xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกตีข่าวคดีเกาะเต่า ประจานรัฐไทย เปิดใจ!พ่อไม่เชื่อลูกชายฆ่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สื่ออังกฤษ ตีข่าวการดำเนินคดีแรงงานชาวพม่า 2 คน คดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ต้องเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายอีกครั้ง หลังที่พยานปากสำคัญของตร. ปฏิเสธไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ และถูกตำรวจซ้อมเช่นกัน พร้อมเปิดใจพ่อบังเกิดเกล้าผู้ต้องหาไม่เชื่อลูกชายฆ่านักท่องเที่ยวบนเกาะเต่า

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 57 โก เมาเมา แรงงานพม่าวัย 21 ปี ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่สถานทูตพม่าว่า เขาไม่เชื่อว่าเพื่อนของตนเป็นคนฆ่านักท่องเที่ยวทั้งสอง ทั้งที่ตำรวจได้กันเขาเป็นพยานฝ่ายโจทก์ เพื่อให้การเอาผิดกับเพื่อนชาวพม่าทั้งสอง ซึ่งถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้สังหาร ฮานนาห์ วิทเธอริดจ์ และเดวิด มิลเลอร์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ

โก เมาเมา หรือเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า โก ตานเชว กล่าวต่อหน้าตำรวจและเจ้าหน้าที่สถานทูตว่า เขาออกไปดื่มเหล้ากับเพื่อนอีก 2 คนคือ วิน ซอตุน และซอลิน บนหาดทรายรี ในคืนที่เกิดเหตุฆาตกรรม

อ่อง เมียวตัน ทนายความของผู้ต้องหาทั้งสองแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ดีวีบีนิวส์ (เดโมเครติก วอยซ์ ออฟ เบอร์มา) ว่า “เขากล่าวว่า เพื่อนเขาซื้อเบียร์ 3 และบุหรี่ 1 ซอง จากนั้นก็กลับมายังที่พักราวๆ ตีหนึ่ง”

เพื่อนของเขาตัดสินใจดื่มเหล้ากันต่อ และเมื่อ เมาเมาตื่นขึ้นมาตอนเช้า ก็พบว่าเพื่อนทั้งสองกลับมายังที่พักแล้ว เหตุการณ์ทุกอย่างดูเป็นปกติดี พวกเขาไม่มีบาดแผลหรือรอยฟกช้ำใดๆ เขายืนยันว่า “ผมไม่คิดว่าเพื่อนผมจะทำแบบนั้นได้” ทั้งนี้เป็นการระบุถึงเหตุฆาตกรรม ฮานนาห์ หญิงสาวชาวอังกฤษวัย 23 ปี จากเมืองเกรทยาร์เมาธ์ และเดวิด นักท่องเที่ยวชายวัย 24 ปีจากเมืองเจอร์ซีย์ โดยเลขานุการโท ของสถานเอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทยก็เข้าร่วมรับฟังการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วย

นอกจากนี้ โก เมาเมา ยังบอกด้วยว่า เขาเองก็ถูกคนขายโรตีชาวโรฮิงญา ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจ้างให้เป็นล่ามเพื่อสื่อสารกับพวกเขาทุบตีและขู่ด้วยเช่นกัน

คำกล่าวของ โก เมาเมา ได้กลายเป็นอีกหนึ่งความล้มเหลวในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งกำลังกลายเป็นที่จับตามองของคนทั่วโลก

เมื่อวันอังคาร (7) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.บอกกับชุดสืบสวนว่า พวกเขาได้สืบสวนคดีฆาตกรรมอย่างสมบูรณ์แล้ว

การที่มีข้อกล่าวหาออกมาหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ว่า ตำรวจซ้อมผู้ต้องสงสัย ซึ่งก่อนหน้านี้คนงานชาวพม่า 3 คนที่เป็นเพื่อนผู้ต้องหา รวมทั้งตัวผู้ต้องหา 2 คนก็เคยออกมาเปิดเผยแล้ว ยิ่งทำให้คำรับสารภาพในคดีนี้ดูขาดความน่าเชื่อถือลงไปทุกที ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้กลับคำให้การแล้ว และองค์การนิรโทษกรรมสากลได้ร่วมคัดค้านการสืบสวนในเวลาต่อมา

ทางด้าน มาร์ก เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยได้ปฏิเสธไม่ขอออกความเห็นในเรื่องการสืบสวน และมีแนวโน้มว่า ทนายจำเลยกำลังพยายามหาลู่ทางให้ตำรวจอังกฤษตรวจดีเอ็นเอฆาตกรใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้ แอนดรูว์ ดรัมมอนด์ ซึ่งเป็นผู้รายงานข่าวนี้ คือนักข่าวต่างประเทศจาก “ลอนดอน อีฟนิง สแตนดาร์ด” และนำเสนอรายข่าวคดีนี้ให้แก่ ไอทีนิวส์, บีบีซี รีเจียนนัลส์, ลอนดอน บรอดคาสติง, เดลี เอ็กซ์เพรส, ซัน เดลีเมล, มีร์เรอร์, กูดมอร์นิง สกอตแลนด์

***พ่อไม่เชื่อลูกชายฆ่านักเที่ยวเกาะเต่า

ขณะเดียวกัน “มิซซิมา” สำนักข่าวพม่า รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 57 ได้โทรศัพท์ไปขอสัมภาษณ์ อู ตุนตุน เทก บิดาของ วิน ซอทูน ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ผู้ต้องสงสัยวัย 21 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านกาปี เมืองเจ้าก์ผยู่ รัฐยะไข่ ประเทศพม่า

หลังจากเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับความพยายามสืบสวนคดีนี้ของเจ้าหน้าที่ โดยรัฐบาลไทยพยายามเร่งปิดคดีนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกมายืนกรานแทบไม่เว้นวันว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายไม่ใช่ “แพะ” แต่บรรดาองค์กรเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติก็ยังพากันแสดงความกังวลว่า แรงงานชาวพม่าทั้งสองอาจถูกบีบบังคับให้รับสารภาพ

โดย อู ตุนตุน เทก บิดาของ วิน ซอทูน เปิดเผยการเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย ว่า หลังจากเขาเรียนจบ ม.3 แล้ว เราก็ส่งเขาไปเรียนต่อ ม.4 ที่ โรงเรียนมัธยมปลายเจ้าก์ผยู่ 1 ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำรัฐ พอไปเรียนที่นั่นเขาจึงรู้จัก ออง ซอลิน (ผู้ต้องสงสัยอีกราย) ที่มีพ่อแม่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ลูกชายผมเดินทางไปไทยพร้อมกับเพื่อนคนนี้ โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตเราเลย เขาเพิ่งบอกเราก็ตอนที่ไปถึงย่างกุ้ง เพื่อเดินทางเข้าไทย โดยเขาได้โอนเงินค่าเดินทางตั๋วเครื่องบินให้ 300,000 จัต

บิดาของผู้ต้องหากล่าวเพิ่มเติมว่า ลูกชายไม่ติดต่อกลับมา หลังจากเข้ามาทำงานในประเทศไทย เพราะตอนนั้นหมู่บ้านเรามีโทรศัพท์แค่เครื่องสองเครื่องเท่านั้น แต่เขากลับหมู่บ้านอีกทีเมื่อช่วงสงกรานต์ แล้วก็ลับไทยไปเมื่อเดือนพฤษภาคม เมียผมขอไม่ให้เขากลับไปไทยแล้ว แต่เขาปฏิเสธ เขาบอกว่าต้องกลับไปทำงานในไทย

"ผมไม่อยากให้ลูกไปเมืองไทย เพราะลูกผมเป็นคนเอื้อเฟื้อและเป็นมิตร ถ้าใครเอ่ยปากขอเสื้อเขา เขาก็จะถอดให้ใส่ แล้วเดินกลับบ้านมาแบบไม่ใส่เสื้อ เขาไม่ใช่คนเถื่อน แม่เขากลัวเขาโดนหลอกตอนไปต่างประเทศ แต่ผมไม่ได้กังวลมากนักเพราะเขาโตแล้ว"

อู ตุนตุน เทก กล่าวว่า เขารู้เรื่องคดีฆาตกรรมจากคนในหมู่บ้านเดียวกันบอก แต่แม่ของเขาไม่เชื่อเลย ลูกเธอไม่มีทางฆ่าใคร แต่พอเราได้เห็นข่าวทางทีวี เราก็ต้องเชื่อ เมียผมกินไม่ได้นอนไม่หลับตั้งแต่นั้นมา เธอจะบ้าเอาเสียให้ได้

"ผมไม่เชื่อเลยจริงๆ ว่าลูกชายผมฆ่าคนตาย ผมคิดว่า เขาจะถูกปล่อยตัว ถ้ามีการสืบสวนคดีอย่างเป็นธรรมและเป็นระบบ"
กำลังโหลดความคิดเห็น