลือบแคลงว่า "เป็นการต่อยอด" สวมตอผลประโยชน์ระบอบทักษิณ ที่เชื่อมต่อผ่านทางคนใกล้ชิด แน่นอนว่าเวลานี้เป้าสายตาย่อมเพ็งเล็งมาที่ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่มองว่าเป็นคน"มีอำนาจชักใย" ข้างกาย ก็รอดูกันไป !!
00 แต่คนที่สุขกว่าใครนาทีนี้คงไม่มีใครเกินครอบครัว"ชินวัตร" ที่เวลานี้ ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังลัลลา กันต่อที่เมืองจีน หลังจากสุขีกันที่ญิี่ปุ่นกันไปแล้ว แม้ว่าไม่อยากจะรับรู้ว่าสองคนพี่น้องจะไม่ไปร่วมบุญกฐินที่อินเดียตามข่าวก่อนหน้านี้ แต่อีกด้านหนึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยมันช่าง"ไร้มาตรฐาน" ไร้ขื่อแป ไร้ความยุติธรรมสิ้นดี และยังห่างไกลคำว่าปฏิรูปอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้เห็นภาพที่ ยิ่งลักษณ์ ชักภาพกับพี่ชายที่"หนีคุก" หนีหมายจับคดีก่อการร้าย คดีทุจริตฉ้อโกงนับสอบคดีแบบไม่ทุกข์ร้อน เหมือนกับเยาะเย้ย คนไทยที่เคารพกม. ตั้งใจอยู่ภายใต้กม. ราวกับ"พวกหน้าโง่" ถูกตบหน้าอย่างจัง กลายเป็นว่า กม.ใช้บังคับไม่ได้กับคนบางพวก บางครอบครัว ดังคำพูดที่ว่า "คุกมีไว้ขังคนจน" เท่านั้น พูดไว้ไม่มีผิด ทุด !!
00 วันที่ 27 ต.ค.การประชุม สปช.คงจะรู้แล้วว่า จะมีใครบ้างได้เป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในโควตา 20 คน เป็นการประลองกันระหว่างฝ่ายที่ต้องการให้คนนอกเข้ามาร่วม 4-5 คน นำทีมเสนอโดย อลงกรณ์ พลบุตร กับอีกฝ่ายที่ต้องการให้มาจากคนในล้วนๆ ก็คงต้องโหวตกัน ซึ่งเสียงก็ยังก้ำกึ่งกันอยู่ แม้ว่าจะเหลื่อมมาทางฝ่ายแรกนิดๆ เพราะมี เทียนฉาย กีระนันทน์ ว่าที่ประธาน สปช.หนุนหลัง แต่เหตุผลฝ่ายหลัง ก็น่าฟัง เพราะไหนๆกมธ.ชุดใหญ่ก็ต้องมีคนนอกมาแจมในส่วนของ คสช. รัฐบาล และ สนช. ดังนั้นสมควรให้คนของ สปช. เป็นตัวหลักล้วนๆ เพราะมีหน้าที่ปฏิรูปโดยตรง มันก็ฟังขึ้นเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรมันก็อยู่ที่หน้าตาว่าจะออกมาอย่างไร เริ่มต้นน่าเชื่อถือหรือเปล่า ถ้าผ่านก็เริ่มต้นได้สวย เพราะอุปสรรค ท้าทายข้างหน้ามันน่าหวาดเสียวนัก !!
00 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช.ก็ไม่มีข้อยกเว้น ผลสำรวจล่าสุดของ "สวนดุสิตโพล" ออกมาสะท้อนให้เห็นว่า คสช.และรัฐบาลของเขากำลังมี "ความนิยมลดลง" เรื่อยๆ แม้ว่าเป็นความนิยมที่ลดลงไม่มาก จากคะแนนเต็มสิบ ความนิยมยังอยู่ในระดับ 8.52 ก็ยังถือว่าความนิยมยังสูง แม้ว่าจะลดลงกว่าเดิมก็ตาม แต่ของแบบนี้จะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด เพราะบทจะ"ตกรูด" มันจะมาไม่ทันตั้งตัว บางช่วงอาจมีแต่เรื่องร้ายๆ ประดังเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คสช. มาจากเงื่อนไขพิเศษด้วยแล้ว หากพลาดท่า มีช่องโหว่โดยเฉพาะหากมีเรื่อง "ทุจริต" หรือมีเสียงนินทาเรื่องแบบนี้เมื่อไหร่ก็ความเสื่อมก็จะมาเยือน เงื่อนไขที่กำลังพิสูจน์ความศรัทธา เวลานี้ก็คือ การปฏิรูปด้านพลังงาน ผลงานการแก้ปัญหาเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจโดยเฉพาะเรื่องหลังเป็นด่านหินที่ผ่านยาก ขณะที่เรื่องแรกคือ ด้านพลังงานกำลังสร้างความเคลือบแคลงว่า "เป็นการต่อยอด" สวมตอผลประโยชน์ระบอบทักษิณ ที่เชื่อมต่อผ่านทางคนใกล้ชิด แน่นอนว่าเวลานี้เป้าสายตาย่อมเพ็งเล็งมาที่ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่มองว่าเป็นคน"มีอำนาจชักใย" ข้างกาย ก็รอดูกันไป !!
00 แต่คนที่สุขกว่าใครนาทีนี้คงไม่มีใครเกินครอบครัว"ชินวัตร" ที่เวลานี้ ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังลัลลา กันต่อที่เมืองจีน หลังจากสุขีกันที่ญิี่ปุ่นกันไปแล้ว แม้ว่าไม่อยากจะรับรู้ว่าสองคนพี่น้องจะไม่ไปร่วมบุญกฐินที่อินเดียตามข่าวก่อนหน้านี้ แต่อีกด้านหนึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยมันช่าง"ไร้มาตรฐาน" ไร้ขื่อแป ไร้ความยุติธรรมสิ้นดี และยังห่างไกลคำว่าปฏิรูปอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้เห็นภาพที่ ยิ่งลักษณ์ ชักภาพกับพี่ชายที่"หนีคุก" หนีหมายจับคดีก่อการร้าย คดีทุจริตฉ้อโกงนับสอบคดีแบบไม่ทุกข์ร้อน เหมือนกับเยาะเย้ย คนไทยที่เคารพกม. ตั้งใจอยู่ภายใต้กม. ราวกับ"พวกหน้าโง่" ถูกตบหน้าอย่างจัง กลายเป็นว่า กม.ใช้บังคับไม่ได้กับคนบางพวก บางครอบครัว ดังคำพูดที่ว่า "คุกมีไว้ขังคนจน" เท่านั้น พูดไว้ไม่มีผิด ทุด !!
00 วันที่ 27 ต.ค.การประชุม สปช.คงจะรู้แล้วว่า จะมีใครบ้างได้เป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในโควตา 20 คน เป็นการประลองกันระหว่างฝ่ายที่ต้องการให้คนนอกเข้ามาร่วม 4-5 คน นำทีมเสนอโดย อลงกรณ์ พลบุตร กับอีกฝ่ายที่ต้องการให้มาจากคนในล้วนๆ ก็คงต้องโหวตกัน ซึ่งเสียงก็ยังก้ำกึ่งกันอยู่ แม้ว่าจะเหลื่อมมาทางฝ่ายแรกนิดๆ เพราะมี เทียนฉาย กีระนันทน์ ว่าที่ประธาน สปช.หนุนหลัง แต่เหตุผลฝ่ายหลัง ก็น่าฟัง เพราะไหนๆกมธ.ชุดใหญ่ก็ต้องมีคนนอกมาแจมในส่วนของ คสช. รัฐบาล และ สนช. ดังนั้นสมควรให้คนของ สปช. เป็นตัวหลักล้วนๆ เพราะมีหน้าที่ปฏิรูปโดยตรง มันก็ฟังขึ้นเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรมันก็อยู่ที่หน้าตาว่าจะออกมาอย่างไร เริ่มต้นน่าเชื่อถือหรือเปล่า ถ้าผ่านก็เริ่มต้นได้สวย เพราะอุปสรรค ท้าทายข้างหน้ามันน่าหวาดเสียวนัก !!