ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ผ่านไปแล้วสำหรับการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลายคนแจกแจงว่า เป็นการประสานงาน เปลี่ยนภารกิจแก่กัน ปรับจูนขนาดความยาวคลื่นให้มันตรง
ฟังๆก็ตลกเหมือนกัน เพราะหลายคนก็หน้าซ้ำๆ กันทั้งในครม. และคสช. แต่ในเมื่อ มาตรา 42 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 กำหนดให้หารือกัน ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า
ขณะที่ผลการประชุมก็ไม่มีอะไรมาก ติดตามงาน 5 ด้าน ทั้งของครม. และคสช. ไม่มีอะไรตื่นเต้นเท่าไหร่ ส่วนเรื่องกฎอัยการศึก ที่ว่าจะเลิกๆ บางพื้นที่มีแนวโน้มส่อลากยาวออกไปไม่มีกำหนด เพราะ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลั่นวาจาไว้แล้ว่า เมื่อปฏิรูปได้ จะผ่อนคลายไปตามลำดับ
แต่ไม่มีการบอกว่า ถ้าปฏิรูปไม่ได้ จะแช่กฎอัยการศึกแบบนี้ไปตลอดหรือเปล่า !!
นอกเหนือจากการประชุมดังกล่าว ส่วนใหญ่ “บิ๊กตู่”ก็ร่ายยาว หนักๆ ไปในเชิงตัดพ้อ ที่ระยะหลังโดนทุบบ่อย โดยเฉพาะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำงานกันกระจ๊อกกระแจ๊ก ทั้งที่เพิ่งผ่านมา 6 เดือน ในร่างเงาคสช. 4 เดือน และร่างเงาของ ครม.เกือบๆ 2 เดือน พลางขอกำลังใจกันอยู่หลายรอบ
ซึ่งกำลังใจมีให้กันอย่างท่วมท้น แต่บางเรื่องบางราวจะใจเย็น ขอเวลากันบ่อยๆ มันก็ไม่ทันทีทันใจประขาชนที่ต้องการรูปธรรมในเวลาอันสั้นมากกว่านามธรรมเพียงอย่างเดียว อย่าลืมว่า คนไทยเป็นโรครักง่าย-หน่ายเร็ว ไม่ค่อยให้โอกาสใครนานๆ ถ้าอยู่แบบความเร็วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ ระวังเสียงสนับสนุนและกำลังใจที่มีจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ แล้วงานทุกอย่างมันจะยากไปอีก
จะว่าคนอื่นใจร้อนไม่ได้ เพราะกางปฏิทิน ชะเง้อดูโรดแมป 3 ระยะของ คสช. ปัจจุบันก็กินเวลาปาเข้าไป 1 ใน 3 แล้ว มันจึงเหลือน้อยเต็มที ในขณะที่บางเรื่องยังนิ่งสนิท ไม่ขยับเขยื้อน ดังนั้น ต้องมีของดีเอามาโชว์ให้เห็นกันบ้าง ให้เห็นว่ามีฝีมือ อย่าให้คนเปรียบเทียบว่า เป็นรองรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่ตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จ น้องๆ “รัฏฐาธิปัตย์”
อย่าอ้างว่า ปัญหาหมักหมมมานาน ต้องใช้เวลา เพราะบางเรื่องไม่ต้องทำให้เสร็จทันทีทันใด เพียงแต่ว่า เริ่มต้นขยับหรือยัง อย่ารอให้กองสุมๆ แล้วทำทีเดียว อนาคตข้างหน้าอาจมีอุปสรรคเข้ามาแทรก อาจทำให้ไม่ทันการณ์ มีจังหวะต้องรีบจ้วงฝีพายไปเลย ขณะเดียวกัน การระบุว่า เพิ่งเป็นรัฐบาลได้เพียง 1 เดือนเศษๆ เอาจริงๆ ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะคสช. ก็มี “บิ๊กตู่”เป็นหัวหน้า อำนาจคับฟ้ายิ่งกว่ารัฐบาล เรียกว่า นับหนึ่งตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ดังนั้น ผลงานทั้งหมดมันก็ควรจะมีมากกว่านี้
ผลงานต้องมีมากกว่าการทำให้ประชาชนหยุดฆ่ากัน แก้ปัญหาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคิดอะไรใหม่ๆให้ประชาชนด้วย
ขณะที่สปช. หลังจากตั้งไข่มานานก็คลอดเป็นรูปเป็นร่างกันแล้ว คงไม่มีเวลามาเอ้อระเหยลอยชายชมนกชมไม้ แต่ต้องไปมองนาฬิกาว่า เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ไฟแทบจะลนก้นกันอยู่แล้ว รีบเสกอะไรเป็นรูปธรรมจับต้องได้มาโดยด่วน เพราะช่วงนี้โดนค่อนแคะหนักว่า เป็นพวกหน้าเดิมๆ ตรงข้ามระบอบทักษิณ ขืนทำออกมาขี้เหร่ อะไรที่เคยด่าๆ เขาไว้ มีหวังโดนย้อนศรกันทุกดอกทุกช็อตว่า ไม่ต่างอะไรกับนักการเมืองทำ
วันนี้แม้ตามกฎหมายจะดูว่า สปช.เพิ่งนับหนึ่งในจุดสตาร์ท แต่ต้องมีกรอบกว้างๆ ในบางเรื่องแล้วว่า จะทำอะไรแบบไหนอย่างไร จะได้มีทิศมีทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา พลังงาน ฯลฯ ตอนนี้ยังไม่เห็นทีท่าเลยว่า จะทำเรื่องไหนให้ดีขึ้นอย่างไร ตอนนี้มีแต่นามธรรมว่า จะปฏิรูปเท่านั้น
แม้เรื่องการปฏิรูปจะเป็นหน้าที่สปช. แต่ก็รู้กันว่า “บิ๊กตู่” เป็นเจ้าภาพใหญ่ ซึ่งก็ลั่นเอาไว้แล้วว่า จะรับผิดชอบ ดังนั้น มันต้องมีไอเดียหรือแนวคิดอะไรอยู่ในใจอยู่แล้วบ้าง ปล่อยนิ่งๆ อยู่แบบนี้ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เผลอๆ จะทำได้แค่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร กับวางรากฐานปฏิรูป ถ้าออกมาแบบนี้เชื่อขนมกินได้ ไม่มีใครจดจำแน่
การปฏิรูปย่อมได้บางอย่างจะรวบรัดเอาทั้งหมดคงไม่ได้ อีกทั้งต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ไม่ได้แก้กันวันสองวันเสร็จ เพราะต้องวางรากฐานกันก่อน แต่บางเรื่องก็ไม่ใช่ว่า จะต้องรอพิธีรีตรองอะไรมากมาย สามารถเสกออกมาได้เพียงไม่กี่วัน ช่วงนี้ประชาชนยังไม่หมดรักต้องรีบปั้นผลงานกันเอาใจกันจะเป็นผลดี
ท่องไว้ขึ้นใจ คนทำอาจรอได้ แต่ประชาชนรอไม่ได้ สุดท้ายก็ตายทั้งคณะ !!
นาทีนี้ช่วงโปรโมชั่นเรื่องรูปธรรมสำคัญที่สุด อำนาจในมือมีมากมาย ไอเดียอันไหนเจ๋งต้องปล่อยของ อย่ารอเวลา มาออกแนวยักตื้นติดกึก ยักลักติดกัก ตลกร้ายระวังจะไม่มีเวลาโชว์
แล้วประเภทบริหารแบบระมัดระวังตัว กลัวเข้าเนื้อ จนไม่เป็นอันทำอะไร ต้องปรับทัศนคติกันใหม่ อะไรเป็นของดีที่ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องสนต้องแคร์ว่า เป็นความคิดใคร พรรคไหน รัฐบาลไหน ใครเคยทำมาก่อน ถ้าดี ถูก เร็ว ต้องกดไฟเขียวสั่งการด่วน
ก็เข้ามาทำเพื่อประชาชน สลายสี ไม่แบ่งแยก แล้วจะไปแคร์ทำไมกับเรื่องพวกนี้ แต่ถ้ายังไม่สามารถสลัดกรอบเดิมๆ ความเป็นอัตตาลงได้ ก็อยู่กันแบบนี้ต่อไป บั้นปลายเริ่มพอจะเดาๆ กันออก นอกจากจะไม่สำเร็จ แล้วยังเสี่ยงจะเละตุ้มเปะอีกด้วย
อย่าลืมว่า วันนี้ทั้งในครม. คสช. สนช. และสปช. ต่างถูกตีตราว่า เป็นพวกนายทหาร ชนชั้นสูง ฝั่งตรงข้ามระบอบทักษิณ บางคนเคยขึ้นเวทีขับไล่แล้วมาได้ดีในยุคนี้ หรือที่ “อ้ายปึ้ง”นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ เย้ยหยันว่า เป็นพวกเจ้าเก่า หน้าเดิม ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นการจัดสรรอำนาจเท่านั้น ดังนั้นหากพังขึ้นมา จะถูกเอาไปเปรียบเทียบกับรัฐบาลนักการเมืองได้ว่า ฝีมืออ่อนหัด ไม่ได้ดีเด่กว่าอะไรเลย มีแต่พูด
ถ้ายังปล่อยระยะเวลาไปแบบนี้ สุ่มเสี่ยงเหลือเกินที่จะไม่เสร็จตามปฏิทินที่กำหนดเอาไว้ ครั้นอยากจะขอทดเวลาบาดเจ็บออกไปเพื่อทำให้สำเร็จ ก็ไม่มีใครทราบได้ว่า เมื่อถึงตอนนั้นจะมีคนเห็นด้วย หรือคัดค้านมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากต่อเวลาไม่ได้ มันจะกลายเป็นการเสียของ เสียเวลา เจ็บตัวฟรีๆ
เวลาบีบเข้ามาจนหายใจรดต้นคอ ต้องรีบตักในช่วงที่น้ำขึ้น เตือนตัวเองว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง โอกาส เวลา และจุดอ่อน มีเยอะกว่ารัฐบาลปกติ
ตั้งสติแล้วสตาร์ท !!
