xs
xsm
sm
md
lg

เขียนให้ชัดกู้8แสนล. ผวาซ้ำหนี้ต้มยำกุ้ง อุ๋ยลั่นไม่มีทางเลือก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - อดีตขุนคลัง "กรณ์ จาติกวณิช" เชื่อคนไทยก้มหน้ายอมรับหนี้ 30 ปี ผลพวงทุจริตในโครงการจำนำข้าว เทียบได้กับการออกบอนด์ชดเชยหนี้กองทุนฟื้นฟูอุ้มแบงก์ สมัยต้มยำกุ้ง แต่ต้องลากคอคนผิดมารับโทษ แนะให้ตั้งเงื่อนไขการชำระในแต่ละปีที่รวมเงินต้น ไม่งั้นจะซ้ำรอยเป็นหนี้สาธารณะถาวร ด้านหม่อมอุ๋ยอ้างไม่มีทางเลือกอื่น ส่วนทนายยิ่งลักษณ์ "ท้า "วิชา" โชว์หลักฐานโกงข้าว "วิชา" คาด “ป.ป.ช.-อสส.” ได้ข้อสรุปยื่นฟ้องปู 7 พ.ย.นี้

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว "Korn Chatikavanij" ถึงการใช้หนี้ในโครงการจำนำข้าวซึ่งขาดทุนมหาศาล โดยรัฐบาลมีแนวคิดที่จะออกพันธบัตร 30 ปี มูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท เพื่อชำระหนี้ นั้นถือเป็นความคิดที่ดีในการบริหารจัดการหนี้

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องมีความรอบคอบ เพราะความเสียหายครั้งนี้ ถือว่าใหญ่หลวง และไม่ใช่ประเด็นทางการเมืองอีกต่อไป แต่เป็นบรรทัดฐานหลักการบริหารบ้านเมือง ซึ่งคนไทยต้องร่วมแบกหนี้ไปอีก 30 ปี แต่ชาวนายังคงจนเหมือนเดิม ส่วนคนโกงยังลอยตัว ดังนั้นต้องนำคนผิดมาลงโทษให้จงได้

สำหรับรายละเอียดที่นายกรณ์โพสต์ข้อความไว้ดังนี้...

หนี้จำนำข้าวของคนไทยทุกคน

แนวคิดรัฐบาลที่จะออกพันธบัตร 30 ปี มูลค่ารวม 800,000 ล้านบาท เพื่อมาชดเชยความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวรวม 3 ฤดู เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ

ที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะถ้าต้องตั้งงบประมาณมาชดเชยด้วยเงินภาษี (เหมือนในงบปีปัจจุบันที่ตั้งงบชดเชยจำนำข้าวไว้ 70,000 ล้านบาท) จะมีผลกระทบกับการพัฒนาประเทศไปอีกร่วม 10 ปี จึงมีความจำเป็นต้องแยกส่วนภาระนี้ออกมาเพื่อเฉลี่ยการชำระออกไป และการออกพันธบัตรนี้ คือการบังคับให้มีการปิดบัญชีที่ชัดเจน มิเช่นนั้นหน่วยงานที่รับผิดชอบในกระทรวงพานิชย์ก็จะถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ

ยังไงๆ เราหนีความเสียหายประวัติศาสตร์นี้ไม่ได้ครับ ใครที่วันนี้อายุ 30 ต้องทำงานผ่อนชำระหนี้นี้จนเกษียณ ใครอายุเท่าผมคงต้องรับภาระไปจนตาย

ปัญหาคือที่รัฐบาลบอกว่า จะขายพันธบัตรนี้ให้คนไทย แต่ที่ผ่านมาคนไทยไม่นิยมซื้อพันธบัตรอายุยาวกว่า 5 ปี และเงิน 8 แสนล้านจะมีผลกระทบต่อการดูดสภาพคล่องออกจากระบบอย่างมาก ถ้าจะเดินหน้าจริง กระทรวงการคลังคงต้องพิจารณารายละเอียดวิธีการเพิ่มเติม

ที่ต้องมาปวดหัวเวียนเกล้ากันก็เพราะความเสียหายครั้งนี้ใหญ่หลวงจริงๆ

ส่วนที่ทำใจยากคือประโยชน์ทั้งหมดตกอยู่ที่คนไม่กี่คน ชาวนาก็ยังจนเหมือนเดิม ส่วนคนโกงยังลอยตัว

ครั้งที่แล้วที่ต้องมีการออกพันธบัตรลักษณะนี้คือ 'หนี้กองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงิน' เพื่อชดใช้ความเสียหายจากวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และจนถึงวันนี้ หนี้นี้ยังใช้ไม่หมด ดังนั้นพันธบัตร 'จำนำข้าว' ควรมีเงื่อนไขการชำระในแต่ละปีที่รวมเงินต้นด้วย มิเช่นนั้น หนี้ก้อนนี้จะกลายเป็น 'หนี้สาธารณะถาวร' เหมือนหนี้กองทุนฟื้นฟู

ในสมัยวิกฤตต้มยำกุ้ง มีการฟ้องร้องผู้บริหารสถาบันการเงินจำนวนมากไล่ไปถึงผู้ว่าแบงค์ชาติ ส่วนวันนี้ความผิดยิ่งชัด เพราะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ (ปปช.) ได้เตือนรัฐบาลอย่างชัดเจนถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

ประเด็นนี้ ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง แต่เป็นบรรทัดฐานหลักการบริหารบ้านเมือง คนไทยไม่มีสิทธิปฏิเสธร่วมแบกหนี้ 30 ปีนี้ แต่เรามีสิทธิเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมทำงาน ถ้ารัฐบาลต้องการให้ประชาชนคนไทยมาช่วยแบกรับภาระหนี้นี้ด้วยการร่วมซื้อพันธบัตร ก็ขอให้ช่วยลงโทษทุกคนที่ทำผิดกฎหมายจนเกิดความเสียหายถึงขนาดนี้ด้วย

***หม่อมอุ๋ยอ้างไม่มีทางเลือก

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวถึงแนวคิดการออกพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อชำระหนี้โครงการรับจำนำข้าวว่า วิธีการนี้เคยดำเนินการมาแล้วในอดีตเมื่อครั้งจัดการปัญหาหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน ส่วนข้อกังวลจะเป็นการชำระหนี้ยาวนานนั้น มองว่าการออกพันธบัตรออมทรัพย์จะช่วยให้ไม่เป็นหนี้ค้างอยู่ในงบประมาณ เพราะไม่เช่นนั้นภาครัฐก็จะไม่มีงบสำหรับลงทุน ดังนั้นต้องจัดการปัญหาหนี้ให้หมด และเป็นวิธีเดียวที่วางไว้ ไม่มีวิธีอื่นสำรอง

“เป็นแนวคิดที่เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรี แต่ขอให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐได้รายงานตัวเลขบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งปิดบัญชีเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมาก่อน จึงจะสามารถสรุปได้ว่ามีความเสียหายเป็นจำนวนเงินถึง 8 แสนล้านบาท ตามที่เคยคาดการณ์ไว้หรือไม่ และเมื่อทราบตัวเลขที่ชัดเจนก็จะเสนอนายกรัฐมนตรีดำเนินมาตรการชำระหนี้ต่อไป” ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว

***ทนายปู"ท้า"วิชา"โชว์หลักฐานโกงข้าว

นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้รับผิดชอบคดีรับจำนำข้าว กล่าวถึง กรณีนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุถึงโครงการรับจำนำข้าวเป็นสุดยอดความชั่วราย และมีการจ่ายเงิน 7 แสนล้านบาทเข้ากระเป๋าพรรคพวก โดยเงินส่วนใหญ่ถูกขนถ่ายออกนอกประเทศไปแล้วว่า เป็นการพูดนอกสำนวน ชี้นำสังคม ทำให้ลูกความตนได้รับความเสียหาย หากมีหลักฐานว่า มีใครโกงจริง ก็ควรส่งหลักฐานให้คณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุดกับ ป.ป.ช. ดีกว่าที่จะมาพูดนอกสำนวน ชี้นำสังคม ทำให้สังคมเกิดความสับสน เข้าใจผิด เท่าที่ปรากฏหลักฐานในการแจ้งข้อกล่าวหากับลูกความของตนก็มีเพียงรายงานของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น ที่เป็นพยานหลักฐาน

***"วิชา" คาดได้ข้อสรุปยื่นฟ้องปู 7 พ.ย.

วานนี้ (21 ต.ค.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีเพิกเฉยไม่ชะลอโครงการรับจำนำข้าวนั้น คณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุดได้นัดประชุมครั้งที่ 3 ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ซึ่งถือว่าเป็นการผ่อนผันให้แล้ว เพราะตามระเบียบจะต้องมีการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 14 วัน โดยคาดว่าวันที่ 7 พ.ย.จะมีข้อสรุปในเรื่องนี้ หากคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.และอัยการสูงสุดสามารถตกลงกันได้ว่าจะให้ยื่นฟ้องศาลได้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น เพราะต้องการให้คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโดยเร็ว แม้ ป.ป.ช.มีความพร้อมที่จะยื่นฟ้องเองก็ตาม แต่ต้องการให้อัยการเป็นผู้ยื่นฟ้องตามขั้นตอนมากกว่า เพราะ ป.ป.ช.ยังมีคดีความอีกมากที่จะต้องไต่สวน

ส่วนความคืบหน้ากรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าวของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนระหว่างการรวบพยานหลักฐาน ซึ่งดำเนินการเกือบจะครบถ้วนแล้ว ขาดเพียงการไต่สวนสอบพยานบุคคลอีก 2-3 ปาก อย่างไรก็ตาม คดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 111 คน ถือว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ ป.ป.ช.ดำเนินการมา.
กำลังโหลดความคิดเห็น