ชาวนาบุรีรัมย์แห่ขึ้นทะเบียนรับเงินไร่ละพัน ขู่แจ้งเท็จผิดกฎหมาย

บุรีรัมย์ - ชาวนาบุรีรัมย์แห่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวที่เกษตรอำเภอทั้ง 23 อำเภอคึกคัก แห่งละ 200-300 รายต่อวัน เพื่อรับเงินช่วยเหลือไร่ละพันบาทตามมาตรการเร่งด่วนรัฐบาล เผยรายเดิมขึ้นทะเบียนไว้ทั้งจังหวัดมากกว่า 130,000 ราย ด้านเกษตรจังหวัดขู่ห้ามแจ้งข้อมูลเท็จเพราะสามารถตรวจสอบได้ หากพบมีความผิดตามกฎหมาย ขณะชาวนาพอใจต้องการให้รัฐบาลทำต่อเนื่อง

วันนี้ (9 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาในหลายอำเภอที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้แห่นำหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน และเอกสารสิทธิในที่ดินทำกิน มาเข้าคิวรอขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่สำนักงานเกษตรอำเภอแต่ละอำเภออย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองบุรีรัมย์ เพียงแห่งเดียวมีชาวนามารอขึ้นทะเบียนวันละกว่า 300 ราย หลังจากที่รัฐบาลได้ออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือชาวนาโดยการจ่ายเงินเป็นต้นทุนในการทำนาให้เกษตรไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่

โดยบางวันมีเกษตรกรมารอขึ้นทะเบียนเป็นจำนวนมาก จนเจ้าหน้าที่ให้บริการไม่ทันต้องขยายเวลาให้บริการออกไปจนถึง 5 โมงเย็น ซึ่งแต่ละอำเภอมีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแห่งละ 200-300 ราย

ทั้งนี้ ผู้ที่มาขึ้นทะเบียนช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายใหม่ที่ไม่ได้ใส่ใจการขึ้นทะเบียนเพราะเห็นว่าไม่สำคัญ แต่หลังจากรัฐบาลมีโครงการดังกล่าวจึงได้มาแจ้งขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือดังกล่าว ซึ่งเปิดให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2557

นายปัญญา ศิลปะ เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการให้ชาวนามาลงทะเบียนผู้ปลูกข้าวตั้งแต่เดือน ก.ค. 2557 ซึ่งจากข้อมูลสถิติพบว่าได้มีเกษตรกรรายเดิมมาแจ้งขึ้นทะเบียนไว้แล้วกว่า 130,000 ราย จากเป้าหมายที่คาดการณ์ว่าจะมีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนกว่า 150,000 ราย

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกษตรกรมาแจ้งขึ้นทะเบียนแล้ว จะให้คณะกรรมการฯ ออกตรวจสอบข้อเท็จจริงและตรวจแปลงว่ามีการเพาะปลูกข้าวจริงหรือไม่ โดยจะมีการปิดประกาศตามหมู่บ้าน 3 วันให้เกษตรกรมาตรวจสอบด้วย ก่อนที่จะออกหนังสือรับรองเพื่อรับเงินช่วยเหลือดังกล่าวต่อไป

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะมีชาวนาที่เคยทำนาแปลงใหญ่กลับมาแจ้งว่าทำนาแปลงเล็กแค่ 15 ไร่ ส่วนที่เหลือแบ่งให้คนอื่นเช่าและจะมาขอสิทธิ์ดังกล่าว ดังนั้น จึงขอเตือนว่าเรามีระบบการตรวจสอบที่เข้มงวด หากตรวจสอบพบจะถูกแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายฐานแจ้งข้อมูลเท็จ และหากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านรายใดรับรองการแจ้งข้อมูลเท็จให้แก่เกษตรกรก็จะมีความผิดด้วยเช่นกัน

ด้านนางพิกุล คำสัตย์ อายุ 43 ปี ชาวนา บ้านโคกเพชร ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ดีใจที่รัฐบาลออกมาตรการดังกล่าวเพราะสามารถแบ่งเบาภาระต้นทุนให้ชาวนาได้ ดีกว่าหลายๆ โครงการที่ผ่านมา และอยากให้ทำอย่างต่อเนื่องทุกปี พร้อมขอเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องราคาผลผลิตข้าวในปีนี้ให้อยู่ที่จุดคุ้มทุนด้วย