ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - วิวาทะเดือดของ 2 ขี้ข้าระดับตำนานของ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” อย่าง “ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) กับ “ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง” อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย ถือเป็นวิวาทะแห่งประวัติศาสตร์ที่ได้ปอกเปลือกความจริงแห่งระบอบทักษิณออกมาได้อย่างหมดเปลือก
โดยเฉพาะบทวิเคราะห์ 2 เรื่องเด็ดที่แทงข้างหลังทะลุเข้าไปถึงหัวใจของตู่-จตุพรจนต้องออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน
เรื่องแรกคือเรื่องที่ “เป็ดเฉลิม” ประกาศว่า การทำรัฐประหารครั้งนี้ ทำให้พรรคเพื่อไทย และนช.ทักษิณมีความสุขที่สุด เพราะเป็นการกำจัดคนเสื้อแดงที่เป็นต้นตอของปัญหาออกไปได้
และเรื่องที่สองคือเรื่องที่เป็ดเหลิมกระชากหน้ากากคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่ที่ถนนอักษะว่า จำนวนเรือนแสนเป็นเพียงแค่ราคาคุยเท่านั้น ยิ่งเป็นคนกันเองพูดเอง ความน่าเชื่อถือจึงดำรงอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
ศึกวิวาทะนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองให้แก่กลุ่มอดีตส.ส.ที่ใกล้ชิดฟัง โดยเฉพาะอดีต ส.ส.ภาคอีสานพรรคเพื่อไทย กลบกระแสวิพากษ์วิจารณ์ก่อนนี้ที่ว่า “เฉลิมตายแล้ว” ว่าคนที่ได้กำไรจากการปฏิวัติครั้งนี้มากที่สุดคือพรรคเพื่อไทยและนช.ทักษิณ ชินวัตร ดูจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด
การปฏิวัติครั้งนี้ช่วยแก้ปัญหาการเมืองในพรรคเพื่อไทยให้หลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาวะที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงกำลังเคลื่อนไหวจนกระทบกระทั่งกับรัฐบาลเองในตอนนั้น ปัญหาความวุ่นวายหลายอย่างในปลายรัฐบาลก่อน ปฏิวัติรอบนี้พ.ต.ท.ทักษิณต้องส่งไวน์เปตรุส ไวน์ชั้นยอดราคาแพงมาให้พล.อ.ประยุทธ์ สัก 12 ลัง”
พร้อมทั้งคุยโว อวยนายว่าพรรคเพื่อไทยแค่อยู่เฉยๆ รอรัฐธรรมนูญใหม่ พอเปิดให้มีการเลือกตั้งก็กลับมาเป็นรัฐบาลอีกตามเคย
“ชื่อพ.ต.ท.ทักษิณทางเหนือ อีสาน ยังขายได้โดยเฉพาะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี มั่นใจเกิน 700 ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าถ้าไม่มีคดีร้ายแรงถึงขั้นโดนตัดสิทธิ ยังไงก็เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”
จากนั้น “เป็ดเฉลิม” ก็เล่นบท “ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน” ด้วยการนำความจริงในการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะมาเปิดเผยว่า ไม่ถึงเรือนแสนเหมือนอย่างที่แกนนำกล่าวอ้าง ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเป็นการตอกหน้าบรรดาแกนนำว่า จัดม็อบเพื่อต้มนายและหวังฟันค่าหัวคิวเท่านั้น
“ ช่วงที่คนเสื้อแดงชุมนุมบนถนนอักษะ ตอนนั้นผมเป็นศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ผอ.ศอ.รส.) ผมส่งสายไปดูม็อบ พ.ต.ท.ทักษิณ โทร.มาถาม 'เฮ้ยเพื่อน เสื้อแดงคนเท่าไหร่วะ' เลยตอบไป 'เพื่อน พีกสุดก็ 9.7 หมื่นคน' แต่ท่านๆแกนนำเสื้อแดงบอกมี 3 แสนคน ก็ตัวเลขที่เขารายงานมามันมีเท่านี้ ให้ขี่คอสามชั้น นับยังไงมันก็ไม่ถึง 3 แสน จะไปบอกเจ้านายอย่างนั้นได้อย่างไร จากนั้นท่านๆเสื้อแดงก็โกรธตนใหญ่ ช่วงหลังแกนนำเสื้อแดงพูดอะไรในพรรคไม่เกรงใจใครเลย จะคุมพรรคอยู่แล้ว ปฏิวัติรอบนี้แล้วจะไม่ให้ท่านทักษิณแฮปปี้ได้ยังไง”
แน่นอน ทั้ง 2 ประเด็นเล่นเอาตู่-จุตุพรเลือดขึ้นหน้า และในฉับพลันทันทีก็สวนกลับผ่านรายการ “มองไกล” ทางสถานีโทรทัศน์พีซทีวีเช่นกัน
“การที่มาพูดแทนแบบนี้คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะได้ประโยชน์หรือ เพราะนี่เท่ากับเป็นการฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ผมไม่ทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิมมีปัญหาเรื่องความจำอย่างไร แต่พูดแบบนี้เป็นการทำลายความรู้สึกของคนเสื้อแดง เรื่อง พ.ร.บ.สุดซอยมันเป็นหลักการที่ไม่อาจทรยศการต่อสู้เท่านั้น มีความเป็นความตายเป็นเดิมพัน ผมก็สงสัยมานานว่าใครกรอกหู พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เข้าใจกระบวนการคนเสื้อแดงผิด ตอนนี้พอเข้าใจอะไรมากขึ้น เดิมทีไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่ระแคะระคายมาตลอด เวลาแถลงข่าวเสมือนเป็นมิตร แต่ลับหลังไม่ใช่ เดินไม่เกิน 5 ก้าวก็นินทาทันที”
ตู่-จตุพรยังทิ้งท้ายตอกกลับ “เป็ดเฉลิม” ว่าทำตัวเหมือนหาเศษหาเลย บอกได้เลยว่า เหมือนจะได้แดกพวกตน แต่ต้องรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณก็เดือดร้อนด้วย ยิ่งลักษณ์ก็เดือดร้อน
“พวกผมมีมือมีตีน ไม่มีอะไรกลัว ซัดมาซัดไป ไม่มีการติดยึดอะไรด้วย ไม่ใช่นักการเมืองงี่เง่าที่คอยสอพลอจะมีอำนาจ ปากก็ทำเสียงดังนักเลง หน้าอย่างหลังอย่าง ปากอย่างใจอย่าง ทำตัวเป็นหมาลอบกัด นิสัยขี้นินทาเหมือนหน้าตัวเมียทั้งหลาย ไม่ใช่วิสัยของผม และที่สำคัญที่สุดมากระทืบผมโชว์ คสช. ทั้งที่เวลาการต่อสู้ไม่เคยร่วมเลย คุณประกาศผีไม่เผาเงาไม่เหยียบได้ผมก็ประกาศได้ ผมไม่สนใจ ไม่ต้องคบกัน อย่ามาเสียงดังกับผม เพราะผมจะสวนทุกกรณี บางคนเสียงดัง แต่หัวใจเท่าขามด”
อย่างไรก็ตาม การออกมากัดกันของขี้ข้าทั้งสองคนต้องยอมรับว่า ต่างคนต่างก็เป็นเสื้อแดงด้วยกันทั้งคู่ แต่ “เป็ดเฉลิม” มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ขณะที่ตู่-จตุพร มีสถานะเป็นแค่ประธานนปช.โดยตู่-จตุพรเติบโตมาในเส้นสาย รับเงินจาก นช.ทักษิณเพื่อจัดตั้งม็อบเสื้อแดงต่อต้านอำมาตย์ และปลุกระดมคนเสื้อแดง
ด้าน “เป็ดเฉลิม” โตมาในเส้นสายนักการเมือง ประจบสอพลอ นช.ทักษิณรวมถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์จนได้ดิบได้ดี และยังเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังคุมอำนาจตำรวจโดยมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศอ.รส.) ช่วงที่กปปส.ออกมาชุมนุมต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยบ้านเมืองตอนนั้นเกิดทั้งเหตุลอบยิง ลอบวางระเบิดอยู่เป็นระยะๆ แต่จับคนร้ายไม่เคยได้ และที่เป็นที่ฮือฮาที่สุด คือกรณีแถลงจับกุมยึดหนังสติ๊ก -หัวน็อตกปปส. รวมถึงแถลงข่าวยึดอาวุธสงครามหน้าทำเนียบรัฐบาล (14ก.พ.57) “เป็ดเฉลิม” ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักว่าเป็นแค่การจัดฉากเท่านั้น
กระนั้นก็ดี ประเด็นสำคัญที่จะต้องวิเคราะห์จากคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิมก็คือ ข้อเท็จจริงเป็นไปตามนั้นหรือไม่
ข้อแรก นช.ทักษิณได้ประโยชน์จากการรัฐประหารจริงหรือไม่
ไม่แน่ชัดว่าจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เป็นที่น่ารำคาญใจเลยแม้แต่น้อย
ไม่แน่ชัดว่าจริงหรือไม่ แต่ระบอบทักษิณก็ไม่ได้เกิดผลในเชิงลบให้เห็นอะไรนัก นอกจากการหลุดไปจากอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนคดีความต่างๆ ของรัฐบาล ณ บัดนี้ก็ยังมิได้มีความคืบหน้าให้เห็นแต่ประการใด โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
ไม่แน่ชัดว่าจริงหรือไม่ แต่ก็มิได้มีการกำจัดระบอบทักษิณแบบถอนรากถอนโคนให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ข้อสอง จำนวนคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะเป็นไปตามที่ ร.ต.อ.เฉลิมให้ข้อมูลหรือไม่
คำตอบก็คือ น่าจะจริง เพราะไม่เห็นประโยชน์อะไรที่ ร.ต.อ.เฉลิมจะนำข้อมูลโกหกมาพูด และโดยข้อเท็จจริงก็เห็นชัดว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะมิได้มีคนเข้าร่วมมากมายเหมือนที่แกนนำกล่าวอ้าง
ที่สำคัญคือ ร.ต.อ.เฉลิมคิดสะระตะแล้วคงเห็นว่าคนเสื้อแดงยากยิ่งที่จะเคลื่อนไหวใดๆ ภายใต้กฎอัยการศึกที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าทหารจะไม่ได้กำจัดให้หมดไปอย่างแท้จริงก็ตาม ดังนั้น จึงต้องการปรามแกนนำว่า อย่าลำพองตนมากจนไม่เห็นหัวคนอย่างตนเอง
และข้อสามข้อสุดท้ายคือ หลังการเลือกตั้งระบอบทักษิณจะกลับมาเช่นนั้นหรือ
คำตอบก็คือ น่าจะจริง เพราะเมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาและเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตก็พบว่า มิแคล้วเป็นไปตามคำทำนายของ “เป็ดเหลิม” จริงๆ นั่นก็คือโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งและกลับมาเป็นรัฐบาลมีอยู่สูงจริงๆ
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะมีความชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่า การรัฐประหารที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่การยุติความขัดแย้ง เป็นการทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ มิใช่เป็นการรัฐประหารเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่น ดังนั้น จึงเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้เคยมีการกล่าวถึงความผิดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้เห็นแต่ประการใด
และทั้งหมดนั้นคือความจริงและสาระที่ได้จากวิวาทะของ 2 ขี้ข้าระดับตำนาน
