คนเกาะเต่าร้องขอความคุ้มครอง อ้างถูก ตร.หว่านล้อมให้รู้เห็นเหตุฆ่านักท่องเที่ยว

สุราษฎร์ธานี - ผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 8 ย้ำการสอบสวนเดินมาถูกต้องยึดนิติวิทยาศาสตร์ และหลักมนุษยธรรม พร้อมยันมีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามาบ้างแล้ว ในขณะที่นักฟุตบอลร้องกำนันเกาะเต่า ให้คุ้มครองอ้างถูกตำรวจชุดคลี่คลายบังคับให้รู้เห็นเหตุการณ์ และจะกันเป็นพยาน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (30 ก.ย.) พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอาง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รักษาราชการ ผบก.สืบสวนนครบาล ได้เดินทางเข้าลงพื้นที่เกาะเต่า เพื่อติดตามการคลี่คลายคดี ฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ บนหาดทรายรี เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

หลังจากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว ว่า การตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งมีหลายประเด็นที่อาจจะเป็นสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนการติดตามตัวคนร้าย เราใช้หลักเหตุผลต่างๆ รวมทั้งหลักวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ขณะที่ทีมสืบสวนนั้นเป็นการสนธิกำลังร่วมกัน ประกอบด้วย สอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล และชุดสืบสวนจากกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวจากจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่กองปราบปรามมาสมทบส่วนหนึ่ง ซึ่งการสืบสวนทางเจ้าหน้าที่ได้เดินมาถูกทางแล้ว โดยยึดหลักนิติวิทยาศาสตร์และสิทธิมนุษยธรรม และเริ่มมีการแจ้งเบาะแสกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้ามาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (30 ก.ย.) ที่ทำการกำนันตำบลเกาะเต่า นายอัศวิน แซ่ภู่ อายุ 41 ปี ประธานชมรมแท็กซี่เกาะเต่า และนายอาทิตย์ คงเทพ ผู้จัดการทีมฟุตบอล ซันเซอร์วิส ได้นำตัวนายพรประสิทธิ์ สุขดำ อายุ 37 ปี อาชีพขับแท็กซี่ และเป็นหนึ่งในทีมนักฟุตบอลที่ตกเป็นผู้สงสัย เข้าร้องขอความเป็นธรรมจาก นายกอบชัย เสาวลักณษ์ กำนันตำบลเกาะเต่า โดยนายพรประสิทธิ์ อ้างว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (29 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนได้นำตัวไปสอบปากคำ โดยพูดจาหว่านล้อมให้ตนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ และจะกันตนเป็นพยานรับเงินรางวัล 700,000 บาท แต่ตนได้ตอบปฏิเสธไป เพราะไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ แต่ยอมรับว่าไปเที่ยวกับทีมฟุตบอลทั้งหมดกว่า 10 คนจริง

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ทำร้ายร่างกาย และปล่อยตัวมาเมื่อเวลา 18.30 น. ของวันเดียวกัน และในวันนี้ (30 ก.ย.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวเองมาสอบปากคำอีก เกรงไม่ปลอดภัยจึงเข้าร้องขอความคุ้มครองจากกำนัน และยืนยันว่าไม่ติดใจต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ เพียงแต่มายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองและครอบครัว พร้อมให้ความร่วมมือต่อทางเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ไม่ใช่บังคับให้รู้เห็นในสิ่งที่ตนไม่เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านกำนันเกาะเต่า เรียกร้องขอให้เจ้าหน้าที่อย่าใช้ความรุนแรง และไม่ให้จับแพะ ขอให้จับคนที่กระทำความผิดจริงๆ คนที่ไม่ผิดอย่าไปคุกคามจะทำให้เขาหวาดกลัวส่งผลกระทบต่อครอบครัวผู้นั้น