ASTV ผู้จัดการรายวัน - บุตรชายผู้ใหญ่บ้านเกาะเต่าพร้อมทนาย เดินทางเข้าชี้แจง ตร.นครบาล หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมแหม่มสาว พร้อมนำเอกสารการเข้าเรียนย่านรังสิตในวันเกิดเหตุมายืนยัน ยอมรับได้ผลกระทบจากโลกโซเชียลและสังคมจนเป็นตราบาปติดตัว ขณะที่ ผบก.ภ.ทองคาถายังมั่นใจใกล้ได้ตัวผู้ต้องหาเหตุมีคนมาให้ข้อมูลมากขึ้น คนเกาะเต่าร้องขอความคุ้มครองอ้างถูก ตร.หว่านล้อมบีบให้เป็นแพะ ตำรวจชลบุรีเออกหมายจับหนุ่มพัทยาหื่นลวงสาวแดนโคนมไปข่มขืนในไร่มันสำปะหลัง
วานนี้ (30 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จากกรณีสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกฆ่าตายปริศนาบริเวณเกาะเต่าเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งมีการเผยแพร่ข่าวพาดพิงนายวรท ตู้วิเชียร ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมดังกล่าว เป็นเหตุให้นายอรรถกรณ์ อ้นอาจ ทนายส่วนตัวของนายวรท ตู้วิเชียร บุตรชายของนายวรพันธ์ ตู้วิเชียร ผู้ใหญ่บ้านตำบลเกาะเต่า มาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของนายวรทว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้อมูลที่จะนำมายืนยันความบริสุทธิ์ของนายวรท คือ ภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่ 14-15 ก.ย. ว่านายวรทได้อยู่หอพักย่านรังสิต จังหวัดปทุมธานีจริง และเอกสารการยืนยันการเข้าเรียนของนายวรทในวันที่ 15 ก.ย.
นายอรรถกรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมานายวรทได้รับผลกระทบจากโลกโซเชียลและสังคมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยคำพูดทางสื่อออนไลน์ หรือแรงกดดันจากบุคคลรอบข้าง รวมทั้งมีคำครหาต่างๆ ว่าเป็นฆาตกร อยากจะชี้แจงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่านายวรทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น และหากมีการเรียกตัวไปสอบปากคำก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ด้านนายวรทกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนเองโดนคนรอบข้างโจมตีอย่างหนัก รวมทั้งเพื่อนที่มหาวิทยาลัยต่างเข้ามาถามว่าเป็นฆาตกรจริงหรือเปล่าทุกวัน และยังมีบุคคลในโลกออนไลน์ที่กล่าวหาว่าตนเป็นฆาตกร และใช้คำหยาบคายต่อว่าอย่างรุนแรง จนทุกวันนี้ไม่อยากไปเรียน และรู้สึกว่าเป็นตราบาปที่ติดตัว จนบางครั้งรู้สึกกลัวคนรอบข้าง
**ยังไร้เงาฆาตกรฆ่า2นทท.บนเกาะเต่า
พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งจะเดินทางไปรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในวันนี้ (1 ต.ค.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่บริเวณหาดทรายรี หมู่ 1 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานีว่า ในเรื่องของพยานหลักฐานนั้นทางตำรวจมีพร้อมแล้วเหลือเพียงในส่วนของการหาตัวคนต้องสงสัยมาเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่มีอยู่เท่านั้น ซึ่งในการติดตามจับกุมคนร้ายครั้งนี้ได้จำกัดวงแคบลงเรื่อยๆ และมีการแยกกลุ่มผู้ต้องสงสัยออกเป็นกลุ่มๆ โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุในช่วงเวลา 02.00-04.00 น. ในรัศมี 600 เมตร ที่เป็นช่วงเวลาเกิดเหตุเพื่อตีกรอบให้แคบลง ซึ่งจากการสืบสวนเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ และผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์มีไม่ต่ำกว่า 3 คน ซึ่งจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่มีความชัดเจนมากขึ้น
ขณะนี้มีคนจำนวนมากที่เข้ามาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งญาติของคนไทยบางกลุ่มที่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งรวมไปถึงคนที่มาแจ้งเบาะแสเพื่อรับเงินรางวัลนำจับ ทำให้ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่มีเบาะแสของคนร้ายมากขึ้น ซึ่งในส่วนของหลักฐานต่างๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีนั้นไม่ขอเปิดเผยว่ามีหลักฐานอะไร แต่ยืนยันได้ว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการที่จะเอาผิดคนร้ายที่ก่อคดีนี้ได้อย่างแน่นอน
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวต่อว่า ในส่วนของการติดตามจับกุมคนร้ายตอนนี้ยังให้ความสนใจทุกกลุ่ม โดยนำแต่ละกลุ่มมาตรวจสอบ สอบปากคำ ซักถาม และตรวจสอบเปรียบเทียบกับวัตถุพยานที่มีอยู่ จนกว่าจะแน่ใจว่าใช่คนร้ายหรือใหม่ ขณะที่ในส่วนของคนไทยบางส่วนที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ หรือคนที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองก็จะมาพบกับตำรวจเพื่อขอให้มีการตรวจสอบเลยก็มี ซึ่งยังเชื่อมั่นว่าคนร้ายที่ก่อเหตุจะเป็นกลุ่มที่อยู่ใกล้ชิดกับสถานที่เกิดเหตุอย่างแน่นอน และขณะนี้ขอยืนยันว่า การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถูกทางแล้ว
ส่วนกรณีที่มีการขอตรวจดีเอ็นเอแรงงานต่างด้าว และมีบางคนวิ่งหนีนั้นขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามนำตัวมาตรวจดีเอ็นเอแล้ว เช่นเดียวกับกลุ่มคนบางกลุ่มที่ออกจากเกาะเต่าไปแล้วก็มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามแล้ว
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวอีก การแต่งตั้ง ผบช.ภ.8 คนใหม่ คือ พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ที่จะเข้ามาสานงานต่อจากตน ก็ได้มีการส่งมอบงานกันไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) เชื่อว่า ผบช.ภ.8 คนใหม่ซึ่งเป็นคนที่มีฝีมือจะเข้ามาสานต่อ และติดตามจับกุมคนร้ายต่อไปอย่างแน่นอน ประกอบกับ ผบช.ภ.8 คนใหม่ก็เคยทำงานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาแล้ว ก็มีแหล่งข่าวอยู่แล้วบางส่วน และเชื่อว่าจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
**คนเกาะเต่าโวยโดน ตร.บีบเป็นแพะ
ส่วนที่ทำการกำนันตำบลเกาะเต่า นายอัศวิน แซ่ภู่ อายุ 41 ปี ประธานชมรมแท็กซี่เกาะเต่า และนายอาทิตย์ คงเทพ ผู้จัดการทีมฟุตบอล ซันเซอร์วิส ได้นำตัวนายพรประสิทธิ์ สุขดำ อายุ 37 ปี อาชีพขับแท็กซี่ และเป็นหนึ่งในทีมนักฟุตบอลที่ตกเป็นผู้สงสัยเข้าร้องขอความเป็นธรรมจากนายกอบชัย เสาวลักณษ์ กำนันตำบลเกาะเต่า
โดยนายพรประสิทธิ์ อ้างว่าเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนได้นำตัวไปสอบปากคำ โดยพูดจาหว่านล้อมให้ตนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ และจะกันตนเป็นพยานรับเงินรางวัล 700,000 บาท แต่ตนได้ตอบปฏิเสธไป เพราะไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ แต่ยอมรับว่าไปเที่ยวกับทีมฟุตบอลทั้งหมดกว่า 10 คนจริง
"หลังจากผมปฏิเสธได้สร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวอย่างมาก มีการทำร้ายร่างกาย แต่ก็ได้ปล่อยตัวมาเมื่อเวลา 18.30 น.ของวันเดียวกัน และวันที่ 30 ก.ย.เจ้าหน้าที่จะนำตัวมาสอบปากคำอีก ผมเกรงจะไม่ปลอดภัยจึงเข้าร้องขอความคุ้มครองจากกำนัน และยืนยันว่าผมไม่ติดใจต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ เพียงแต่มายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองและครอบครัว พร้อมให้ความร่วมมือต่อทางเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ไม่ใช่บังคับให้รู้เห็นในสิ่งที่ผมไม่เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" นายพรประสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายอัศวิน ได้เรียกร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าใช้ความรุนแรง และไม่ให้จับแพะ ขอให้จับคนที่กระทำความผิดจริงๆ คนที่ไม่ผิดไม่ควรเข้าไปคุกคาม เนื่องจากจะทำให้เขาได้รับความเดือดร้อน
**จ่อหมายจับไอ้หื่นลวงสาวโคนมข่มขืน
ด้านความคืบหน้ากรณีคนร้ายล่อลวงนักท่องเที่ยวสาวชาวเดนมาร์ก วัย 23 ปี ขึ้นรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน จากย่านจอมเทียน ต.สัตหีบ ไปข่มขืนในไร่มันสำปะหลัง เขต ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความและให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมสเกตช์ภาพคนร้ายแล้วนั้น
วานนี้ (30 ก.ย.) ผู้เสียหายสาวรายนี้ซึ่งมีญาติทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตเมืองพัทยา ได้เดินทางมาพักผ่อนในประเทศไทยหลายครั้ง จนมาเจอคนร้ายที่บริเวณโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน ที่อ้างว่าเป็นคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง อาสาจะไปส่งที่พัก จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงถูกล่อลวงพาผู้เสียหายเข้าไปในไร่มันสำปะหลังริมถนนห้วยใหญ่-331 และลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นคนร้ายได้ขับรถหนีไป โดยทิ้งผู้เสียหายไว้ที่เปลี่ยวคนเดียว
จากนั้นผู้เสียหายได้เดินออกจากป่ามาขึ้นรถกลับบ้านบ้าน และนำเรื่องไปเล่าให้ญาติทราบ จึงพาไปแจ้งความที่ สภ.ห้วยใหญ่ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้พาผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบางละมุง ต่อมา ได้พาผู้เสียหายไปชี้จุดที่เกิดเหตุใกล้วัดเทพบุตร ซอยห้วยใหญ่ พบเสื้อแจ็กเกตผ้าร่มสีดำ และเศษผมของคนร้ายบางส่วนตกอยู่ จึงเก็บไวเป็นหลักฐาน
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ออกตรวจสอบภาพวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายขับรถมาก่อเหตุ พบว่า จับภาพของคนร้ายไว้ได้บางจุด และพบรถคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุเป็นจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 125 สีขาวล้วน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก เพราะเกรงว่าจะเสียรูปคดี อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับคนร้ายตามภาพแล้ว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว
วานนี้ (30 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จากกรณีสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกฆ่าตายปริศนาบริเวณเกาะเต่าเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งมีการเผยแพร่ข่าวพาดพิงนายวรท ตู้วิเชียร ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมดังกล่าว เป็นเหตุให้นายอรรถกรณ์ อ้นอาจ ทนายส่วนตัวของนายวรท ตู้วิเชียร บุตรชายของนายวรพันธ์ ตู้วิเชียร ผู้ใหญ่บ้านตำบลเกาะเต่า มาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของนายวรทว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้อมูลที่จะนำมายืนยันความบริสุทธิ์ของนายวรท คือ ภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่ 14-15 ก.ย. ว่านายวรทได้อยู่หอพักย่านรังสิต จังหวัดปทุมธานีจริง และเอกสารการยืนยันการเข้าเรียนของนายวรทในวันที่ 15 ก.ย.
นายอรรถกรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมานายวรทได้รับผลกระทบจากโลกโซเชียลและสังคมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยคำพูดทางสื่อออนไลน์ หรือแรงกดดันจากบุคคลรอบข้าง รวมทั้งมีคำครหาต่างๆ ว่าเป็นฆาตกร อยากจะชี้แจงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่านายวรทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น และหากมีการเรียกตัวไปสอบปากคำก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ด้านนายวรทกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนเองโดนคนรอบข้างโจมตีอย่างหนัก รวมทั้งเพื่อนที่มหาวิทยาลัยต่างเข้ามาถามว่าเป็นฆาตกรจริงหรือเปล่าทุกวัน และยังมีบุคคลในโลกออนไลน์ที่กล่าวหาว่าตนเป็นฆาตกร และใช้คำหยาบคายต่อว่าอย่างรุนแรง จนทุกวันนี้ไม่อยากไปเรียน และรู้สึกว่าเป็นตราบาปที่ติดตัว จนบางครั้งรู้สึกกลัวคนรอบข้าง
**ยังไร้เงาฆาตกรฆ่า2นทท.บนเกาะเต่า
พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งจะเดินทางไปรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในวันนี้ (1 ต.ค.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่บริเวณหาดทรายรี หมู่ 1 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานีว่า ในเรื่องของพยานหลักฐานนั้นทางตำรวจมีพร้อมแล้วเหลือเพียงในส่วนของการหาตัวคนต้องสงสัยมาเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่มีอยู่เท่านั้น ซึ่งในการติดตามจับกุมคนร้ายครั้งนี้ได้จำกัดวงแคบลงเรื่อยๆ และมีการแยกกลุ่มผู้ต้องสงสัยออกเป็นกลุ่มๆ โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุในช่วงเวลา 02.00-04.00 น. ในรัศมี 600 เมตร ที่เป็นช่วงเวลาเกิดเหตุเพื่อตีกรอบให้แคบลง ซึ่งจากการสืบสวนเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ และผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์มีไม่ต่ำกว่า 3 คน ซึ่งจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่มีความชัดเจนมากขึ้น
ขณะนี้มีคนจำนวนมากที่เข้ามาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งญาติของคนไทยบางกลุ่มที่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งรวมไปถึงคนที่มาแจ้งเบาะแสเพื่อรับเงินรางวัลนำจับ ทำให้ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่มีเบาะแสของคนร้ายมากขึ้น ซึ่งในส่วนของหลักฐานต่างๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีนั้นไม่ขอเปิดเผยว่ามีหลักฐานอะไร แต่ยืนยันได้ว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการที่จะเอาผิดคนร้ายที่ก่อคดีนี้ได้อย่างแน่นอน
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวต่อว่า ในส่วนของการติดตามจับกุมคนร้ายตอนนี้ยังให้ความสนใจทุกกลุ่ม โดยนำแต่ละกลุ่มมาตรวจสอบ สอบปากคำ ซักถาม และตรวจสอบเปรียบเทียบกับวัตถุพยานที่มีอยู่ จนกว่าจะแน่ใจว่าใช่คนร้ายหรือใหม่ ขณะที่ในส่วนของคนไทยบางส่วนที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ หรือคนที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองก็จะมาพบกับตำรวจเพื่อขอให้มีการตรวจสอบเลยก็มี ซึ่งยังเชื่อมั่นว่าคนร้ายที่ก่อเหตุจะเป็นกลุ่มที่อยู่ใกล้ชิดกับสถานที่เกิดเหตุอย่างแน่นอน และขณะนี้ขอยืนยันว่า การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถูกทางแล้ว
ส่วนกรณีที่มีการขอตรวจดีเอ็นเอแรงงานต่างด้าว และมีบางคนวิ่งหนีนั้นขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามนำตัวมาตรวจดีเอ็นเอแล้ว เช่นเดียวกับกลุ่มคนบางกลุ่มที่ออกจากเกาะเต่าไปแล้วก็มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามแล้ว
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวอีก การแต่งตั้ง ผบช.ภ.8 คนใหม่ คือ พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ที่จะเข้ามาสานงานต่อจากตน ก็ได้มีการส่งมอบงานกันไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) เชื่อว่า ผบช.ภ.8 คนใหม่ซึ่งเป็นคนที่มีฝีมือจะเข้ามาสานต่อ และติดตามจับกุมคนร้ายต่อไปอย่างแน่นอน ประกอบกับ ผบช.ภ.8 คนใหม่ก็เคยทำงานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาแล้ว ก็มีแหล่งข่าวอยู่แล้วบางส่วน และเชื่อว่าจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
**คนเกาะเต่าโวยโดน ตร.บีบเป็นแพะ
ส่วนที่ทำการกำนันตำบลเกาะเต่า นายอัศวิน แซ่ภู่ อายุ 41 ปี ประธานชมรมแท็กซี่เกาะเต่า และนายอาทิตย์ คงเทพ ผู้จัดการทีมฟุตบอล ซันเซอร์วิส ได้นำตัวนายพรประสิทธิ์ สุขดำ อายุ 37 ปี อาชีพขับแท็กซี่ และเป็นหนึ่งในทีมนักฟุตบอลที่ตกเป็นผู้สงสัยเข้าร้องขอความเป็นธรรมจากนายกอบชัย เสาวลักณษ์ กำนันตำบลเกาะเต่า
โดยนายพรประสิทธิ์ อ้างว่าเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนได้นำตัวไปสอบปากคำ โดยพูดจาหว่านล้อมให้ตนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ และจะกันตนเป็นพยานรับเงินรางวัล 700,000 บาท แต่ตนได้ตอบปฏิเสธไป เพราะไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ แต่ยอมรับว่าไปเที่ยวกับทีมฟุตบอลทั้งหมดกว่า 10 คนจริง
"หลังจากผมปฏิเสธได้สร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวอย่างมาก มีการทำร้ายร่างกาย แต่ก็ได้ปล่อยตัวมาเมื่อเวลา 18.30 น.ของวันเดียวกัน และวันที่ 30 ก.ย.เจ้าหน้าที่จะนำตัวมาสอบปากคำอีก ผมเกรงจะไม่ปลอดภัยจึงเข้าร้องขอความคุ้มครองจากกำนัน และยืนยันว่าผมไม่ติดใจต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ เพียงแต่มายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองและครอบครัว พร้อมให้ความร่วมมือต่อทางเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ไม่ใช่บังคับให้รู้เห็นในสิ่งที่ผมไม่เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" นายพรประสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายอัศวิน ได้เรียกร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าใช้ความรุนแรง และไม่ให้จับแพะ ขอให้จับคนที่กระทำความผิดจริงๆ คนที่ไม่ผิดไม่ควรเข้าไปคุกคาม เนื่องจากจะทำให้เขาได้รับความเดือดร้อน
**จ่อหมายจับไอ้หื่นลวงสาวโคนมข่มขืน
ด้านความคืบหน้ากรณีคนร้ายล่อลวงนักท่องเที่ยวสาวชาวเดนมาร์ก วัย 23 ปี ขึ้นรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน จากย่านจอมเทียน ต.สัตหีบ ไปข่มขืนในไร่มันสำปะหลัง เขต ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความและให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมสเกตช์ภาพคนร้ายแล้วนั้น
วานนี้ (30 ก.ย.) ผู้เสียหายสาวรายนี้ซึ่งมีญาติทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตเมืองพัทยา ได้เดินทางมาพักผ่อนในประเทศไทยหลายครั้ง จนมาเจอคนร้ายที่บริเวณโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน ที่อ้างว่าเป็นคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง อาสาจะไปส่งที่พัก จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงถูกล่อลวงพาผู้เสียหายเข้าไปในไร่มันสำปะหลังริมถนนห้วยใหญ่-331 และลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นคนร้ายได้ขับรถหนีไป โดยทิ้งผู้เสียหายไว้ที่เปลี่ยวคนเดียว
จากนั้นผู้เสียหายได้เดินออกจากป่ามาขึ้นรถกลับบ้านบ้าน และนำเรื่องไปเล่าให้ญาติทราบ จึงพาไปแจ้งความที่ สภ.ห้วยใหญ่ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้พาผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบางละมุง ต่อมา ได้พาผู้เสียหายไปชี้จุดที่เกิดเหตุใกล้วัดเทพบุตร ซอยห้วยใหญ่ พบเสื้อแจ็กเกตผ้าร่มสีดำ และเศษผมของคนร้ายบางส่วนตกอยู่ จึงเก็บไวเป็นหลักฐาน
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ออกตรวจสอบภาพวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายขับรถมาก่อเหตุ พบว่า จับภาพของคนร้ายไว้ได้บางจุด และพบรถคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุเป็นจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 125 สีขาวล้วน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก เพราะเกรงว่าจะเสียรูปคดี อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับคนร้ายตามภาพแล้ว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว