ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - "...เรื่องคดีนักท่องเที่ยวอังกฤษถูกฆ่าที่เกาะเต่า คุณประยุทธ์ก็หาว่าพวกเราเดินคตามตูดฝรั่ง ที่กล่าวหาว่าการสอบสวนของตำรวจไทยหลงทาง เราก็ถามไปตามหน้าที่ นายกนก็ชี้แจงมาสิว่าหลงทางหรือไม่ เอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน ไม่ใช่มาต่อว่า ว่าเดินตามตูดฝรั่ง ผู้นำที่ดีเขาไม่พูดอย่างนี้ มาด่าพวกเราว่าไม่รักชาติบ้านเมือง นักข่าวก็เป็นคนไทย รักชาติบ้านเมืองเหมือนกัน ไม่ใช่มีแต่คุณประยุทธ์ คนเดียวเสียเมื่อไร ที่รักบ่านเมืองมากกว่าคนอื่น พูดอย่างนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำ..."
"...คณะกรรมการ หรือสมาชิกสนช. หรือสปช. ทั้งหลายทั้งปวงที่ตั้งขึ้นมา ก็เห็นตั้งเฉพาะพวกเดียวกันเข้ามาทั้งนั้น ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามอย่างพวกเสื้อแดง พวกนปช. ก็เอาไปขังไว้เป็นปีปี ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหาร เมื่อเข้ามาแล้วต้องนิรโทษกรรมให้กับฝ่ายต่างๆ ทั้งหมด ให้บ้านเมืองมันเกิดความสว่าง ไม่ต้องมาขัดข้องหมองใจ ให้อภัยกันไปเสียบ้าง ยุคเผด็จการสมัยก่อน เมื่อยึดอำนาจมาแล้ว สิ่งที่นายกนจะต้องทำคือ 1.จะต้องนิรโทษกรรมทางการเมือง หากคนไหนไม่มีคดีอาญาต้องปล่อยไป ไม่ใช่ขังไว้เป็นเวลา 2-3 ปีแบบนี้ เราเคยถามทำไม่ไม่ทำ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ยังมีหน้ามาบอกว่า ไม่เห็นมีนักโทาการเมือง ถ้าคิดอย่างนี้ก็เลิกพูดกัน แล้วไอ้ที่ขังอยู่นั่นน่ะ มันเป้นหมา เป็นแมว หรือไงวะ จะอาฆาตกันไปถึงไหน แค่มีความเห็นต่างทางการเมืองกัน ก้เท่านั้น จะเอาเป็นเอาตายกันเลยหรือ คนไทยด้วยกันทั้งนั้น ..."
"...เวลาที่คุณประยุทธ์ ต่อว่า หรือดุด่าอย่างมีอารมณ์กับเรานั้นนะ ก็รู้สึกสงสารเขานะ คือคนที่เข้ามานั่งในระดับสูงสุดของประเทศแบบนี้ ถ้าไม่รู้จักปรับตัว พูดอะไรก็ไม่ฟัง เคยชินแต่กับการสั่งคนอื่นตลอดเวลา แบบนี้รับรองว่า พัง นายกฯคนนี้ทำอะไรไม่ฉลาด ไม่รู้จักผ่อนหนัก ผ่อนเบาบ้าง อย่าลืมว่านายกรัฐมนตรีนั้นมีหน้าที่ดูแล แก้ปัญหาให้กับประชาชน ต้องเข้าใจประชาชน ไม่ใช่ให้ประชาชนต้องมาเข้าใจตัวเอง เราว่าเผด็จการในสมัยอดีต จองพลถนอม จอมพลประภาส ไม่มีปัญหากับนักข่าวเหมือนคุณประยุทธ์ ผู้นำเผด็จการสมัยก่อนยังพร้อมที่จะรับฟัง ทำข่าวง่ายกว่ายุคนี้เยอะ... "
"...กองทัพต่างหากล่ะ ที่จะต้องเร่งปฏิรูปก่อนใครเพื่อน คิดดู นายพลในกองทัพไทย มีเป็นพันแล้วตอนนี้ ทำไมตั้งกันเยอะแยะ เดินกร่างเต็มไปหมด จะเหยียบกันตายอยู่แล้ว ขนาดนายกสมาคมกีฬา สมาคมมวยสมัครเล่น อะไรต่อมิอะไร ก็นายพลทั้งนั้น มันมีอะไรกัน และเมื่อเข้ามารับตำแหน่งด้านการบริหารต่างๆ โอกาสที่จะเกิดการทุจริต โดยการเรียกเปอรืเซนต์จากโครงการนั้น โครงการนี้ ก็เหมือนกัน เรื่องนี้จะไม่ให้ตรวจสอบ จะไม่ให้ตั้งคำถาม ไม่ได้ ..."
" ปากบอกไม่อยากที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองมันบังคับให้ทหารต้องออกมารับผิดชอบ พูดแบบนี้เขาเรียกว่า พูดแบบปากกับใจไม่ตรงกัน ก็คอยดูต่อไปก็แล้วกัน ...บอกจะอยู่เพียง 1 ปี ก็คงจะตะแบงไปเรื่อย หากรัฐธรรมนูญร่างไม่เสร็จ ก็ยืดไปเรื่อย เปิดทางไว้แล้ว ไม่แน่ อาจจะไปเลือกตั้งในปี 59 ก็ได้..."
"เราทุกคนรักบ้านเมืองกันทั้งนั้นแหละ อะไรที่ไม่ถูกไม่ต้อง ก็ต้องวิจารณ์กันไป ผู้บริหารประเทศก็ต้องรับฟัง จะเชื่อ ไม่เชื่อ จะทำ ไม่ทำก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่มองคนอื่นที่มาวิพากษ์วิจารณ์ เป็นศัตรูไปเสียหมด..."
ถ้อยคำ แบบ "ตีกบาล" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่ดุเดือดเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ ที่มีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ "Thaivoicemedia.com"เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปประชุมอาเซม ที่อิตาลี
เว็บไซต์ดังกล่าว ระบุว่า ผู้ให้สัมภาษณ์คือ "เจ๊ยุ" ยุวดี ธัญญศิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ก่อนหน้านั้นมีการปะทะคารม กับนายกรัฐมนตรี มาบ้างแล้ว มาคราวนี้จัดหนัก ทั้งบอกว่า ไม่มีวุฒภาวะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เผด็จการยิ่งกว่ายุค 14 ตุลาฯ เจ้าคิด เจ้าแค้น เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ เมื่อได้อำนาจ ก็แต่งตั้งแต่พวกพ้องตัวเองเข้ามา อ้างว่าจะปฏิรูปบ้านเมือง แต่ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะกำจัดฝ่ายตรงข้าม แถมไล่ให้ไปปฏิรูปกองทัพก่อนเถอะ
เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นร้อน แชร์กันว่อนเน็ตในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ติดตามการเมืองต่างคอยดูว่า นายกฯ จะออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตอบโต้ในเรื่องนี้ว่าอย่างไร แต่ก็เงียบ ไม่มีเสียงตอบโต้ข้ามน้ำข้ามทะเลมา รอจนกระทั่งกลับจากอิตาลี ก็ตอบแบบขัดใจฮาร์ดคอร์ ว่า " เขาเป็นภรรยาของรุ่นพี่ ...ถ้าไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร "
เป็นการตัดบท ไม่ต่อความยาว สาวความยืด ไม่เอาไม้สั้นไปรันขี้
ข้าง "เจ๊ยุ" ก็ออกมาบอกปัดว่า ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใคร ในเรื่องเหล่านี้ ไม่เคยรู้จักใครที่ทำเว็บไซต์ดังกล่าวด้วย แถมบอกว่า โดยปกติแล้วเวลาจะให้สัมภาษณ์ใคร จะมีนักข่าวของสำนักนั้นๆ ติดต่อเข้ามาโดยตรง ว่าจะขอสัมภาษณ์เรื่องใด แล้วจึงจะตัดสินใจว่าจะให้สัมภาษณ์หรือไม่ ถ้าให้สัมภาษณ์ก็จะนั่งให้สัมภาษณ์ อย่างเป็นกิจลักษณะ
" มีพี่น้องวงการสื่อมวลชนโทรมาเล่าให้ฟังว่า มีบทสัมภาษณ์ที่มีชื่อพี่ ก็ตกใจ และยืนยันกลับไปว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์ใคร แต่ก็ไม่คิดที่จะฟ้องร้องอะไรกับเว็บฯดังกล่าวหรอกนะ เสียเวลา..."
แต่ผู้ที่ดูแลเว็บไซต์ "Thaivoicemedia.com" นั้นคือ "จอม เพชรประดับ" อดีตผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ช่องไอทีวี เอ็นบีที และ วอยซ์ทีวี เป็นนักข่าวที่มีความใกล้ชิดกับระบอบทักษิณ มาโดยตลอด ขณะนี้เผ่นออกไปตั้งหลักอยู่ต่างประเทศ แต่ยังนำเสนอข่าวในแวดวงการเมืองไทย ก็ได้ออกมายืนยันว่า ได้สัมภาษณ์ "เจ๊ยุ" จริง พร้อมทั้งบรรยายถึงช่วงเวลาที่สัมภาษณ์ ว่า
" วันพฤหัสที่ 16 ต.ค. ผมโทร.ไปหาทางเจ๊ยุ ตอนโทร.ไปนั้น ประมาณเที่ยงคืนของเมืองไทย ผมก็บอกว่า พี่ ผมขอสัมภาษณ์นะครับทางโทรศัพท์ กรณีที่พี่ยุ มีประเด็นโต้แย้งกับ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่หลายครั้ง คุณประยุทธ์เอง ก็ไม่พอใจพี่ยุอยู่หลายครั้ง ในฐานะที่ทำงานข่าวมานาน ความขัดแย้งนี้ พี่รู้สึกอย่างไร และมันจะเป็นปัญหาในการทำงานของพี่อย่างไร พี่เค้าก็อธิบายเลย คือพี่เขาทราบแล้วว่า นี่คือการสัมภาษณ์ ก็อธิบายๆ ๆ ผมก็บอกว่า พี่ เนื่องจากเที่ยงคืนแล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมขอว่า พรุ่งนี้เช้า เดี๋ยวผมโทร. หาพี่ใหม่ พี่นอนเถอะ เพราะมันเที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้ผมจะสัมภาษณ์พี่อีกที แล้วพอเช้าเจ็ดโมงของวันศุกร์ พี่ยุ ก็เดินทางมาที่ทำเนียบฯ ตอน 7 โมงเช้า ผมก็โทร. เข้าไปพอดี แกก็รับ แกก็บอกว่า ตอนนี้อยู่ที่รังนกกระจอก นายกฯ ไปประชุมกันที่ มิลาน อิตาลี ไม่มีใคร เพราะฉะนั้นคุยได้..."
จึงเป็นเรื่องที่ผู้ติดตามข่าวนี้ต้องไปวิเคราห์กันเองว่า ระหว่าง "เจ๊ยุ" กับ "จอม" ใครโกหก ซึ่งคงจะไปการคาดคั้นอะไรจากคู่กรณีให้มากกว่านี้คงไม่ได้ เพราะ"เจ๊ยุ" ก็บอกแล้วว่า จะไม่ฟ้องให้เสียเวลา แล้วเรื่องก็คงจะเงียบไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากฝุ่นตลบจางไป ก็เริ่มมองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น มีผู้ติดตามการเมืองวิเคราะห์ในสื่อโซเชียลมีเดีย ว่ากรณีนี้เป็นแค่ปาหี่ เป็นการจัดฉากของสื่อเสื้อแดง ในการชิงพื้นที่ข่าวไม่ให้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงตกกระแส
เพราะ "จอม เพชรประดับ" นั้นได้ชื่อว่าเป็นสื่อสายเสื้อแดง ประเด็นข่าว บทสัมภาษณ์ รวมทั้งบุคคลที่เป็นข่าวในช่วงเวลาสำคัญทางการเมืองที่นำเสนอ จะออกไปในแนวทางโปรโมต ระบอบทักษิณมาโดยตลอด
ขณะที่ "เจ๊ยุ" ก็มีความสัมพันธ์ในเชิงอุปถัมภ์ กับระบอบทักษิณ เช่นกัน เพราะในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นช่วงที่ "เสธ.ยักษ์" พล.อ.สิริชัย ธัญสิริ ซึ่งเป็นสามีของ "เจ๊ยุ" ก็มีความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานเช่นกัน โดยได้รับความไว้วางใจให้ไปกำกับดูแลการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมโปรโมตผลงาน และได้รับการแต่งตั้งเป็น ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในสายข้าราชการ กระทรวงกลาโหม ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ
บุญคุณครั้งนั้น ทำให้ในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แทบไม่เจอคำถามในเชิงตรวจสอบ ออกจากปาก "เจ๊ยุ" ให้ระคายหูท่านผู้นำเลย ทั้งๆ ที่มีสารพัดโครงการส่อไปในทางทุจริต คอร์รัปชัน ผลาญภาษีประชาชน ต่างกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่พอเข้าทำเนียบรัฐบาล ได้ไม่ทันไร ก็เจอคำถาม ชวนวิวาทะ
ปรากฏการณ์ ”บทสัมภาษณ์ผี” ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จึงมีการวิเคราะห์กันว่า อาจเป็นปาหี่ของสื่อเสื้อแดง ที่ออกมาปฏิบัติการ"ตีหัว เข้าบ้าน" ก็เป็นได้ เพราะนอกจากเป็นการชิงพื้นที่ข่าว แล้วยังได้ ด่าประยุทธ์ ฟรีไปในตัว