xs
xsm
sm
md
lg

อย่าคืนความสุขเพียงชั่วคราว

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ประเทศไทยใกล้จะได้สภาปฏิรูปแล้ว หลายคนคงคาดฝันว่าต่อไปนี้ประเทศไทยคงใกล้จะหลุดพ้นจากวังวนความขัดแย้งของคนในชาติแล้ว หลังจากนั้นความสุขจะกลับคืนมา

ความขัดแย้งในชาติกำลังจะหมดไปแล้วจริงๆ หรือ

ตอนนี้คนไทยที่เคยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายต่างแบ่งสียุติบทบาทของตัวเอง ฝ่ายตรงข้ามทักษิณส่วนหนึ่งพากันเชื่อมั่นทหารที่เข้ามาบริหารประเทศว่า จะเปลี่ยนโครงสร้างของประเทศเสียใหม่ เพื่อไม่ให้กลุ่มทุนอย่างทักษิณเข้ามามีอำนาจทางการเมืองอีก มีกลไกที่ตรวจสอบและควบคุมไม่ให้นักการเมืองใช้อำนาจอย่างเหิมเกริมได้อีกต่อไป

แต่บอกตรงๆ ครับ ถึงตอนนี้ผมยังมองไม่เห็นวี่แววว่าจะเป็นแบบนั้นเลย

ฝ่ายทักษิณจึงลิงโลดแกล้งตายเพราะเชื่อว่าอย่างไรเสียประชาธิปไตยหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงทำให้ระบอบทักษิณยังคงอยู่ในความนิยมของคนในชาติ ตอนนี้สงบนิ่งปล่อยให้รัฐบาลทหารเขาทำงานไปถึงเวลาเลือกตั้งเมื่อไหร่ระบอบทักษิณก็จะกลับมามีอำนาจอีก

อำนาจรัฐคุมเข้มสื่อมวลชนไม่ให้สะกิดบาดแผลของความขัดแย้ง ไม่ให้กวาดขยะที่ซุกอยู่ใต้พรมออกมา ราวกับว่านั่นจะเป็นหนทางที่จะนำพาประเทศไปสู่ความปรองดองอย่างแท้จริง

แต่คนที่มีสติคิดได้เขาก็เห็นกันทั้งนั้นแหละว่า ความขัดแย้งยุติลงเป็นการชั่วคราวเท่านั้น หากเลือกตั้งเมื่อไหร่พวกของทักษิณกลับมาอีก เมื่อนั้นคนที่ต่อต้านทักษิณก็จะออกมาอีก

พวกสนับสนุนทักษิณก็อาจจะบอกว่า ถ้าเช่นนั้นพวกคุณก็ไม่เคารพประชาธิปไตย ไม่เคารพเสียงของคนส่วนใหญ่ ไม่เคารพสิทธิหนึ่งคนหนึ่งเสียง พวกต่อต้านทักษิณบอกว่า เราเคารพประชาธิปไตย แต่ต้องการการเมืองที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ไม่สนับสนุนเผด็จการทุนนิยมที่เข้ามาซื้อสิทธิซื้อเสียงแล้วแสวงหาผลประโยชน์เข้าวงศ์วานว่านเครือ

ฝ่ายหนึ่งยึดหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเป็นสรณะโดยอธิบายว่านั่นเป็นความเท่าเทียมกัน อีกฝ่ายยึดความโปร่งใสเป็นสรณะโดยออกมาต่อต้านรัฐบาลที่คดโกง แต่รัฐบาลที่กลโกงนั้นมาจากการเลือกตั้งของคนส่วนใหญ่ พวกที่สนับสนุนระบอบทักษิณจึงหยิบฉวยโอกาสโจมตีว่าฝ่ายต่อต้านเป็นฝ่ายล้มล้างประชาธิปไตยนิยมเผด็จการและชูฝ่ายทักษิณว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย

ทั้งที่ประชาธิปไตยแม้มีความหมายถึงความเท่าเทียมกัน แต่ต้องมีความโปร่งใสตรวจสอบได้และยึดมั่นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ด้วย คนที่รู้ทันเขาจึงต่อต้านรัฐบาลที่คดโกงไม่ใช่ต่อต้านประชาธิปไตย

คนในเมืองใหญ่ส่วนใหญ่ที่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่อต้านระบอบทักษิณเพราะเห็นว่า เป็นระบอบที่กัดกินบ้านเมือง เป็นระบอบประชาธิปไตยแต่รูปแบบแต่เนื้อหาเป็นระบอบเผด็จการรัฐสภาของกลุ่มทุนพรรคการเมือง ที่ทำให้พรรคการเมืองเป็นบริษัทที่จัดการผลประโยชน์ของรัฐมาเป็นของครอบครัว

คนชนบทในภาคเหนือและอีสานซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เชื่อมั่นว่าระบอบทักษิณเป็นระบอบที่เข้าถึงคนรากหญ้า หยิบยื่นผลประโยชน์ให้ประชาชน โดยไม่ได้มองว่า ผลประโยชน์ที่ระบอบทักษิณหยิบยื่นให้นั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของประเทศที่บริษัทวงศ์วานของทักษิณกอบโกยไป กลายเป็นค่านิยมว่า โกงไม่เป็นไร แต่ขอให้ประชาชนได้ประโยชน์ด้วย

คนที่ต่อต้านระบอบทักษิณมองถึงผลประโยชน์ของประเทศที่ถูกกลุ่มทุนในคราบของนักการเมืองปล้นชิงเอาไป แต่ฝ่ายที่สนับสนุนทักษิณมองว่า ระบอบทักษิณมีผลประโยชน์ตอบแทนที่เป็นรูปธรรมแลกกับการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

ประเด็นคือรัฐบาลทหารที่เข้ามาเป็นผู้บริหารในประเทศนี้มองความขัดแย้งของคนในชาติอย่างไร มองเห็นหรือไม่ว่า ความขัดแย้งของคนในชาติมาจากพื้นฐานความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยที่ไม่เท่าเทียมกันมีข้อมูลข่าวสารที่ไม่เท่าเทียมกัน ถ้าการเลือกตั้งกลับมาหลังรัฐบาลทหารพ้นอำนาจแล้ว ความขัดแย้งก็จะกลับมาอีก สุดท้ายวงจรรัฐประหารก็จะกลับมาสู่สังคมไทยอีก

เราผ่านการรัฐประหารมาหลายครั้ง ด้วยเหตุผลสำคัญคือ นักการเมืองทุจริตคอร์รัปชัน และความแตกแยกในบ้านเมือง แต่เมื่อถึงการเลือกตั้งประชาชนก็เลือกนักการเมืองหน้าเดิมเข้ามาอีก มันสะท้อนว่าการรัฐประหารไม่สามารถแก้ความพิกลพิการทางการเมืองได้ ถ้าประชาชนไม่เข้าใจสิทธิและการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองในระบอบประชาธิปไตย คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติว่าเป็นประโยชน์ของส่วนรวมที่เราต้องปกป้องจากนักการเมืองชั่วมากกว่าผลประโยชน์ที่นักการเมืองหยิบยื่นให้

เราต้องเข้าใจว่าประชาชนส่วนมากยังเข้าใจว่าการเมืองคือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ส่วนตัวในระบบอุปถัมภ์ และกลุ่มทุนการเมืองก็รู้ทันว่า ผู้อุปถัมภ์ในแต่ละท้องถิ่นนั่นแหละคือเซลส์แมนของพวกเขา พวกเขาจึงใช้เงินซื้อตัวนักการเมืองที่เป็นผู้กว้างขวางระบบอุปถัมภ์ในท้องถิ่นที่แท้จริงเข้ามาสังกัดพรรค มีคนวิจัยว่า เดี๋ยวนี้นักการเมืองซื้อเสียงน้อยลงก็อาจจะจริงเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายในห่วงโซ่อุปถัมภ์แบบผูกปีของนักการเมืองอยู่แล้ว

ที่สำคัญเพราะการรัฐประหารเป็นเพียงการผลัดขึ้นมาครองอำนาจชั่วคราวของทหาร หยุดความขัดแย้งไว้ชั่วขณะ กวาดขยะไว้ใต้พรม แล้วถึงเวลาการผลักประเทศไปสู่ชะตากรรมแบบเดิมที่ประชาชนมี “ความเหลื่อมล้ำ” กันในทางการรับรู้สิทธิของตัวเองในระบอบประชาธิปไตย ใช้สิทธิของตัวเองเวลาไม่กี่วินาทีในการเข้าไปใช้สิทธิเข้าคูหาเลือกตั้ง แล้วยกผลประโยชน์ให้กับนักการเมืองแลกเปลี่ยนกับเศษเนื้อที่นักการเมืองหยิบยื่นให้ในนามของ “ประชานิยม”

กลุ่มทุนพรรคการเมืองก็เข้าใจว่า เมื่อตัวเองเข้าสู่อำนาจแล้วจะใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ แต่ประชาชนที่มีความรู้เท่าทันนักการเมืองก็ไม่ยอมให้ประเทศชาติกลายเป็นแหล่งผลประโยชน์ของกลุ่มทุนการเมืองจึงต้องออกมาเดินขบวนต่อต้านและขับไล่ แต่นักการเมืองก็ใช้มายาภาพที่อ้างว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้งโจมตีฝ่ายต่อต้านว่า เป็นพวกแอนตี้ประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่สิทธิที่เขาออกมาขับไล่รัฐบาลนั้นเป็นสิทธิในระบอบประชาธิปไตยนั่นแหละ

นักวิชาการที่สนับสนุนทักษิณและอ้างว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยก็จะบอกว่า ถ้ารัฐบาลไม่มีความชอบธรรมก็ต้องปล่อยให้ประชาชนตัดสินในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าตรรกะแบบนั้นถูกก็คงต้องถามว่า เมื่อเราเห็นรัฐบาลใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมแสวงหาประโยชน์ ทำลายหลักธรรมาภิบาล และทุจริตคอร์รัปชันแล้ว เราต้องยอมนั่งดูรัฐบาลบริหารประเทศไปจนหมดสมัยหรือ เราเห็นโจรขึ้นบ้านเราจะนั่งดูไหม

ถ้าอย่างนั้นก็จะจบลงด้วยบทสรุปที่ว่าอำนาจของประชาชนมีเวลาแค่ไม่กี่นาทีในคูหาเลือกตั้ง เมื่อนักการเมืองชนะเลือกตั้งแล้วจะใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ ประชาธิปไตยคือความหมายแบบนี้หรือ

เราเชื่อว่า ทหารจะทำตามสัญญาถึงเวลาแล้วจะไป พวกท่านออกมาดับไฟที่ลุกโชนในวันที่ชาติเผชิญพาลภัย แต่หวังว่าท่านจะไม่มองแค่ความสงบเพียงชั่วคราวในวันที่พวกท่านถือปืนครองอำนาจอยู่ แล้วในวันที่พวกท่านจากไปกองไฟก็ลุกโชนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น