ASTVผู้จัดการรายวัน-“ออมสิน”จี้ร.ฟ.ท.เคลียร์สัญญาเช่าที่ดินขาดอายุ พบสูญรายได้ถึง 2พันล.ต่อปี ยอมรับปี 58 ยังวิกฤติ คาดขาดทุน 1.8 หมื่นล.เหตุรายได้ต่ำกว่ารายจ่ายและมีภาระดอกเบี้ยและบำเหน็จบำนาญเกือบ 8 พันล. ปิ๊งพัฒนาที่ดินรอบสถานีกลางบางซื่อ ผุดคอมเพล็กซ์ โรงแรม หอบไอเดียหารือ “ผอ.สคร.”ขอไฟเขียวเปิดเอกชนร่วมทุนก่อน ส่วนปัญหาสัญญาเช่าที่ ปตท. ตั้ง”พล.ท.ชาญชัย”หัวหน้าทีมเจรจา และเห็นชอบโยกย้ายรองผู้ว่า 2 คน และตั้งผอ.ทรัพย์สินคนใหม่
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดวานนี้ (1 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมได้รับรายงานผลการตรวจสอบการบริหารจัดการสัญญาเช่าทรัพย์สินและที่ดินทั่วประเทศ ซึ่งพบว่า มีที่ดินจำนวนมากที่สัญญาเช่าครบอายุสัญญาแล้วแต่ยังไม่มีการดำเนินการต่อสัญญาหรือทำการต่อสัญญาล่าช้าและไม่สามารถเก็บเงินค่าเช่าได้คิดเป็นรายได้ที่หายไปในปี 2558 ประมาณ 2,000 ล้านบาท จึงเร่งรัดให้ร.ฟ.ท.ไปตรวจสอบและบริหารจัดการใหม่
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้คาดการณ์ว่า จะมีรายได้จากสัญญาเช่าที่ดินเพียง 1,502.12 ล้านบาท ซึ่งหากนำรายได้ที่สูญเสียนี้กลับมาจะช่วยทำให้มีรายได้จากที่ดินเพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่มีการคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2558 ว่าจะขาดทุนประมาณ 18,000 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 10,300 ล้านบาท
มีรายจ่าย 17,278 ล้านบาท มีภาระบำเหน็จ บำนาญอีก 4,361 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ยเงินกู้อีก 3,434 ล้านบาท
“ร.ฟ.ท.ได้กลับมารายงานข้อมูลเรื่องสัญญาเช่าที่ดินต่างๆ แล้วเห็นว่ารายได้หายไปตั้ง 2,000 ล้านบาท สาเหตุส่วนใหญ่ มาจากไม่ต่ออายุเมื่อสัญญาหมด จึงเก็บไม่ได้ หรือสัญญาที่ย่านจตุจักรที่มี 39 แปลง บางสัญญามีการฟ้องร้อง ศาลสั่งให้รถไฟชนะแล้วไม่ได้ไปบังคับคดี ปล่อยไว้ รายได้ก็หายไปด้วย เป็นต้น”
ส่วนการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ มีมูลค่าการลงทุนสูงนั้น จะเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP ซึ่งที่ดินบริเวณสถานีมักกะสัน ,สถานีแม่น้ำ และบริเวณพหลโยธินนั้น ยังไม่คืบหน้า ทำให้ขณะนี้จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งสองฝั่งของตัวสถานีมีพื้นที่ว่าง 35 ไร่และ 78 ไร่ และที่ดินบริเวณสถานีขนส่งกรุงเทพ (หมอชิตใหม่) อีก 105 ไร่สามารถดำเนินการพัฒนาได้ทันทีเพราะมีการเคลียร์พื้นที่ไว้เพื่อก่อสร้างแล้ว ซึ่งได้มีการออกแบบคร่าวๆ ไว้เบี้องต้น ว่าจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า คอมเพล็กซ์ มีทางเชื่อมเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อได้สะดวก ซึ่งในวันที่ 9 ตุลาคมนี้จะนำแผนเบื้องต้นไปหารือกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ในส่วนของรูปแบบการร่วมทุนกับเอกชน เพื่อนำมาเข้าสู่ขั้นตอนการศึกษารายละเอียดต่อไป
“ผมได้นำแนวคิดการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อหารือกับนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในเบื้องต้นแล้วซึ่งได้ให้พิจารณาในส่วนที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้มีการศึกษาแผนการพัฒนาพื้นที่ย่านพหลโยธินในภาพรวมด้วย เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งเห็นว่า การพัฒนาสถานีกลางบางซื่อมีความเป็นไปได้และทำได้รวดเร็วโดยรถไฟไม่ต้องลงทุน เพียงแต่ศึกษากำหนดแนวทางในการให้เอกชนเข้ามาลงทุนให้ดี ก็สามารถสร้างรายได้จากที่ดินในทำเลทองได้”นายออมสินกล่าว
***ลดรองผู้ว่าฯเหลือ 6 คน ตั้ง”สิริมา”ผอ.ทรัพย์สินลุยทวงหนี้ค้างชำระ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้ว่าฯ 2 ตำแหน่ง คือ นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ หัวหน้าหน่วย ธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ไปดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าฯกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน 1 แทนนายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว ที่เกษียณอายุ และโยกย้าย นายเทอดชัย เพ่งไพฑูรย์ หน่วยธุรกิจเดินรถ ไปดำรงตำแหน่ง หัวหน้าหน่วย ธุรกิจการบริหารทรัพย์สินและแต่งตั้งนางสิริมา หิรัญเจริญเวช ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบภายใน ไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างผู้บริหารให้มีรองผู้ว่าร.ฟ.ท. 6 คนจากเดิม 7 คน โดยลดความซ้ำซ้อนรองผู้ว่าฯด้านการเดินรถให้เหลือคนเดียว ส่วนระดับผู้ช่วยผู้ว่าฯ และผู้อำนวยการฝ่ายนั้นบอร์ดจะมีพิจารณาอย่างรอบคอบรัดกุมต่อไป
โดยจะคัดสรรบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ตั้งใจทำงาน มีประวัติที่ดี เพื่อวางตัวให้สอดคล้องกับแผนฟื้นฟู และรองรับรองผู้ว่าฯที่จะครบเกษียณอายุอีก 3 คนในปี 2558 ด้วยส่วนพล.ท. ชาญชัย ภู่ทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯร.ฟ.ท.ได้รายงานความคืบหน้าว่า จะให้ผู้สมัครที่ผ่านการพิจารณามาคุณสมบัติมาแสดงวิสัยทัศน์และสรุปผลการสรรหาฯภายในเดือนตุลาคมนี้ตามเป้าหมาย โดยจะรายงานความคืบหน้าต่อบอร์ดในการประชุมวันที่ 14 ตุลาคมนี้อีกครั้ง
พร้อมกันนี้บอร์ดได้รับทราบกรณีการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เสนอจ่ายเงินค่าตอบแทนชดเชยการใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟฯ ในก้อนแรกจำนวน 1,200 ล้านบาท ภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนที่เหลือจะมีการเจรจาต่อรองกันต่อไปเนื่องจากร.ฟ.ท.ได้ขอค่าชดเชยกว่า1,500 ล้านบาท ส่วน
***ตั้ง”พล.ท.ชาญชัย”หัวหน้าทีมเจรจาสางปัญหาสัญญาเช่าที่ ปตท.
กรณีปัญหาการเช่าที่ดินการรถไฟฯ ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ จำนวน 24 ไร่ นั้น เบื้องต้นทางผู้บริหารปตท.ได้แจ้งว่า พร้อมที่จะเจรจาค่าเช่า หลังสัญญาเดิมหมดอายุตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 และยังไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งบอร์ดได้ตั้งคณะอนุกรรมการฯไปเจรจากับปตท.โดยมีพล.ท. ชาญชัย ภู่ทอง บอร์ดร.ฟ.ท.เป็นประธานคณะอนุฯ คาดว่าจะเจรจาได้ข้อยุติในเวลาไม่นานเพราะเชื่อว่าปตท.คงไม่ต้องการย้ายไปอยู่ที่อื่น ส่วนร.ฟ.ท.มีข้อมูลจากการศึกษาก่อนหน้านี้พร้อมนำไปเจรจาร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดวานนี้ (1 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมได้รับรายงานผลการตรวจสอบการบริหารจัดการสัญญาเช่าทรัพย์สินและที่ดินทั่วประเทศ ซึ่งพบว่า มีที่ดินจำนวนมากที่สัญญาเช่าครบอายุสัญญาแล้วแต่ยังไม่มีการดำเนินการต่อสัญญาหรือทำการต่อสัญญาล่าช้าและไม่สามารถเก็บเงินค่าเช่าได้คิดเป็นรายได้ที่หายไปในปี 2558 ประมาณ 2,000 ล้านบาท จึงเร่งรัดให้ร.ฟ.ท.ไปตรวจสอบและบริหารจัดการใหม่
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้คาดการณ์ว่า จะมีรายได้จากสัญญาเช่าที่ดินเพียง 1,502.12 ล้านบาท ซึ่งหากนำรายได้ที่สูญเสียนี้กลับมาจะช่วยทำให้มีรายได้จากที่ดินเพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่มีการคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2558 ว่าจะขาดทุนประมาณ 18,000 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 10,300 ล้านบาท
มีรายจ่าย 17,278 ล้านบาท มีภาระบำเหน็จ บำนาญอีก 4,361 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ยเงินกู้อีก 3,434 ล้านบาท
“ร.ฟ.ท.ได้กลับมารายงานข้อมูลเรื่องสัญญาเช่าที่ดินต่างๆ แล้วเห็นว่ารายได้หายไปตั้ง 2,000 ล้านบาท สาเหตุส่วนใหญ่ มาจากไม่ต่ออายุเมื่อสัญญาหมด จึงเก็บไม่ได้ หรือสัญญาที่ย่านจตุจักรที่มี 39 แปลง บางสัญญามีการฟ้องร้อง ศาลสั่งให้รถไฟชนะแล้วไม่ได้ไปบังคับคดี ปล่อยไว้ รายได้ก็หายไปด้วย เป็นต้น”
ส่วนการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ มีมูลค่าการลงทุนสูงนั้น จะเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP ซึ่งที่ดินบริเวณสถานีมักกะสัน ,สถานีแม่น้ำ และบริเวณพหลโยธินนั้น ยังไม่คืบหน้า ทำให้ขณะนี้จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งสองฝั่งของตัวสถานีมีพื้นที่ว่าง 35 ไร่และ 78 ไร่ และที่ดินบริเวณสถานีขนส่งกรุงเทพ (หมอชิตใหม่) อีก 105 ไร่สามารถดำเนินการพัฒนาได้ทันทีเพราะมีการเคลียร์พื้นที่ไว้เพื่อก่อสร้างแล้ว ซึ่งได้มีการออกแบบคร่าวๆ ไว้เบี้องต้น ว่าจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า คอมเพล็กซ์ มีทางเชื่อมเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อได้สะดวก ซึ่งในวันที่ 9 ตุลาคมนี้จะนำแผนเบื้องต้นไปหารือกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ในส่วนของรูปแบบการร่วมทุนกับเอกชน เพื่อนำมาเข้าสู่ขั้นตอนการศึกษารายละเอียดต่อไป
“ผมได้นำแนวคิดการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อหารือกับนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในเบื้องต้นแล้วซึ่งได้ให้พิจารณาในส่วนที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้มีการศึกษาแผนการพัฒนาพื้นที่ย่านพหลโยธินในภาพรวมด้วย เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งเห็นว่า การพัฒนาสถานีกลางบางซื่อมีความเป็นไปได้และทำได้รวดเร็วโดยรถไฟไม่ต้องลงทุน เพียงแต่ศึกษากำหนดแนวทางในการให้เอกชนเข้ามาลงทุนให้ดี ก็สามารถสร้างรายได้จากที่ดินในทำเลทองได้”นายออมสินกล่าว
***ลดรองผู้ว่าฯเหลือ 6 คน ตั้ง”สิริมา”ผอ.ทรัพย์สินลุยทวงหนี้ค้างชำระ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้ว่าฯ 2 ตำแหน่ง คือ นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ หัวหน้าหน่วย ธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ไปดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าฯกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน 1 แทนนายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว ที่เกษียณอายุ และโยกย้าย นายเทอดชัย เพ่งไพฑูรย์ หน่วยธุรกิจเดินรถ ไปดำรงตำแหน่ง หัวหน้าหน่วย ธุรกิจการบริหารทรัพย์สินและแต่งตั้งนางสิริมา หิรัญเจริญเวช ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบภายใน ไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างผู้บริหารให้มีรองผู้ว่าร.ฟ.ท. 6 คนจากเดิม 7 คน โดยลดความซ้ำซ้อนรองผู้ว่าฯด้านการเดินรถให้เหลือคนเดียว ส่วนระดับผู้ช่วยผู้ว่าฯ และผู้อำนวยการฝ่ายนั้นบอร์ดจะมีพิจารณาอย่างรอบคอบรัดกุมต่อไป
โดยจะคัดสรรบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ตั้งใจทำงาน มีประวัติที่ดี เพื่อวางตัวให้สอดคล้องกับแผนฟื้นฟู และรองรับรองผู้ว่าฯที่จะครบเกษียณอายุอีก 3 คนในปี 2558 ด้วยส่วนพล.ท. ชาญชัย ภู่ทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯร.ฟ.ท.ได้รายงานความคืบหน้าว่า จะให้ผู้สมัครที่ผ่านการพิจารณามาคุณสมบัติมาแสดงวิสัยทัศน์และสรุปผลการสรรหาฯภายในเดือนตุลาคมนี้ตามเป้าหมาย โดยจะรายงานความคืบหน้าต่อบอร์ดในการประชุมวันที่ 14 ตุลาคมนี้อีกครั้ง
พร้อมกันนี้บอร์ดได้รับทราบกรณีการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เสนอจ่ายเงินค่าตอบแทนชดเชยการใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟฯ ในก้อนแรกจำนวน 1,200 ล้านบาท ภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนที่เหลือจะมีการเจรจาต่อรองกันต่อไปเนื่องจากร.ฟ.ท.ได้ขอค่าชดเชยกว่า1,500 ล้านบาท ส่วน
***ตั้ง”พล.ท.ชาญชัย”หัวหน้าทีมเจรจาสางปัญหาสัญญาเช่าที่ ปตท.
กรณีปัญหาการเช่าที่ดินการรถไฟฯ ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ จำนวน 24 ไร่ นั้น เบื้องต้นทางผู้บริหารปตท.ได้แจ้งว่า พร้อมที่จะเจรจาค่าเช่า หลังสัญญาเดิมหมดอายุตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 และยังไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งบอร์ดได้ตั้งคณะอนุกรรมการฯไปเจรจากับปตท.โดยมีพล.ท. ชาญชัย ภู่ทอง บอร์ดร.ฟ.ท.เป็นประธานคณะอนุฯ คาดว่าจะเจรจาได้ข้อยุติในเวลาไม่นานเพราะเชื่อว่าปตท.คงไม่ต้องการย้ายไปอยู่ที่อื่น ส่วนร.ฟ.ท.มีข้อมูลจากการศึกษาก่อนหน้านี้พร้อมนำไปเจรจาร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ