** เคยเกริ่นให้เห็นมาหลายรอบแล้วว่า หากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติรับพิจารณาญัตติถอดถอน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และ นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ยืนยันมติ และส่งไปถึง สนช.นั่นก็หมายถึง ต้องลุ้นระทึกกันแบบห้าสิบห้าสิบว่า ผลจะออกมาแบบไหน เพราะนั่นหมายถึงผลต่ออนาคตทางการเมืองของพวกเขาจะดับวูบแบบ "ถาวร" หรือไม่ด้วย
นอกจากสองอดีตประธานสภาดังกล่าวแล้ว หากสนช.เดินหน้าพิจารณาถอดถอนแล้ว ยังมีความหมายต่อเนื่องไปถึง 39 ส.ส.และ ส.ว. ที่มีความผิดจากการร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมิชอบ ในประเด็นที่มาของ ส.ว. คนพวกนี้ก็ต้องเสี่ยงตามไปด้วยแม้ว่า หากพิจารณาในแง่ดี ในประเด็นถอดถอนในเรื่องการทำผิดรัฐธรรมนูญ ที่มีแง่มุมแย้งว่า เป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว ไม่น่ามีผลบังคับได้ ซึ่งต้องมีการถกเถียงหาข้อยุติต่อไป
**แต่สำหรับ 39 ส.ว. ต้องมีความ "ผิดอาญา" ตามมาในกรณี "เสียบบัตร" แทนกัน ที่คาดว่าจะต้องมีความผิดยกเว้นไม่ได้
ถ้าคนพวกนี้โดนไปอีกล็อต นั่นย่อมหมายความว่า พรรคเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร จะโดนอีก "เข่งใหญ่" หลังจากก่อนหน้านี้ มีพวกบ้านเลขที่ 111 บ้านเลขที่ 109 ที่มี ทักษิณ หัวหน้าใหญ่รออยู่ก่อนแล้ว แล้วยังรวมไปถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ติดกลุ่มไปด้วย จากกรณีคำสั่งของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ชี้มูลความผิดในคดีรับจำนำข้าว แม้ว่าคดียังไม่สิ้นสุด แต่ก็ถือว่า มติชี้มูลดังกล่าวถือว่ามีผลในขั้นตอนจากคำสั่งของ ป.ป.ช.แล้ว ซึ่งกรณีนี้เดี๋ยวจะอธิบายรายละเอียดให้เห็นกันต่อไป แต่เอาเป็นว่า "หนาวแน่"
หากพิจารณาตามขั้นตอนเริ่มจากการถอดถอน สมศักดิ์-นิคม กับพวก มองในแง่ร้ายมีการถอดถอนจริง ก็ย่อมมีผลต่ออนาคตทางการเมือง เพราะนั่นย่อมต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองไม่น้อยกว่า 5 ปี ตามมา
เพราะเมื่อพิจารณาต่อเนื่องจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ในมาตรา 8 (4) ที่ระบุคุณสมบัติต้องห้าม "เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง" นั่นก็หมายถึง โยงไปถึงลักษณะต้องห้ามของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี การลงสมัคร ส.ส.และ ส.ว.ในอนาคตอีกด้วย
**นอกจากนี้ ยังมีมาตรา 35 กำหนดกรอบบังคับการออกแบบรัฐธรรมนูญถาวรเอาไว้ใน มาตรา 35 ที่เรียกกันว่า บัญญัติ 10 ประการ The Ten Commandments เพราะมีอยู่ 10 อนุมาตรา ในมาตรา 35 (4) ระบุไว้ว่า รัฐธรรมนูญถาวรจะต้องมี “กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและตรวจสอบ มิให้ผู้เคยต้องคําพิพากษา หรือคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือเคยกระทําการอันทําให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม เข้าดํารงตําแหน่งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด”
สำหรับกรอบตาม มาตรา 35 (4) ตรงคำว่า “คำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย...” หากรวมถึงคำวินิจฉัยชี้มูลความผิดขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. และกกต.ด้วยแล้ว ยังจะตัดสิทธินักการเมืองไปได้อีกนับร้อยคน โดยในจำนวนนี้ก็มี ทักษิณ ชินวัตร และพวกบ้านเลขที่ 111 และบ้านเลขที่ 109 ที่ต้องตายยกเข่ง รวมทั้ง สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา รวมทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องจบชีวิตทางการเมืองตั้งแต่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดไปตั้งแต่ต้นดังกล่าวแล้ว
ดังนั้นเมื่อเริ่มเข้าสู่โหมดการลงมติถอดถอน และการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำลังเริ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ต้องไปตามโรปแมปหรือกรอบบัญญัติ 10 ประการ ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวใน มาตรา 35 (4) ว่าด้วยการตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตกับนักการเมืองที่เคยถูกตัดสินว่ากระทำผิด
ด้วยผลที่ตามมามันใหญ่หลวง มีผลต่ออนาคตการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองในอนาคตที่ตั้งตารอจังหวะในปีหน้า ก็ต้องมีอันต้องดับวูบลง
**ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ เริ่มมีการขยับเคลื่อนไหวของบรรดาเครือข่ายพรรคเพื่อไทยออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้ ก็มีสายตรงอย่าง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาเตือนเรื่องการตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ว่าส่วนใหญ่เป็น "ฝ่ายตรงข้าม" หรือเป็น "คู่อริ" กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องไม่ลืมว่า สปช. จะต้องแยกย่อยไปยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีกรอบโรดแมป จากรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 35 (4) ที่บัญญัติแนวทางเอาไว้ 10 ประการ
คนต่อมาที่ออกมา"ข่มขู" อย่างต่อเนื่องก็คือ อำนวย คลังผา อดีตประธานวิปรัฐบาล พรรคเพื่อไทย ที่อ้างถึงความชอบธรรมของ สนช. ที่เป็นผลผลิตของเผด็จการ ไม่ควรมาถอดถอน ส.ส.และส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้ง อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับเก่าได้ถูกยกเลิกไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีระดับปลายแถวอื่นๆ เช่น วรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ แกนนำเสื้อแดง ที่ขู่ว่าจะเกิดม็อบมาประจันหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
**เมื่อพิจารณาจากผลกระทบที่ตามมาในอนาคต หากมีการถอดถอน และมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ทำตามกรอบของรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 35 (4) รวมถึงมาตราอื่นๆ ต่อเนื่อง เพราะหากเป็นแบบนั้น มันถือว่า "หายนะ" ชัดๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนพวกนี้จะต้องออกมาข่มขู่ขัดขวางกันทุกทางไม่ให้ทำสำเร็จ ทำให้ต้องจับตามองกันว่า ข้ออ้างเรื่อง"ปรองดอง" จะออกมาแบบไหนกันแน่ !!
นอกจากสองอดีตประธานสภาดังกล่าวแล้ว หากสนช.เดินหน้าพิจารณาถอดถอนแล้ว ยังมีความหมายต่อเนื่องไปถึง 39 ส.ส.และ ส.ว. ที่มีความผิดจากการร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมิชอบ ในประเด็นที่มาของ ส.ว. คนพวกนี้ก็ต้องเสี่ยงตามไปด้วยแม้ว่า หากพิจารณาในแง่ดี ในประเด็นถอดถอนในเรื่องการทำผิดรัฐธรรมนูญ ที่มีแง่มุมแย้งว่า เป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว ไม่น่ามีผลบังคับได้ ซึ่งต้องมีการถกเถียงหาข้อยุติต่อไป
**แต่สำหรับ 39 ส.ว. ต้องมีความ "ผิดอาญา" ตามมาในกรณี "เสียบบัตร" แทนกัน ที่คาดว่าจะต้องมีความผิดยกเว้นไม่ได้
ถ้าคนพวกนี้โดนไปอีกล็อต นั่นย่อมหมายความว่า พรรคเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร จะโดนอีก "เข่งใหญ่" หลังจากก่อนหน้านี้ มีพวกบ้านเลขที่ 111 บ้านเลขที่ 109 ที่มี ทักษิณ หัวหน้าใหญ่รออยู่ก่อนแล้ว แล้วยังรวมไปถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ติดกลุ่มไปด้วย จากกรณีคำสั่งของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ชี้มูลความผิดในคดีรับจำนำข้าว แม้ว่าคดียังไม่สิ้นสุด แต่ก็ถือว่า มติชี้มูลดังกล่าวถือว่ามีผลในขั้นตอนจากคำสั่งของ ป.ป.ช.แล้ว ซึ่งกรณีนี้เดี๋ยวจะอธิบายรายละเอียดให้เห็นกันต่อไป แต่เอาเป็นว่า "หนาวแน่"
หากพิจารณาตามขั้นตอนเริ่มจากการถอดถอน สมศักดิ์-นิคม กับพวก มองในแง่ร้ายมีการถอดถอนจริง ก็ย่อมมีผลต่ออนาคตทางการเมือง เพราะนั่นย่อมต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองไม่น้อยกว่า 5 ปี ตามมา
เพราะเมื่อพิจารณาต่อเนื่องจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ในมาตรา 8 (4) ที่ระบุคุณสมบัติต้องห้าม "เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง" นั่นก็หมายถึง โยงไปถึงลักษณะต้องห้ามของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี การลงสมัคร ส.ส.และ ส.ว.ในอนาคตอีกด้วย
**นอกจากนี้ ยังมีมาตรา 35 กำหนดกรอบบังคับการออกแบบรัฐธรรมนูญถาวรเอาไว้ใน มาตรา 35 ที่เรียกกันว่า บัญญัติ 10 ประการ The Ten Commandments เพราะมีอยู่ 10 อนุมาตรา ในมาตรา 35 (4) ระบุไว้ว่า รัฐธรรมนูญถาวรจะต้องมี “กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและตรวจสอบ มิให้ผู้เคยต้องคําพิพากษา หรือคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือเคยกระทําการอันทําให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม เข้าดํารงตําแหน่งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด”
สำหรับกรอบตาม มาตรา 35 (4) ตรงคำว่า “คำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย...” หากรวมถึงคำวินิจฉัยชี้มูลความผิดขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. และกกต.ด้วยแล้ว ยังจะตัดสิทธินักการเมืองไปได้อีกนับร้อยคน โดยในจำนวนนี้ก็มี ทักษิณ ชินวัตร และพวกบ้านเลขที่ 111 และบ้านเลขที่ 109 ที่ต้องตายยกเข่ง รวมทั้ง สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา รวมทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องจบชีวิตทางการเมืองตั้งแต่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดไปตั้งแต่ต้นดังกล่าวแล้ว
ดังนั้นเมื่อเริ่มเข้าสู่โหมดการลงมติถอดถอน และการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำลังเริ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ต้องไปตามโรปแมปหรือกรอบบัญญัติ 10 ประการ ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวใน มาตรา 35 (4) ว่าด้วยการตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตกับนักการเมืองที่เคยถูกตัดสินว่ากระทำผิด
ด้วยผลที่ตามมามันใหญ่หลวง มีผลต่ออนาคตการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองในอนาคตที่ตั้งตารอจังหวะในปีหน้า ก็ต้องมีอันต้องดับวูบลง
**ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ เริ่มมีการขยับเคลื่อนไหวของบรรดาเครือข่ายพรรคเพื่อไทยออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้ ก็มีสายตรงอย่าง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาเตือนเรื่องการตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ว่าส่วนใหญ่เป็น "ฝ่ายตรงข้าม" หรือเป็น "คู่อริ" กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องไม่ลืมว่า สปช. จะต้องแยกย่อยไปยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีกรอบโรดแมป จากรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 35 (4) ที่บัญญัติแนวทางเอาไว้ 10 ประการ
คนต่อมาที่ออกมา"ข่มขู" อย่างต่อเนื่องก็คือ อำนวย คลังผา อดีตประธานวิปรัฐบาล พรรคเพื่อไทย ที่อ้างถึงความชอบธรรมของ สนช. ที่เป็นผลผลิตของเผด็จการ ไม่ควรมาถอดถอน ส.ส.และส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้ง อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับเก่าได้ถูกยกเลิกไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีระดับปลายแถวอื่นๆ เช่น วรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ แกนนำเสื้อแดง ที่ขู่ว่าจะเกิดม็อบมาประจันหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
**เมื่อพิจารณาจากผลกระทบที่ตามมาในอนาคต หากมีการถอดถอน และมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ทำตามกรอบของรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 35 (4) รวมถึงมาตราอื่นๆ ต่อเนื่อง เพราะหากเป็นแบบนั้น มันถือว่า "หายนะ" ชัดๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนพวกนี้จะต้องออกมาข่มขู่ขัดขวางกันทุกทางไม่ให้ทำสำเร็จ ทำให้ต้องจับตามองกันว่า ข้ออ้างเรื่อง"ปรองดอง" จะออกมาแบบไหนกันแน่ !!