“บิ๊กตู่” แถลงผลประชุมร่วม ครม.-คสช. สรุปผลงาน 4 เดือนตามโรดแมป รับอาจไม่ทันใจ เผยรัฐลุยเชิงรุก แก้ปัญหาที่หมักหมม แย้มแก้ไม่จบ รบ.นี้ ชงต่อ รบ.ใหม่ ยัน สปช.เริ่มเดือนหน้า ชี้ชาติมีปัญหาทัศนคติ ขอให้กำลังใจรัฐ อ้าง ตปท.เข้าใจ จี้สื่อช่วยแจง อย่าปล่อยตนนอนไม่หลับ ยันคุมสถานการณ์ได้ ขออย่าเร่งเลิกอัยการศึกยกเรื่องความมั่นคง บ่นพวกเห็นต่างเอาแต่ติไม่ร่วมมือ
วันนี้ (7 ต.ค.) ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) กับ คสช.ครั้งที่ 1 ว่า เป็นการประชุมสานต่อการทำงานของ คสช.ซึ่งมีการประสานงานกันมาตลอดอยู่แล้ว และคนที่อยู่ใน ครม.ส่วนใหญ่อยู่ใน คสช.ด้วย จึงมาทบทวนว่าสิ่งที่ผ่านมาแล้วนำไปสู่การบริหารของรัฐบาลระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาต่อเนื่องกันอย่างไร โดยสรุปเป็นไปตามแผนงานของ คสช. และเป็นโรดแมปของ ครม.ด้วยใน 5 กลุ่มงาน ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและจิตวิทยา กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และกิจการพิเศษ ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่าเราต้องเกิดความชัดเจนขึ้นในการทำงาน เพราะสังคมต้องการทราบตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.เราได้ทำงานอะไรไปแล้วบ้าง เพราะบางคนเข้าใจว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย หรือทำแต่เรื่องเล็กน้อย มันต้องทำงานคู่ขนานกันไป แนวทางการทำงานของ คสช.ทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน คือ 1. แนวทางการบริหารราชการปกติในภารกิจของรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดำเนินการตามปกติในเชิงรุก ไม่ใช่เชิงตั้งรับ หรือรอปัญหา หรือทำไปวันๆ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 2. การเร่งรัดการทำงานในเชิงรุก โดยมี คสช.เข้ามาช่วยในเรื่องปัญหาความมั่นคงและเรื่องที่ตัดขัดทางกฎหมาย มีการใช้กำลังพลเรือน ตำรวจ และทหารในงานด้านความมั่นคง รวมถึงพวกตนทำงานโดยการตั้งโจทย์ว่าประเทศไทยมีปัญหาที่ไหนบ้าง เรื่องอะไรบ้าง ในทุกมิติ ทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องมีโจทย์มาให้แล้วเห็น จากปัญหาในอดีตที่ผ่านมาอะไรที่แก้ไขไม่ได้โดยรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้ง เอาโจทย์เหล่านั้นมากำหนดทั้งหมด เมื่อได้โจทย์มาแล้วก็กำหนดวิธีการและบูรณาการขึ้นมาทำใหม่เพื่อทำให้เกิดผลโดยเร็ว และขับเคลื่อนทั้งในส่วนของนโยบาย ทั้งผู้ปฏิบัติและการปฏิบัติ สิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญคือ เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน เราเดินคู่ขนานกันไปทั้งการตรวจสอบ การระงับยับยั้ง การทบทวนใหม่ เรื่องทางกฎหมายต้องส่งให้กระบวนการทางกฎหมายไปพิจารณา เราคงไม่มีอำนาจทางกฎหมายมากนัก ในทุกมิติเราไม่ได้ทำในแบบรัฐบาลที่ผ่านมา แต่เอาปัญหาทั้งหมดที่หมักหมมมานาน ทั้งเรื่องทุจริต ความเหลื่อมล้ำ อาชีพ รายได้ ความเดือดร้อนประชาชนเอามาเป็นตัวกำหนดว่า ทุก 3 เดือนจะทำอย่างไรในการแก้ปัญหาเร่งด่วนทันทีและเกิดผลสัมฤทธิ์ จัดระเบียบบ้านเมืองให้ได้ แต่ปัญหาที่ตามมาเราจะดูแลคนเหล่านี้อย่างไร ซึ่งเป็นปัญหาที่ยากพอสมควร แต่เราทำทั้งสองอย่างไปคู่ขนาน
“อย่ามาบอกว่าเราทำเรื่องกระจ๊อกกระแจ๊กมาตลอด ซึ่งไม่ใช่ เราทำทั้งสองอย่างไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นมิติด้านความมั่นคง มิติเศรษฐกิจ การสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย มองว่าการส่งออกเป็นอย่างไร อย่ามาบอกว่ามันตกต่ำเพราะรัฐบาลบริหารไม่ดี แต่เป็นเพราะเศรษฐกิจโลกว่าอย่างไร เรามีความเข้มแข็งพอหรือไม่ ต้องมาเสริมภาพความเข้มแข็งของเศรษฐกิจเรา ทั้งอุตสาหกรรมการแปรรูป การสร้างมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร ถ้าทุกคนมาร้องเรียนทุกเรื่องมันแก้ไขไม่ได้ เพราะเป็นการการแก้ไขปัญหาชั่วคราว เร่งด่วนทั้งนั้น การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนไม่มีรัฐบาลไหนแก้ไขได้เลย วันนี้เราจะแก้ไขตรงนี้ให้ได้ ทุกอย่างที่หมักหมมมาเป็นเวลานานให้เวลาเราหน่อย เดี๋ยวทุกอย่างจะเริ่ม ตั้งแต่การแก้ปัญหาเร่งด่วนทันที ความเดือดร้อนประชาชน เรื่องกฎหมายจะทำอย่างไรให้ทันสมัยเอื้อประโยชน์ต่อคนมีรายได้น้อยและคนส่วนใหญ่ การดูแลเรื่องรายได้ ภาษี พลังงาน เมื่อทำตรงนี้ได้ก็จะเป็นแผนระยะยาว อะไรที่ปฏิรูปก็ต้องปฏิรูป ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ต้องเริ่มภายในเดือนหน้าโดยเร็ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต่อมาเป็นเรื่องการสร้างสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยเพื่อจะเดินหน้าไปสู่การปฏิรูป อย่าเพิ่งมาถามตนเรื่องกฎหมายพิเศษต่างๆ ให้เกิดการปฏิรูปให้ได้เสียก่อน วันนี้แค่ตั้ง สนช. สปช.ก็มีปัญหามาตลอด ต้องช่วยเราตรงนี้ อย่ามาเพื่อประท้วง แต่ให้ดูว่าเขาจะทำอย่างไรกันต่อไป ไปดูว่าใครที่บอกว่าไม่เป็นธรรมสมัครมาหรือเปล่า ถ้าไม่สมัครมาแล้วใครจะไปเลือกมา ต้องสมัครเข้ามาตามขั้นตอน ซึ่งถ้าสมัครเข้ามาเขาก็เลือกอยู่แล้ว บางคนบอกว่าไม่เข้ามาเพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับการแต่งตั้ง ก็ไปดูกันตรงนู้น ตนไม่อยากรบกับท่าน ฉะนั้นอย่าเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นประเด็นสำคัญจนทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ ท่านต้องมองว่าประเทศชาติมีปัญหาอย่างไร ที่ไหน วันนี้อยากจะบอกว่าปัญหาบ้านเราอยู่ที่คน เพราะทัศนคติของคน เพราะฉะนั้นคนไทยต้องร่วมมือกัน รักกัน มีความสามัคคี ให้กำลังใจรัฐบาล ทุกคนเข้ามาโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น เข้ามาแบกภาระของชาติบ้านเมือง เป็นท่านจะเสี่ยงอันตรายอย่างพวกตนมั้ยที่มาทำแบบวันนี้
“ขอทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน ผมทำอะไรให้ท่าน มันจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ แต่ผมก็คิดจะทำ คาดหวังว่ามันจะสำเร็จด้วย แต่ทั้งหมดต้องได้รับความร่วมมือจากพวกท่านทุกคน ถ้าเอาเรื่องเล็กเรื่องน้อยเข้ามามันจะทำงานได้หรือไม่ ถ้าจะมาอ้างว่าเหตุการณ์ปกติ ก็มันไม่ปกติ ไม่อย่างนั้นผมบริหารราชการแผ่นดินโดย คสช.อย่างเดียวไม่ง่ายกว่าหรือ ไม่ต้องมีรัฐบาล ฉะนั้น อย่ามาตีผมตรงนี้ ต่างชาติเขาเข้าใจ เราไปชี้แจงทุกครั้งว่ามีความก้าวหน้าอย่างไรหลังจากวันที่ 22 พ.ค. ทุกคนพอใจ เว้นแต่คนไทยบางส่วนที่ไม่พอใจ ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ สื่อต้องช่วยผม สร้างความเข้าใจให้หน่อย อย่าให้ผมนอนไม่หลับกินไม่ได้ ทุกคนเหนื่อยทั้งนั้น รองนายกฯ ทุกคน รัฐมนตรีทุกระทรวง ข้าราชการทุกคนทำงานอยู่ หากจะมาติติงกันทุกอย่าง พอเริ่มทำงานก็มาแตะ ผมถามว่าที่ผ่านมาเขาทำงานกันบ้างมั้ย มีผลสัมฤทธิ์มั้ย กำหนดยุทธศาสตร์ได้มั้ยว่าประเทศชาติจะเดินไปอย่างไร วันนี้ประเทศไทยกว่า 200 ปีก็เดินไปอย่างนี้ เราต้องการมาแก้และมาปฏิรูปนั่นคือ รัฐบาลเรา ให้โอกาสพวกเราหน่อย ผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นอยู่แล้ว ถ้ากลัวไม่เข้ามา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดอ่อนที่ประเมินว่ายังทำไม่ถึงเป้าหมายในช่วงที่ผ่านมาคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้มองเป้าหมายว่าต้องสำเร็จ ที่บอกไปว่าอะไรเสร็จภายใน 1 เดือน อะไรเสร็จเดี๋ยวนี้ อะไรเสร็จภายใน 3 เดือน เราจะมีคำตอบให้ท่าน แต่ไม่ใช่ปัญหาที่มีกว่า 40 ปี จะมาแก้ภายใน 4 เดือน ถามว่าจะแก้ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้แล้วจะถามทำไม
เมื่อถามว่า คิดว่า 4 เดือนที่ผ่านมา คสช.สำเร็จมากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำเร็จตามที่ตั้งใจ แต่อาจจะไม่ทันใจสังคม ตนต้องเดินอย่างนี้เพราะเขากันงานกันอย่างนี้ อะไรที่เป็นระยะยาวต้องสร้างความเข้มแข็ง สร้างพื้นฐาน สร้างรากฐานไว้ในอนาคต และต้องเดินไปอย่างนั้น
เมื่อถามว่าเท่าที่ คสช.และรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ประเมินสถานการณ์ความมั่นคงขณะนี้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสวนทันทีว่า ก็มั่นคงไง เว้นแต่พวกเราทำให้มันไม่มั่นคงกันเอง วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับเรา ให้โอกาสในการทำงาน แต่มีส่วนน้อย ก็ว่ากันไป เมื่อถามต่อว่ายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องได้ เพราะมีกฎหมายอยู่ อย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า การคงกฎหมายอัยการศึกไว้ถือเป็นการทำงานด้านความมั่นคงในระยะยาวใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ด้วยสิ ถ้ามีการปฏิรูปได้จะผ่อนคลายไปตามลำดับ อย่าเพิ่งเร่งรัดพวกเรานักเลย” เมื่อถามอีกว่า อยากให้นายกฯ พูดชัดๆ ว่าเหตุผลที่ยังคงกฎอัยการศึกไว้เพื่ออะไร นายกฯ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องความมั่นคง พูดไม่ได้ คุณ (สื่อ) ต้องไปถามไอ้คนพูดนู่น” เมื่อถามย้ำว่าจะทำอย่างไรให้ฝ่ายที่เห็นต่างมาเห็นด้วยและสนับสนุนรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า เขาจะมาสนับสนุนหรือไม่ ต้องไปถามเขา ถามว่าเขาอยากจะช่วยเราหรือ แค่สมัคร สปช.ยังไม่มาเลย แต่เขามาตีตนทุกวันเรื่องปฏิรูปไม่เป็นธรรม ไม่เลือกคนนั้นคนนี้ แต่เวลาเชิญเข้ามาทำไมไม่มา
เมื่อถามว่า นายกฯ มีวิธีการทำให้คนพวกนี้กลับใจได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปถามเขา อย่ามาถามตน ถามต่อว่าหากเป็นอย่างนี้จะมีปัญหาต่อการทำงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ตนเดินของตนอย่างนี้ ถ้าคุณไม่ช่วยก็แล้วแต่ ตนมีความจริงใจให้ท่านอย่างนี้ ถามอีกว่า วันนี้นายกฯเรียกร้องให้สื่อให้ความร่วมมือกับรัฐบาลตรงไหน นายกฯ กล่าวว่า เรียกร้องทุกวันว่าควรเสนอในสิ่งที่ดี สิ่งที่ตนทำแล้วเกิดประโยชน์ เช่น บ้านเมืองวันนี้เป็นอย่างไร สงบสันติหรือไม่ ซึ่งต้องประเมินเองว่าวันนี้มีรถติดหรือไม่ ติดมวลชนหรือไม่ มีประท้วงหรือไม่ มีการใช้อาวุธสงครามหรือไม่ ตรงนี้ทำไมไม่มีใครพูดกับตน ถ้าจะกลับไปแบบนั้นก็สู้กันแบบเก่า ลืมไปแล้วหรือว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต อย่าลืมง่ายนัก สมองจำไว้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว วันนี้อะไรลดลงไป ยังมีความเคลื่อนไหวใต้น้ำอะไรตรงไหนไปดูมาแล้วบอกตน ไม่ใช่เอาตนไปตีกับคนนั้นคนนี้มันไม่ได้
เมื่อถามว่า หาก ครม.และคสช.เดินตามโรดแมป เหตุการณ์ชุมนุมบนถนนและการใช้อาวุธสงครามจะไม่กลับมาอีกใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไปถามไอ้คนทำ ผมไม่ใช่คนทำ ใครทำไปหามา ซึ่งคนที่ทำเป็นคดีความอยู่ ขึ้นศาลอยู่ ไปตามเข้านู่น” เมื่อถามย้ำว่า การเคลื่อนไหวใต้น้ำจะมีการดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า สร้างความเข้าใจ
ขณะที่เมื่อถามซักว่า วันนี้ คสช.ให้คะแนนรัฐบาลเท่าไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเมินเองไม่ได้ต้องให้ประชาชนประเมิน แต่อย่าให้ต่ำนัก ดูว่าอะไรทำแล้ว อะไรกำลังทำ อะไรเป็นอนาคต ท่านต้องมองให้ตรงกับตนตรงนี้ ถ้ามองไม่ตรง แล้วเอาทุกอย่างมาให้ตนทำใน 4 เดือน ไม่มีทาง หากมีผลกระทบกับใครบ้างต้องยอม ส่วนใหญ่เขาต้องการอะไร ส่วนน้อยต้องการอะไร ทุกคนต้องลดบทบาทตัวเอง ตนไม่ได้อะไรสักอย่าง และไม่ต้องการอะไร อยากจะไปพักผ่อนจะตายอยู่แล้ว ซักต่อว่า ตรงนี้จะเป็นสัญญาณหรือไม่ว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ใน 1 ปี ตามที่กำหนดไว้ในโรดแมป พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสวนว่า ตนไม่ได้บอกว่าแก้ปัญหาไม่ได้ คุณไม่เข้าใจ ปัญหามีทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ อะไรที่เร่งด่วนเราแก้ก่อน อันนี้แก้ไม่ได้ก็ส่งรัฐบาลต่อไป รัฐบาลต่อไปต้องมาทำ ถ้าไม่ทำก็กลับมาแบบเดิม