xs
xsm
sm
md
lg

ฮึ่มๆ!..ท่านผู้นำตู่-จะปราบคอร์รัปชั่น? (ตอนสอง)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน
สอดแนมการเมือง
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

คนดี-ชนะตนเองด้วยการทำดีไม่ทำชั่ว! คนชั่ว-แพ้ตนเองด้วยการทำชั่วไม่ทำดี!

เมื่อสังคมมีคนดีคนชั่วผสมปนเปกันอยู่ ทุกชาติจึงมีปัญหาต้องทำทุกวิถีทางให้คนดีได้ขึ้นปกครองชาติ และกีดกันมิให้คนชั่วมีอำนาจ!

“เสรีภาพ”มีไว้ให้สำหรับคนดี แต่มิใด้มีไว้ให้สำหรับคนชั่ว ดังนั้น จึงไม่มีที่ไหนในโลกที่ปล่อยคนชั่วให้มีเสรีภาพ ในการปล้นชาติปล้นประชาชน ทุกสังคมจึงมีกฎหมาย-ตำรวจ-อัยการ-ศาล-คุกตะราง ฯลฯ ไว้จำกัด“เสรีภาพ”หรือจัดการกับคนชั่ว

ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบัน“สีจิ้นผิง” ได้ประกาศด้วยเสียงที่ดังฟังชัดทั่วประเทศจีน ให้ระวัง“กระสุนเคลือบน้ำตาล” กับ ต้อง“ตีเสือ”และ“ตีแมลงวัน”ไปพร้อมๆ กัน!

“ระวัง!กระสุนเคลือบน้ำตาล”คือ-คำเตือนของ“เหมาเจ๋อตุง” ก่อน“สงครามกระสุนเหล็ก”จะสิ้นสุดลง หรือพรรคคอมมิวนิสต์กำลังจะยึดอำนาจรัฐจีนได้ “เหมาฯ”ที่มีสายตาอันยาวไกลทางการเมือง มองถึงศึกที่จะเกิดขึ้นในประเทศจีนใหม่ ภายใต้การปกครองของคอมฯว่า จีนจะต้องทำ“สงครามกระสุนเคลือบน้ำตาล” หรือ “สงครามปราบคอร์รัปชั่น”ทุกระดับในประเทศจีนนั่นเอง

ส่วนการ“ตีเสือ”กับ“ตีแมลงวัน”คือ-นโยบายของ“ผู้นำสีฯ” ในการปราบคนโกงชาติ โดยให้จับคนชั่วทั้งระดับตัวเป้งๆหรือ“เสือ” ไล่ดะเรื่อยลงมาในระดับตัวเล็กๆหรือ“แมลงวัน” เรียกว่า..“ผู้นำสีฯ”ให้จับคนโกงชาติโกงประชาชนจีนทุกระดับ ทั้งคนที่อยู่ในพรรคคอมมิวนิสต์-รัฐบาล-ข้าราชการ-ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและองค์กรรัฐ ฯลฯของประเทศจีน

แต่ด้วยผู้นำชาติต่างๆในโลก ชอบคุยโม้หรือพูดโกหกประชาชนหน้าด้านๆว่า จะปราบคนคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาดบ้างล่ะ ประกาศให้การปราบคอร์รัปชั่นเป็นนโยบายแห่งชาติบ้างล่ะ

แต่ในความเป็นจริง..ผู้นำชาติมากมาย ไม่เคยปราบคนโกงอย่างจริงจังหรือไม่ปราบเลย ที่ร้ายกว่านั้น..ยังใช้การคอร์รัปชั่นใส่ร้ายทำลายคนดี ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับผู้นำและรัฐบาลเป็นประจำ แถมผู้นำชาติหรือรัฐบาลชั่วมากมาย มักใช้คนชั่วทำการคอร์รัปชั่นให้ตนและพวกพ้อง ซึ่งมีทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรรัฐต่างๆ ฯลฯ

ดังนั้น จึงมีประชาชนและสื่อมวลชนจีนจำนวนหนึ่ง ค่อนขอด“ผู้นำสีฯ”ว่า..ขี้โม้มากกว่าจะทำจริง แถมยังปรามาศว่า คงจับแต่พวก“แมลงวัน”ตัวกระจิริด แทนที่จะจับ“เสือ”ตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม

นั่นเป็น“คำถาม”ที่ต้อง“ตอบ”ด้วยผลงาน แต่ก่อนอื่น..มาทำความรู้จักกับ“สีจิ้นผิง”ว่า เป็นใครและมีความเป็นมาอย่างไร? “สีจิ้นผิง”แอบไปกิน“ดีหมี”มาจากไหน? จึงกล้าบังอาจเปิดยุทธการปราบคอร์รัปชั่น กับคนทุกวงการในจีน ด้วยการ“ตี”ทั้ง“เสือ”กับ“แมลงวัน”ไปพร้อมๆกัน

งานนี้ต้องเริ่มต้นที่ “Wikileaks” เว็บไซด์ที่รัฐบาลสหรัฐฯถือเป็น“ตัวแสบ” ซึ่งชอบเอาเรื่องใน“ที่ลับ”ของรัฐบาลสหรัฐฯมาเผยใน“ที่แจ้ง”ประจำ

บันทึกลับเลขที่ 09BEIJING3128 ซึ่งท่านทูตสหรัฐฯประจำกรุงปักกิ่ง ได้รายงานต่อกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวของ“สีจิ้นผิง” จากแหล่งข่าวระดับสูงคนหนึ่ง ซึ่งผู้เขียนขอใช้รหัสสั้นๆว่า“M”

“M”อ้างเป็นลูกผู้นำคนหนึ่งในยุค“เหมาเจ๋อตุง” ขณะที่พ่อของ “สีจิ้นผิง” คือ “สีจงชุน” อดีตรองนายกฯที่หนุ่มที่สุดในทำเนียบผู้นำ ณ กรุงปักกิ่งในยุคนั้น “M”กับ“สีฯ”จึงเป็นเพื่อนกันในช่วงวัยรุ่น

ช่วงเหตุการณ์ปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน พ่อของ“M”กับพ่อของ“สีฯ”ถูกกล่าวหา เป็น “พวกนิยมขวา” จนถูกจับเข้าคุกนานนับ 10 ปี จนกระทั่ง“เติ้งเสี่ยวผิง”ขึ้นมามีอำนาจ ทั้งคู่จึงได้รับการปล่อยตัว ก่อนที่พ่อ“สีฯ”จะได้เป็นเลขาธิการพรรคฯ ประจำมณฑลกว่างตง ที่เปิดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของจีน

“M”ได้เดินทางไปเรียนต่อในประเทศตะวันตก ก่อนจะเป็นอาจารย์ประจำ และใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา จนทุกวันนี้ ส่วน“สีฯ”สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมฯจีน ตั้งแต่พ่อยังติดอยู่ในคุก ด้วยใจที่มุ่งมั่นจะเติบโตภายใต้ระบบพรรคคอมฯจีน

“สีฯ”เริ่มงานเป็นเจ้าหน้าที่ทหารในบก.สูงสุดอยู่ไม่กี่ปี ก็ผันตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่พรรคฯในชนบท ซึ่งยังไม่มีลูกผู้นำจีนยุคนั้นทำอย่าง”สีฯ”

“สีฯ”เริ่มงานให้พรรคฯที่เมืองฉือเจียจวง มณฑลเหอเป่ย ก่อนจะขึ้นเป็นรองเลขาธิการพรรคฯ ที่เจิ้งติงเมืองที่อยู่ใกล้ๆ เส้นทาง“สีฯ”เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดย“สีฯ”ได้เป็นผู้ว่ามณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งเป็นมณฑลยุทธศาสตร์ที่อยู่ตรงข้ามกับเกาะไต้หวัน จากนั้น“สีฯ”ก็ถูกย้ายไปเป็นเลขาธิการพรรคฯ ประจำมณฑลเจ๋อเจียง ตามด้วยตำแหน่งเดียวกันที่มณฑลเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นหัวใจทางเศรษฐกิจเมืองหนึ่งของจีน

“สีฯ”จึงเป็นลูกผู้นำฯที่มีประสบการณ์ ทั้งด้านการทหารและการทำงานในชนบท ตั้งแต่ระดับล่าง จนได้บริหารงานระดับมณฑลยุทธศาสตร์และมณฑลเศรษฐกิจ เมื่อกลับสู่กรุงปักกิ่งศูนย์กลางอำนาจของจีน “สีฯ”ก็ฉายแวว“ทายาท”ที่พร้อมจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของ“แดนมังกร”

“M”สรุปตบท้ายให้คิดลึกว่า “แต่ไหนแต่ไร สีจิ้นผิงเป็นคนยิ้มง่าย แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้น เขาเป็นคนที่อ่านยากมากคนหนึ่ง คนคนนี้ไม่เคยเปิดไพ่ในมือจนกว่าจะจบเกม”

ว่าไปแล้ว..ผู้นำมากมายหลายชาติ มักท่าดีทีเหลวหรือปากว่าตาขยิบ กับการปราบคนคอร์รัปชั่น แต่ผู้นำจีน“สีจิ้นผิง”คนนี้-เอาจริงว่ะ!

งานนี้..“ผู้นำสีฯ”ชาญฉลาดที่หยิบคำเตือนของ“ผู้นำเหมาฯ” มาใช้เป็นจุดแข็ง และจุดเริ่มต้นในการประกาศศึก กับขบวนการคอร์รัปชั่นในประเทศจีน!

ทั้งผู้นำ “เหมาฯ”ที่ลาจากโลกไปนานแล้ว กับผู้นำ“สีฯ”ที่เป็นผู้นำคนปัจจุบัน ต่างก็มองเห็นปัญหาตรงกัน จึงได้เตือนให้ทุกภาคส่วนในประเทศจีน ที่เคยยากจนและกลายเป็น“มังกรเศรษฐกิจ” ติดอันดับ 2 กับกำลังทะยานสู่อันดับ 1 ของโลก ในอนาคตอันไม่ไกล ให้ระวัง”กระสุนเคลือบน้ำตาล”

ผู้นำจีนทั้งคู่ที่อยู่ต่างยุคต่างสมัยยังเห็นตรงกันว่า “สงครามกระสุนเคลือบน้ำตาล”หรือ“สงครามคอร์รัปชั่น” จะเป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศจีน ยิ่งกว่า“สงครามกระสุนเหล็ก”ในอดีตที่ผ่านมา!

“สีจิ้นผิง”จึงประกาศใช้กฏเหล็ก 11 ข้อ ให้ทุกภาคส่วนในประเทศจีน ต้องปฏิบัติกันอย่างจริงจัง ดังนี้

1.ห้ามขึ้นป้าย ปูพรมแดง หรือมอบช่อดอกไม้แก่คนในรัฐบาล ข้าราชการ นายทหารระดับสูง ไม่ว่าจะในโอกาสใด 2.ห้ามใช้จ่ายเงินหลวงอย่างฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะในระหว่างไปตรวจราชการ ต้องไม่พักโรงแรมหรู 3.ห้ามจัดเลี้ยงด้วยอาหารราคาแพง หรือสั่งอาหารจนล้นโต๊ะ แม้จะปฏิบัติจนเป็นธรรมเนียมก็ตาม 4.ห้ามมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทุกงานเลี้ยง 5.ห้ามคนในรัฐบาล เจ้าหน้าที่ของกรมการเมือง ข้าราชการ และนายทหารระดับสูงใช้สัญญาณไซเรน เพื่อขอทางสะดวกแก่ตน

6.ให้เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และนายทหารระดับสูงทุกคน อบรมสั่งสอนภรรยาและลูก ให้กระทำตนเป็นเยี่ยงอย่าง ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ห้ามรับสินบนทั้งหน้าบ้าน ในบ้าน และหลังบ้าน ด้วยเหตุแห่งหน้าที่ของตนเป็นอันขาด 7.ทุกคนที่กินเงินเดือนหลวง ต้องใช้ชุดที่ราชการตัดให้ 8.ห้ามเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และนายทหารระดับสูง เดินทางไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต 9.ให้เวลาหาหลักฐานพิสูจน์ว่า รถหรูราคาแพงกับนาฬิกาแบรนด์ดังที่ใช้อยู่ ท่านได้มาจากไหน? ได้มาเพราะเหตุใด? 10.บัญชีเงินฝากในต่างประเทศ ให้เอากลับมาฝากในประเทศ 11.บุตรหลานที่เรียนอยู่ต่างประเทศ ต้องกลับมาเรียนในประเทศให้หมด

กฏเหล็กข้อ 9,10,11 ให้ใช้กับผู้มีตำแหน่งระดับสูงของพรรคคอมฯจีนอย่างเข้มงวด แม้แต่ท่านผู้นำสูงสุดของพรรคฯ และรัฐบาลจีน ซึ่ง“สีจิ้นผิง”เอง..ก็ไม่มีอภิสิทธิ์ หรือได้รับข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น!

เรียกว่า..หาก“สีจิ้นผิง”ทำผิดกฏเหล็กที่ตัวเองกำหนดขึ้น ก็ต้องถูกลงโทษเช่นเดียวกับคนอื่นๆในประเทศจีน!

หลังใช้กฏเหล็ก 11 ข้อ “ผู้นำสีฯ”ได้สั่งให้ลูกสาวที่เรียนอยู่ต่างประเทศ เดินทางกลับมาศึกษาต่อในประเทศจีนทันที

ส่วน“ท่านผู้นำสีฯ”ตีทั้ง“เสือ”ตีทั้ง“แมลงวัน”อย่างไร..อ่านตอนต่อไปครับ!


กำลังโหลดความคิดเห็น