xs
xsm
sm
md
lg

"หลวงปู่"ซัด"รสนา-วีระ" ใช้เวทีปฏิรูปพลังงานผิดทาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"หลวงปู่พุทธะอิสระ" โต้ "รสนา-วีระ" หวังใช้เวทีปฏิรูปพลังงานกำจัดศัตรู เป็นฮีโร่บนซากศพ ย้ำให้ข้อมูลไปลองพิจารณาดู ด้าน"กลุ่มเวทีปฏิรูปพลังงานภาคประชาชน" ย้ำจุดยืนเดิม จี้คืนท่อก๊าซ-ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตแทนสัมปทาน คาด"หลวงปู่ฯ" หลงกลเชื่อน้ำมันใกล้หมด ทำให้หันไปเน้นเรื่องพลังงานทดแทน โดยเมินเรื่องโครงสร้างพลังงาน

เฟซบุ๊คของ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ได้โพสต์ข้อความเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (2ต.ค.) ถึงเรื่องแนวทางการปฏิรูปพลังงาน ว่า เห็นข่าวคุณรสนา คุณปานเทพ คุณวีระ หม่อมกร พากันไปยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ว่า การจัดเสวนา 2 ครั้งที่ผ่านมา ไม่เป็นประโยชน์แก่ภาคประชาชน มีประโยชน์แต่คุณปิยสวัสดิ์ แต่ฝ่ายเดียว

การไปยื่นหนังสือครั้งนี้ แม้จะไม่กล่าวอ้างถึงชื่อฉัน แต่ทุกคนในประเทศเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่า การเสวนาทั้งสองครั้ง ที่สโมสรกองทัพบกนั้น ฉันเป็นคนริเริ่มและควบคุม คณะผู้ยื่นหนังสือแม้จะกล่าวอ้างว่า เวทีนี้เป็นเวทีของคุณปิยสวัสดิ์ และคณะมาฟอกตัว แก้ตัว และเป็นประโยชน์แต่เฉพาะคุณปิยสวัสดิ์ และพวกเท่านั้น ฉันจึงอยากจะบอกว่าการเสวนาสองครั้งที่ผ่านมา ที่พวกคุณกล่าวอ้างว่าภาคประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ฉันสงสัยว่าใครกันแน่ ที่ไม่ต้องการประโยชน์ ฉันพูดทุกครั้งว่าขอให้ใช้เวทีนี้นำเสนอแต่สิ่งที่สามารถชี้ทิศทางพลังงานของประเทศในอนาคต อย่ามาใช้เวทีนี้ในการซักฟอกหาคนผิด อย่ามาใช้เวทีนี้ สร้างความเป็นฮีโร่บนซากศพของคนที่เป็นศัตรู เวทีนี้ไม่ต้องการให้ใครมาล้างแค้นใคร

แต่จนแล้วจนรอด สุดท้ายทั้งสองครั้งที่ผ่านมา พวกนักสู้ทั้งหลาย ก็ยังผิดข้อตกลงมาใช้เวทีนี้กำจัดศัตรู แล้วจะมาโวยวายว่า เวทีนี้จัดขึ้นเพื่อประโยชน์แก่คุณปิยสวัสดิ์ และพวก ก็เท่ากับคุณว่าฉัน ว่าไม่เป็นกลาง ไม่เข้าข้างคุณ

วันนี้ฉันแนบบทสรุปการเสวนาในวัดอ้อน้อยมาให้ดูว่า ฉันใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงเศษๆ ไม่ต้องถึง 2 วันอย่างที่พวกคุณใช้ ประชาชนได้อะไรมาบ้าง ลองพิจารณาดู

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มเวทีปฏิรูปพลังงานภาคประชาชน ประกอบด้วย นายวีระ สมความคิด นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายรุ่งชัย จันทสิงห์ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี และ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร ได้ร่วมพูดคุยในรายการ "ปฏิรูปประเทศไทย" ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ช่อง"นิวส์วัน" ถึงกรณีที่ไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องเสนอแนวทางปฏิรูปพลังงาน

โดยนายปานเทพ กล่าวว่า จากการที่พวกเราขึ้นเวทีปฏิรูปพลังงาน ที่สโมสรกองทัพบก 2 ครั้ง จึงควรแสดงท่าทึในฐานะผู้อยู่บนเวที โดยยืนยันว่า เราไม่ได้เห็นพ้องกับแนวคิดของ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และคณะแต่อย่างใด เพราะเวลาบนเวทีมีจำกัดมาก เป็นการสื่อเพียงด้านเดียว ถามยังไม่ครบคำถามเลย ประชาชนไม่สามารถโต้แย้งแสดงเหตุผลประกอบได้ และการสื่อสารถึงสาธารณะ ไม่ครบถ้วนหลายประการ

สำหรับกรณีข้อมูลความเชื่อที่ว่า น้ำมันจะหมดลงในอีก 8 ปี ถ้าคนที่เชื่อข้อมูลนี้เป็นความคิดหลัก อาจหลงผิดได้ จะไม่สนใจกับเรื่องสัมปทาน รอบที่ 21 เรื่องท่อ เรื่องโครงสร้างพลังงาน เพราะมองว่าเดี๋ยวน้ำมันก็หมดลงแล้ว จึงเน้นไปที่เรื่องพลังงานทางเลือก นี่อาจเป็นที่มาที่ท่านหลวงปู่พุทธะอิสระ คิดว่าเป็นแบบนั้น จากคำสัมภาษณ์ของท่าน น่าจะเชื่อแบบนั้น

เราจึงชี้แจงกลับไปว่า คำว่า ทรัพยากรกำลังจะหมด มันไม่ใช่หมายความว่า ทรัพยากรจะหมดประเทศ กลับกลายเป็นเรื่องอายุสัมปทานของ ปตท. กำลังจะหมดอายุ แล้วการนำเข้าวัตถุดิบมาก เพราะการใช้ของประชาชนมาก แต่ในความเป็นจริง ได้มีการรวมเอาปริมาณน้ำมันดิบที่กลั่นเพื่อส่งออกขายต่างชาติมูลค่า 3 แสนกว่าล้าน เข้ามารวมด้วย

ส่วนกรรมสิทธิปิโตรเลียมในระบบสัมปทาน ที่รัฐบอกว่า เป็นของรัฐ จดหมายเราจึงชี้แจงว่า แต่ผู้แทนของรัฐ กลับละเลยในการให้ข้อมูลว่า หลังจากให้สัมปทาน เอกชนสามารถใช้ปิโตรเลียมทั้งหมดไปขายเป็นรายได้ของบริษัท การให้ข้อมูลดังกล่าว อาจทำให้รัฐตัดสินใจผิดพลาด ในการกำหนดนโยบายพลังงาน ทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เราเลยจำเป็นต้องเสนอทางออก เลยเสนอแนวทางปฏิรูป แต่เอาเฉพาะประเด็นเร่งด่วน 4 เรื่อง คือ เร่งคืนท่อก๊าซตามความเห็น สตง. ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตแทนสัมปทาน ลดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน-ปรับโครงสร้างแอลพีจี และ เพิ่มธรรมาภิบาลจัดการพลังงานชาติ

ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องสัมปทานหมดอายุสำคัญกับประเทศมาก เพราะเป็นมูลค่าปริมาณปิโตรเลียมประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉลี่ยประมาณ 6-7 แสนบาร์เรลต่อวัน เทียบเท่าน้ำมันดิบ ถ้ารัฐบาลได้ตรงนี้มาด้วยการจ้างผลิต หรือแบ่งปันผลผลิต รัฐสามารถปรับนโยบายพลังงานได้เต็มที่เลย เพราะมีปิโตรเลียมอยู่ในมือ แต่วันนี้ไม่พอใช้ กลับยกให้คนอื่นไปจัดสรรแบบที่เขาต้องการ พอไม่มีปิโตรเลียมใช้ เราก็ต้องใช้ในราคาตลาดโลก

ภาพรวมข้อเสนอทั้งหมดวันนี้ เราถามหาความมั่นคงทางพลังงาน ระบบสัมปทานคือ การยกเอกสิทธิให้เอกชนทั้งหมด สุดท้ายไปซื้อเขาในราคาตลาดโลก หรือไม่เขาก็ไปขายคนอื่น เราต้องใช้นำเข้า ยิ่งเราขาดปิโตรเลียมเท่าไร ไม่ควรใช้ระบบนี้ เพราะมีระบบอื่นที่ดีกว่า เช่น แบ่งปันผลผลิต หลวงมีปิโตรเลียมในมือส่วนหนึ่ง อาจไม่ทั้งหมด อย่างน้อยก็จัดการราคา จัดสรรให้ประชาชนได้ ประเด็นสำคัญระบบแบ่งปันผลผลิตหรือจ้างผลิต จะทำให้รัฐทราบข้อมูลความเป็นไปทุกขั้นตอน เพราะจะขุด จะทำอะไร ต้องแจ้งให้หลวงรับทราบ แต่ระบบสัมปทานเราไม่รู้อะไรเลย ต้องถึงสิ้นปีตอนเสียภาษี ถึงได้รู้ค่าใช้จ่าย ถ้าอยากมั่นคงทางพลังงานจริงๆ ระบบสัมปทาน ไม่ตอบโจทย์

ม.ล.กรกสิวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า ที่อ้างว่าไม่รีบเปิดสัมปทานรอบใหม่ ประเทศจะขาดรายได้ 2 แสนล้านบาท ฟังดูน่าตกใจมาก แต่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะสัมปทานเก่ายังอยู่ทั้งหมด สัมปทานรอบใหม่ เป็นส่วนน้อย จะสูญ 2 แสนล้านได้อย่างไร แล้วลงทุนไป กว่าจะได้เงินมา 6-7 ปี ยกเว้นจะมีนัย คือเอาสัมปทานเก่าที่กำลังจะหมดอายุทั้งหมดไปต่อสัมปทาน อาจจะพูดถึงตรงนี้ก็ได้ว่า ถ้าเราไม่ต่อสัมปทานชุดเก่าที่มีปิโตรเลียมเยอะมาก ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ต่อ ค่าภาคหลวงและภาษีจะหาย แต่บอกไว้เลย ถ้าหาย 2 แสนล้าน แต่เราจะได้ปิโตรเลียม 3-4 แสนล้าน ไม่อยากได้หรือ เป็นสิ่งที่เราขาดแคลน ทำไมไม่อยากได้มา มันสำคัญมาก เช่นวันนี้ขายแก๊สให้การไฟฟ้า ถ้าเป็นของรัฐก็ขายให้การไฟฟ้าโดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลาง ค่าไฟก็จะถูกลง

"จากเอกสารกระทรวงพลังงาน แปลงสัมปทานรอบใหม่ ที่อยากให้ออกไป เป้าหมายอยู่ที่ภาคอีสาน โดยระบุว่าจะมีการลงทุน 3,200 ล้านบาท แต่จะได้ปิโตรเลียม เป็นก๊าซธรรมชาติ 1-5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และน้ำมันดิบ 20-50 ล้านบาร์เรล คำนวณมูลค่าก๊าซและน้ำมันอย่างต่ำเราจะได้ 4 แสนล้านบาท อย่างสูงสุดจะได้ 1.6 ล้านล้านบาท" ม.ล.กรกสิวัฒน์ ระบุ

นายวีระ กล่าวว่า รัฐอยากปฏิรูปพลังงานไม่ใช่หรือ แต่ภาคประชาชนถูกปกปิดความจริง เวลาไปถามความจริง ก็ไม่เคยได้ ที่กล่าวหาภาคประชาชนว่า เขาทำผิดทำไมไม่ฟ้อง ซึ่งเราก็ฟ้องมาตลอด แต่การที่ภาคประชาชนเข้าไปทำหนาที่ตรงนั้น มันทำไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง หลายครั้งก็ถูกยกฟ้อง ถ้าทุกฝ่ายมีความจริงใจ ต้องฟังเหตุผล ไม่ใช่เราไม่ฟังอีกฝ่าย เราฟัง แต่เขาก็ต้องเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนสอบถามด้วย ไม่ถูกต้องก็คุยกันดีๆ ไม่ใช่มาดูแคลนว่า ประชาชนไม่มีความรู้ ไม่ก้าวข้ามความขัดแย้ง ทั้งที่เราไม่ได้ขัดแย้ง แต่เราคือ คนที่ถูกผลกระทบ อยากบอก พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าอยากคืนความสุขให้ประชาชน ตรงนี้แหละเป็นความสุขที่แท้จริง ขอให้ฟังประชาชนบ้าง

พญ.กมลพรรณ กล่าวว่า พวกเราติดตามนโยบายทางด้านพลังงาน หลายเรื่องผู้ที่ดูแลทรัพยากรใช้สื่อออกข่าวด้านเดียว ถึงขนาดผู้นำประเทศยังเชื่อเลย ว่าน้ำมันจะหมดในอีก 8 ปี น้ำมันกระเปาะเล็ก ขุดยาก ปิโตรเคมีทำคุณมหาศาล ทั้งๆ ที่ยังมีอีกตั้งกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ขุดเจาะแล้วรู้ได้อย่างไร ว่าจะหมด ภาคประชาชนเสียเปรียบมาก หลวงปู่พุทธะอิสระ ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แล้วผู้ใหญ่ในกระทรวงพลังงานใหญ่ๆ โตๆ น่าเชื่อถือกว่าพวกเรา เลยทำให้ท่านเชื่อ แต่จุดยืนของเรา ต้องให้ความเป็นธรรมต่อประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น