xs
xsm
sm
md
lg

กิจการพลังงานเพิ่มพาลภัยดึงความสุขหนีไปจากประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์

สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์
http://twitter.com/indexthai2
indexthai2@gmail.com

กิจการพลังงานเพิ่มพาลภัยดึงความสุขหนีไปจากประเทศไทย

สัปดาห์ที่ผ่านมาแม่บ้านนัดเพื่อนๆ 4 คน ไปทำบุญ 9 วัด กลับมาบ่นพึมพำ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยบ่นเรื่องแบบนี้สั่งก๋วยเตี๋ยวมารับประทานกันมีอย่างอื่นๆ ตามธรรมดา มีน้ำ ต้องจ่ายเงินถึงกว่า 400 บาท เมื่อก่อนประมาณ 200 บาท ผู้เขียนเอาเรื่องนี้มาเอ่ยเพื่อจะบอกว่า ราคาสินค้า บริการ ของกินของใช้สูงขึ้นๆ ทุกเดือน ทุกไตรมาส ทุกปี ส้มราคากิโลกรัมละ 120-150 บาท กล้วยน้ำหว้าหวีละ 30-50 บาท ราคาแก๊สหุงต้มถัง ละ 15 กิโลกรัมเมื่อก่อนประมาณ 200 บาท แต่ทุกวันนี้ราคาเกือบ400 บาทราคาพลังงานที่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิต ต้นทุนความเป็นอยู่ ต้นทุนการขนส่ง ต้นทุนการเดินทางสูงขึ้น คนที่อยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจแบบผู้เขียนก็ทราบถึงการสูงขึ้นของราคาสินค้าของทั้งโลกและของประเทศไทยสูงขึ้นเพราะเหตุใด

บทความของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องทั่วๆ ไปที่ผู้คนพูดคุยกัน จำเป็นต้องอารัมภบทให้เข้าใจ บางเรื่องนำเสนอสั้นๆ ก็เข้าใจได้ แต่บางเรื่องต้องนำเสนอยาว เพื่อให้เกิดความเข้าใจ โดยส่วนตัวไม่ชอบเขียนอะไรยาวๆ พยายามเขียนให้เข้าใจแบบสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางทีก็ว่าสั้นแล้ว แต่เขียนออกมาแล้วก็ยาว ไม่คิดให้ผู้อ่านเชื่ออย่างเดียวโดยไม่เข้าใจ แต่พยายามนำเสนอให้เกิดความเข้าใจแล้วจึงค่อยเชื่อ จึงต้องมีข้อมูลประกอบการเขียนด้วย

แต่ผู้อ่านส่วนมากก็ไม่ค่อยชอบข้อมูล คล้ายๆ ว่า บอกมาเลย เป็นอย่างไร ไม่ต้องมีข้อมูลก็ได้ พร้อมที่จะเชื่ออะไรง่ายๆ อันนี้เป็นข้อเสียของคนไทย จึงถูกคนมีชื่อเสียงเช่นนักการเมืองหรือพวกมิจฉาทิฐิจูงจมูกได้ง่าย จูงไปทางซ้ายก็ไปซ้าย จูงไปทางขวาก็ไปขวา มีการนำข้อมูลเท็จมาลวงหลอกอีก ใช้สื่อโฆษณาซ้ำแล้วซ้ำอีก สื่อก็คือสิ่งอันตรายของโลกทุนนิยม ส่วนใหญ่สื่อจะทำเพื่อเงินและรับใช้กลุ่มผลประโยชน์ใครมีเงินมีผลประโยชน์ก็ได้สื่อมาเป็นพวกพาคนเข้ารกเข้าพงลึก กู่ไม่กลับ ไม่เฉพาะแต่คนธรรมดาทั่วไป อาจารย์มหาวิทยาลัยก็ไม่รอด ทำให้เกิดการแตกต่างทางความเชื่อแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ความเข้าใจไม่ทำให้เกิดความแตกแยก ความเชื่อแบบงมงายทำให้เกิดความแตกแยก

ราคาสินค้าและบริการเป็นเรื่องสำคัญ เป็นทุกข์สุขของคนในประเทศการสูงขึ้นของราคาสินค้าและบริการอย่างมีนัยสำคัญตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนไม่มีความสุข

การสูงขึ้นของราคาสินค้าและบริการ เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก

1) มีสิ่งผิดปกติในระบบเศรษฐกิจของโลกทุนนิยม ตลาดหุ้นคือสิ่งผิดปกติของโลกทุนนิยม สินค้าในตลาดหุ้นถูกพัฒนาให้เป็นตลาดอบายมุขอย่างขาดความเข้าใจ เมื่อก่อนมีการซื้อขายใบหุ้นอย่างเดียว คนที่อยากจะลงทุนในหุ้น ก็เข้าไปซื้อหุ้น ก็จะได้เป็นเจ้าของหุ้น ไม่อยากลงทุนก็ขายออก ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน

แต่ทุกวัน ไม่เป็นแบบที่กล่าวแล้ว ตัวเลขของราคาต่างๆ สามารถนำมาซื้อขายในตลาดหุ้นได้ เรียกว่าตลาดล่วงหน้า หรือ Futures Market อยู่ที่ว่าจะเอาตัวเลขอะไรมาซื้อขาย ตัวเลขการขึ้นลงของอุณหภูมิอากาศก็สามารถนำมาซื้อขายได้ ตัวเลขดัชนีตลาดหุ้นเช่น DJIA Index NASDAQIndex FTSE Index NIKKEI Index ฯลฯ ก็เอามาซื้อขายกัน

ตลาดหุ้นประเทศไทย เอาตัวเลข SET50 Index ตัวเลขดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรม ตัวเลขหุ้นเป็นตัวๆ ตัวเลขราคาโลหะเช่นตัวเลขราคาทองคำ ตัวเลขค่าเงิน เช่นตัวเลขค่าเงินเหรียญสหรัฐ ฯลฯ มาซื้อขายในตลาดหุ้น

การซื้อ-ขายตัวเลขซึ่งไม่ต่างอะไรกับการซื้อขายตัวเลขหวยบนดิน หวยใต้ดิน หรือตัวเลขสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ผู้คนทราบดีว่าเป็นการพนัน เป็นอบายมุข

พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ อบายมุขคือทางแห่งความฉิบหาย ทางแห่งความเสื่อม อบายมุข 6 ได้แก่เสพสุราและของมึนเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเล่น การพนัน (ตลาดหุ้น) คบคนชั่วเป็นมิตร การเกียจคร้านการงาน

การซื้อขายตัวเลขหวยบนดิน หวยใต้ดิน หรือตัวเลขสลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้คนยังพอรู้ว่าเป็นอบายมุข แต่ตัวเลขที่ซื้อขายในตลาดหุ้น ผู้คนแทบไม่รู้เลยว่าเป็นอบายมุข อาจจะเป็นเพราะคำว่าตลาดหุ้นนั่นเอง ที่เบี่ยงเบนความรู้ของผู้คน

การซื้อขายล่วงหน้าในตลาดหุ้น ก็คือการซื้อขายตัวเลขที่ไม่มีตัวตนของสินค้าเป็นการซื้อขายสัญญาของตัวเลขซื้อเรียกว่า Long ขายเรียกว่า Short

สมมติว่า เมื่อคิดว่าตัวเลขนั้นจะขึ้น ก็จะ Long Open (เปิดสัญญาซื้อ) เมื่อตัวเลขดังกล่าวขึ้นมาก็ขายเรียกว่า Long Close (ปิดสัญญาซื้อ) ในทางตรงกันข้าม เมื่อคิดว่าตัวเลขนั้นจะตก ก็จะ Short Open (เปิดสัญญาขาย) เมื่อตัวเลขดังกล่าวตกจริงก็ขาย เรียกว่า Short Close (ปิดสัญญาขาย) หากซื้อหรือขายตัวเลขถูกทิศทางจะทำให้มีกำไรมาก แต่ถ้าซื้อหรือขายผิดทิศทางจะทำให้ขาดทุนมาก และอาจจะถูกบังคับให้ปิดสัญญาได้

มีสินค้าอื่นๆ อีกมาก คล้ายๆ กับซื้อขายล่วงหน้า ยากแก่ที่คนทั่วไปจะเข้าใจตลาดล่วงหน้า Futures Market สามารถทำกำไรได้ทั้ง 2 ขา ทั้งขาขึ้นและขาลง ซื้อ-ขายได้ตลอดเวลาที่ยากจะซื้อหรืออยากจะขายผิดกับตลาดหุ้นที่เคยเป็นมา หากยังไม่มีหุ้นอยู่ในพอร์ต ก็ต้องซื้อหุ้นเข้ามาก่อน จึงจะนำมาขายได้ หากไม่มีหุ้นในพอร์ตก็ขายไม่ได้

ตลาดล่วงหน้า ทำให้ตลาดหุ้นมีความเป็นการพนันหรือเป็นอบายมุขที่เข้มข้นขึ้น ทุนสามานย์หรือขาใหญ่โลก คุมตลาดทุนโลก ผู้เขียนนำเสนอบ่อยครั้งคนคุมเศรษฐกิจโลกตัวจริงคือทุนสามานย์โลก เป็นผู้คุมตลาดทุนโลก มีการสวมรอยปั่นตัวเลขให้ขึ้นลงมากๆ เพื่อทำกำไร ปั่นตัวเลขขึ้นมากเท่าใดก็กำไรมากเท่านั้นและปั่นตัวเลขลงมากเท่าใดก็ทำให้มีกำไรมากเช่นกัน ทำกำไรได้ทั้ง 2 ทางคนคุมตลาดทุนโลกได้จะมั่งคั่งกว่าใคร สินทรัพย์และทุนของโลกทุกวันนี้จึงตกเป็นของทุนสามานย์เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ทุนท่วมโลก จะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยโลกทุกวันนี้อยู่ในระดับต่ำมาก เนื่องจากเงินทุนท่วมโลกนั่นเอง เงินท่วมโลกไม่ใช่ว่าคนส่วนใหญ่ของโลกมั่งคั่ง มีเฉพาะทุนสามานย์เท่านั้นที่มั่งขึ้น แต่ประชากรโลกยากจนลง ทั้งนี้เพราะราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นตลอดเวลา เงินเฟ้อโลกสูงขึ้นตลอดเวลา

ตลาดหุ้นและตลาดเงินมีความสัมพันธ์ต่อกัน ตลาดหุ้นขึ้นค่าเงินก็ขึ้น ราคาสินค้าจะตกต่ำลงตลาดหุ้นตกค่าเงินก็ตก ราคาสินค้าจะสูงขึ้น

ตลาดหุ้นไทยเคยพังทลายมาแล้ว 2 ครั้ง คือในปี 2521 และปี 2537 การพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2521 ทำให้ค่าเงินบาทเสียหาย จนต้องมีการประกาศ “ลด” ค่าเงินบาท และขอเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF เงินบาทที่เคยอยู่ที่ระดับ 17 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ลงมาเหลือ 25-26 บาทต่อเหรียญสหรัฐ การพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2537 ก็ทำให้ค่าเงินบาทเสียหาย จนต้องมีการประกาศ “ลอย” ค่าเงินบาท และขอเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF อีกเป็นครั้งที่ 2 เงินบาทที่เคยอยู่ที่ระดับ 25-26 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ก็ลงไปที่50-55 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 30-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ (มีรายละเอียดประกอบ ทำไมค่าเงินบาทจึงอยู่ที่ 30-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐเคยกล่าวถึงเรื่องนี้มาแล้วแต่ของดที่จะกล่าวถึงในที่นี้ เพราะจะทำให้บทความยาวเกินไป)

ค่าเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐแสดงให้เห็นการพังทลายของค่าเงินบาท ที่เป็นผลมาจากการพังทลายของตลาดหุ้น วงกลมทางซ้ายคือการพังทลายของค่าเงินบาทหลังการพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2521(1978) วงกลมทางขวา คือการพังทลายของค่าเงินบาทหลังการพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2537 (1994)

นี่คือความผิดปกติในระบบเศรษฐกิจของโลกทุนนิยม การผันผวนของตลาดทุนตลาดเงิน ทำให้ราคาสินค้าผันผวน การพังทลายของตลาดทุน ทำให้ค่าเงินพังทลายเป็นกลไกที่เข้าใจได้ ค่าเงินพังทลายลง ก็คือต้องใช้เม็ดเงินมากขึ้นในการซื้อสินค้าและบริการในปริมาณเท่าเดิม ทำให้เห็นว่าราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น หรือเงินเฟ้อสูงขึ้น ค่าเงินเมื่อพังทลายแล้ว ยากที่จะฟื้นมาสู่ระดับเดิมได้ ทำให้ราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้นมาแล้วยากที่จะตกต่ำมาที่ระดับเดิมได้ อาจจะมีบ้างที่สินค้าบางอย่างบางครั้งผลิตออกมาเกินความต้องการ Over Supply ทำให้ราคาตกต่ำลง

การตกต่ำของค่าเงินท้องถิ่น ทำให้การส่งออกได้เงินท้องถิ่นมากขึ้น แต่การนำเข้าก็ต้องใช้เงินท้องถิ่นมากขึ้นเช่นกัน เช่น การนำเข้าพลังงานในอดีต เป็นต้น

ความผิดปกติค่าเงินของท้องถิ่นนี้ เป็นปัจจัยภายในประเทศ (1.1)

เป็นแบบเดียวกันทุกประเทศ ค่าหุ้นประเทศใดเสียหาย ค่าเงินของประเทศนั้นก็เสียหาย

ค่าเงินเหรียญสหรัฐเทียบกับเงินยูโร แสดงให้เห็นถึงการพังทลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐ การพังทลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐเกิดขึ้นหลังการพังทลายของตลาด NASDAQ ในปี 2000 จะเห็นว่าค่าเงินเหรียญสหรัฐเริ่มตกในปี 2000-2001 ส่งผลให้เกิดความเสียหายไปทั่วโลก เช่น ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้น เงินเฟ้อเกิดขึ้นทั่วโลก

ราคาน้ำมันแสดงการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน (Brent) หลังการพังทลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000 จะเห็นว่าราคาน้ำมันก็สูงขึ้นหลังปี 2000 ขึ้นไปสูงสุดกลางปี 2008ค่าเงินเหรียญสหรัฐพังทลายลง ก็คือต้องใช้เงินเหรียญสหรัฐมากขึ้นในการซื้อน้ำมันในปริมาณเท่าเดิม ทำให้เห็นว่า ราคาน้ำมันสูงขึ้น

ความผิดปกติเกิดนอกประเทศไทย เป็นปัจจัยภายนอกประเทศ (1.2)

การพังทลายของตลาด NASDAQ ของอเมริกาในปี 2000 ส่งผลให้เงินเหรียญสหรัฐพังทลายตามา สกุลเงินเหรียญสหรัฐเป็นสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นเงินสกุลหลักของโลก ราคาสินค้าและบริการทั่วโลกจะอ้างอิงกับเงินเหรียญสหรัฐ เมื่อเงินเหรียญสหรัฐเกิดความเสียหาย จึงทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นทั่วโลก ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น ราคาสินค้าอุตสาหกรรมสูงขึ้น ราคาทองคำสูงขึ้น ราคาน้ำมัน ราคาพลังงานก็สูงขึ้น

ราคาพลังงานเป็นต้นทุน ของการผลิตสินค้าและการบริการที่สำคัญของโลก เมื่อราคาพลังงานสูงขึ้น จึงทำให้ราคาสินค้าและบริการทั่วโลกสูงขึ้น รวมทั้งประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบในแบบเดียวกัน

2) การไม่มีวิสัยทัศน์ปรัชญาคุณธรรมจริยธรรมของผู้บริหารประเทศ ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และมีคุณธรรม จะมีความห่วงใยประเทศชาติประชาชน จะทำให้ราคาสินค้าและบริการมีเสถียรภาพ เกิดความเป็นธรรมความล้มเหลวทางวิสัยทัศน์ปรัชญาคุณธรรมจริยธรรมของผู้บริหารประเทศ แสวงหาตำแหน่งหน้าที่ ได้ตำแหน่งหน้าที่แล้วก็นำมาหาประโยชน์ส่วนตน เกิดประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ระบบเสียหายทำให้ราคาสินค้าและบริการเสียหาย

ปตท.เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนแบ่งผู้ถือหุ้นปตท. (PTT) คลังถือหุ้น 51.11 เปอร์เซ็นต์ แทบไม่แตกต่างจากเอกชนอื่นที่ถือหุ้นปตท. 48.89 เปอร์เซ็นต์ อาจจะเรียกว่าถือจำนวนหุ้นเท่าๆ กันก็ได้

เอกชนไทยรวมต่างชาติถือหุ้น ปตท.มี 53,818 ราย รวม 48.59 เปอร์เซ็นต์กระทรวงการคลังถือหุ้น ปตท.แทนคนไทย 64.82 ล้านคน เท่ากับ 51.11 เปอร์เซ็นต์

พลังงานคือทรัพยากรของระบบหรือของรัฐ จะต้องเป็นของคนไทยทั้งชาติผู้เกี่ยวข้องใช้วิธีที่เบี่ยงเบนออกกฎระเบียบ ออกกฎหมาย โฆษณาชวนเชื่อฉ้อฉล เอาไปเป็นของส่วนตน จนเหลือเป็นของรัฐเพียงเล็กน้อย

กิจการพลังงานของประเทศไทย มีส่วนแบ่งมูลค่าสูงที่สุดในตลาดหุ้น 22.22 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1 ใน 4 ของมูลค่าตลาดรวม

PTTEP (ปตท.ผส.) ที่ ปตท.ถือหุ้น 65.92 เปอร์เซ็นต์ ก็คือเป็นของกระทรวงการคลัง 33.37 เปอร์เซ็นต์ เป็นของเอกชน 31.92 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเอาส่วนแบ่งเอกชนผู้ถือหุ้น ปตท.นี้ ไปรวมกับผู้ถือหุ้นเอกชนอื่น (31.92+34.71) ได้เป็นของเอกชนล้วนๆ 66.63 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่า PTTEP ไม่ใช่ของกระทรวงการคลัง หรือไม่ใช่คนไทยแต่อย่างใดรัฐไม่ใช่เป็นผู้ถือหุ้นเสียงข้างมาก

เมื่อคิดด้วยวิธีเดียวกัน ในบริษัทที่เหลือ ได้ข้อมูลส่วนแบ่งของเอกชนดังนี้PTTGC เป็นของเอกชนล้วนๆ (23.92+51.09) เท่ากับ 75.01 เปอร์เซ็นต์

TOP เป็นของเอกชนล้วนๆ (24.00+50.90) เท่ากับ 74.90 เปอร์เซ็นต์

IRPC เป็นของเอกชนล้วนๆ (18.83+61.49) เท่ากับ 80.32 เปอร์เซ็นต์

BCP เป็นของเอกชนล้วนๆ (13.31+62.80) เท่ากับ 76.11 เปอร์เซ็นต์

เอาข้อมูลจากตาราง “ความสัมพันธ์ปตท.และบริษัทลูกในตลาดหลักทรัพย์-1” มาแจกแจงใหม่ โดยแยกผู้ถือหุ้นใน ปตท.ออกมาเป็นของกระทรวงการคลังกับเอกชน ทำให้ได้ข้อมูลในตาราง “ความสัมพันธ์ปตท.และบริษัทลูกในตลาดหลักทรัพย์-2” จะทำให้เห็นว่ากระทรวงการคลังถือหุ้นแต่ละบริษัทเป็นอัตราส่วนเท่าใด เอกชนถือหุ้นในแต่ละบริษัทเป็นอัตราส่วนเท่าใด

PTTEP (ปตท.สผ.) ที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 2 ในตลาดหลักทรัพย์ เป็นบริษัทลูกของ PTT (ปตท.) เข้าจดทะเบียนก่อนบริษัทแม่ เคยคิดว่าเป็นของรัฐ เป็นของประชาชนเป็นของกระทรวงการคลัง แต่เมื่อแจกแจงอัตราส่วนผู้ถือหุ้นตามตารางความสัมพันธ์ฯ 2 แล้ว พบว่ากระทรวงการคลังไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กระทรวงการคลังถือหุ้นเพียง 33.37 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เป็นของเอกชนถึง 66.63 เปอร์เซ็นต์

เมื่อก่อน BCP (บางจาก) ก็เป็นของคนไทย เป็นของกระทรวงการคลัง 100 เปอร์เซ็นต์ ดูตามตารางข้างบนเห็นว่ากระทรวงการคลังถือหุ้นโดยตรง 9.98 เปอร์เซ็นต์ สรุปออกมาแล้ว กระทรวงการคลังถือหุ้นบางจากเพียง 23.89 เปอร์เซ็นต์(รวมกับที่ถือหุ้นผ่านปตท.) เป็นของเอกชนไปแล้ว 76.11 เปอร์เซ็นต์

ผู้บริหารระดับสูงชุดใหม่ให้สัมภาษณ์ว่า เพื่อให้พ้นจากการแทรกแซงของนักการเมือง จะมีการแปรรูป BCP ให้เป็นเอกชน 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะหมายถึง 9.98 เปอร์เซ็นต์ที่กระทรวงการคลังถือไว้ เอาออกมาเป็นของเอกชนให้หมด

บางจากมีโรงกลั่นเป็นของตนเอง ทำการตลาดสินค้าด้วยตัวเอง มีปั๊มน้ำมันเป็นของตัวเอง ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ ค่าเสื่อมต่างๆ ลดลง น่าจะมีกำไรดี มูลค่าสินทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์น่าจะสูงขึ้น

คำว่า “เพื่อให้พ้นจากการแทรกแซงของนักการเมือง” เป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น มิจฉากรรมที่ทำกับทรัพยากรของประเทศทุกภาคส่วนตลอด 40-50 ปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากนักการเมือง และมิจฉากรรมที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรทุกภาคส่วนของประเทศทุกวันนี้ ก็คือการกระทำของนักการเมืองหรือแบบนักการเมืองนั่นเอง

ค่าเฉลี่ยส่วนแบ่งกิจการพลังงานทั้งระบบแบบถ่วงน้ำหนัก ตามตาราง “ความสัมพันธ์ปตท.และบริษัทลูกในตลาดหลักทรัพย์ไทย 2” พบว่าเป็นของกระทรวงการคลังหรือเป็นของประชาชนคนไทย 38.90 เปอร์เซ็นต์ เป็นของเอกชน61.10 เปอร์เซ็นต์

ดูแล้วกิจการพลังงานในส่วนของน้ำมันและก๊าซ ที่บอกว่าเป็นทรัพยากรของแผ่นดิน เป็นของคนไทยทั้งชาติ เป็นของรัฐมันไม่ใช่ของรัฐไม่ใช่ของคนไทยแล้วมีส่วนเป็นของคนไทยน้อยมาก แทนที่จะเป็นของเอกชน 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นของรัฐ 75 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องกลับตาลปัตร

เป็นของเอกชนถึง 61.10เปอร์เซ็นต์

เหลือเป็นของรัฐเพียง 38.90 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

โครงสร้างกิจการพลังงานของไทย ทำราคาพลังงานของไทยสูง การนำกิจการพลังงานทั้งระบบเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ทำให้ต้องทำกำไรให้ผู้ถือหุ้น บริษัทสำรวจขุดเจาะและจัดหาวัตถุดิบก็ทำกำไรให้ผู้ถือหุ้น บริษัทโรงกลั่นและแยกก๊าซก็ทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นทำให้มีกำไรหลายต่อ ต่อไปท่อก๊าซที่ว่าให้เป็นของปตท.100 เปอร์เซ็นต์บอกว่าจะเอาตลาดหุ้นอีก แบ่งเป็นปตท.ถือหุ้นเท่าใด เอกชนถือหุ้นเท่าใด ก็ต้องไปทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นอีก ทำให้มีการทำกำไรหลายต่อมากขึ้นไปอีก ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันและก๊าซสูงขึ้นไปอีก

ผู้บริหารระดับสูงในกิจการพลังงานของประเทศอ้างว่า ที่ราคาขายปลีกน้ำมันในบางประเทศต่ำ เป็นเพราะได้รับการชดเชยจากรัฐ ก็เป็นไปได้ อาจจะมีการชดเชยจากรัฐได้ ดูจากข้อมูลในตารางข้างบนนี้ แม้จะมีการชดเชย 100 เปอร์เซ็นต์ตามราคาขาย ทำให้ราคาขายขึ้นมาเป็น 42.02 บาทต่อลิตร (21.02+21.02 = 42.04) ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ของมาเลเซียก็ยังต่ำกว่าราคาของประเทศไทย ขณะที่ราคาเบนซิน 95 ของไทย 48.75 บาทต่อลิตร ข้ออ้างดังกล่าวเป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น

การที่ราคาน้ำมัน 2 แหล่งแตกต่างกันมาก ทำเกิดตลาดมืดน้ำมันมาก ทำให้มีน้ำมันเถื่อนมาก

ตัวอย่างผลประโยชน์ทับซ้อน

จากส่วนแบ่งกิจการพลังงานของประเทศไทย ทำให้ทราบว่ากิจการพลังงานของประเทศไทยไม่ใช่ของรัฐ แต่เป็นของเอกชน ข้าราชการจะต้องเป็นผู้ดูแลกฎ (Regulator) ไม่ใช่เข้าไปเป็นผู้บริหารบริษัท (Operator) การที่ข้าราชการระดับสูงเข้าไปเป็นกรรมการในบริษัทเอกชนต่างๆ ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน

ตัวอย่างความไม่เป็นธรรมในการใช้ LPG ของประเทศไทย

แก๊ส 1 ถังขนาด 15 กิโลกรัม ราคาเกือบ 400 บาท ประชาชนต้องถูกรีดเข้ากองทุนน้ำมันกิโลกรัมละ 4.75 บาทหรือตกถังละ 71.25 บาท ส่วนปิโตรเคมี (เอกชน) ใช้ LPG มากที่สุด ถูกเก็บแค่กิโลกรรมละบาท

สรุป พลังงานของประเทศไทยราคาสูงมาจาก 2 สาเหตุ

1) มีสิ่งผิดปกติในระบบเศรษฐกิจของโลกทุนนิยม ตลาดหุ้นคือสิ่งผิดปกติของโลกทุนนิยม ตลาดหุ้นพังทลาย ทำให้ค่าเงินพังทลาย ทำให้ราคาพลังงานของไทยสูงขึ้น
1.1 ตลาดหุ้นในประเทศพังทลาย (พ.ศ.2521, พ.ศ.2537) ทำให้ค่าเงินบาทพังทลาย ทำให้ราคาสินค้าและบริการ รวมทั้งราคาน้ำมันและก๊าซสูงของประเทศไทยสูงขึ้น เป็นปัจจัยภายในประเทศน่าจะบริหารจัดการได้

1.2 ตลาดหุ้นขนาดใหญ่ของโลกคือตลาดหุ้นสหรัฐฯ พังทลาย (พ.ศ.2543 หรือ ค.ศ. 2000) ทำให้เงินเหรียญสหรัฐพังทลาย ทำให้ราคาสินค้าและบริการ รวมทั้งราคาน้ำมันและก๊าซสูงของโลกสูงขึ้น เป็นปัจจัยภายนอกประเทศ ระบบเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าเข้าใจและปฏิบัติได้จริง จะช่วยเรื่องนี้ได้

2) การไม่มีวิสัยทัศน์ปรัชญาคุณธรรมจริยธรรมของผู้บริหารประเทศ ผลประโยชน์ทับซ้อน หาประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศ ทำให้โครงสร้างกิจการพลังงานเบี่ยงเบนไปจากที่ควรจะเป็น ทำให้มีการทำกำไรหลายต่อ ไม่กำหนดราคาซื้อวัตถุดิบให้เป็นไปตามต้นทุนการผลิตที่เป็นจริง แต่เอาไปผูกพันราคานำเข้ารวมค่าขนส่งแทนดื้อ

http://www.youtube.com/watch?v=VaeQzVbfa_s&feature=youtu.be&app=desktop

ทำให้ตัวเลขต้นทุนการผลิตสูง ทำให้ราคาผลิตภัณฑ์สุดท้ายสูง กำไรตกเป็นของเอกชน แต่ความเดือดร้อนเป็นของประชาชน

การกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ต้องไปแจกเงินช่วยชาวชาวนาหรือชาวสวนยาง ที่ทำไปก็เหมือนฝนตกไม่ทั่วฟ้า เพียงแต่รัฐบาลทำราคาพลังงานให้เป็นจริงตามกลไกการผลิตที่ดี จะทำให้ราคาพลังงานลดลงได้มากเหมือนกับราคาพลังงานของประเทศมาเลเซีย ก็จะทำให้ประชาชนมีเงินเหลือมาก ทำให้ฝนตกทั่วฟ้าได้มากกว่า ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้มากกว่า

แผ่นดินไทยจะดีขึ้นอย่างไร การช่วยชาวนาใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท เทียบไม่ได้กับการโกงในนโยบายรับจำนำข้าวที่สูงถึง 700,000 ล้านบาท ที่ทำให้เงินหายไปจากระบบอย่างมาก และประชาชนต้องมาร่วมกันใช้หนี้พันธบัตรที่ คสช.นำไปชดใช้ความเสียหายจากที่รัฐบาลก่อนหน้าทำไว้อีกต่างหาก

มีคนหรือเอกชนไทยและต่างชาติเพียง 243,757 ราย ที่ถือหุ้นพลังงาน และเอกชนอื่นๆ จำนวนหนึ่งที่มีอุตสาหกรรมเกี่ยวกับพลังงานในประเทศไทย เช่น เชฟรอนที่ได้รับผลประโยชน์จากกิจการพลังงานของไทยทุกวันนี้อย่างมาก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับความเดือดร้อนและไม่มีความสุขจากการที่ราคาพลังงานอยู่ระดับสูง ราคาพลังงานที่สูงคือพาลภัยที่สำคัญที่ทำร้ายคนไทย

กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการนโยบายพลังงาน และคณะรัฐมนตรีกินเงินเดือนจากภาษีของคนไทยดูจากการบริหารจัดการกิจการพลังงานที่ผ่านมา อาจจะคิดว่าทำเพื่อประเทศชาติประชาชน เพื่อความมั่นคงพลังงานของประเทศ แต่เมื่อดูส่วนแบ่งกิจการพลังงานทั้งระบบแล้ว ทราบว่ากิจการพลังงานของประเทศไทยเป็นของเอกชนถึง 61.10 เปอร์เซ็นต์ เป็นของรัฐเพียง 38.90 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ทราบว่าผลประโยชน์ต่างๆ ตกเป็นความมั่งคั่งของเอกชนอย่างมาก มากกว่าจะเกิดเป็นความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

หากว่ากิจการพลังงานของประเทศเป็นของรัฐ 75 เปอร์เซ็นต์หรือ 100 เปอร์เซ็นต์ จะขึ้นราคาพลังงานเท่าใด จะเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงานเท่าใด จะไม่มีใครตำหนิหรือวิจารณ์ เพราะธุรกรรมที่ทำนั้นเป็นสัมมาปฏิบัติ ผลประโยชน์จะกลับมาเป็นของประเทศชาติหรือประชาชนเป็นส่วนใหญ่ แท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น