สุราษฎร์ธานี - ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี เตรียมหารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวฯ ขอสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาเพื่อรองรับการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซัน รวมถึงแผนฟื้นฟูเกาะเต่าระยะยาว ขณะที่ด้านคดีความ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยืนยันใกล้ความเป็นจริงแล้ว
นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า วันที่ 28 ก.ย.นี้ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเดินทางลงพื้นที่เกาะเต่า เพื่อหารือร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งเพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่ และผลกระทบจากกรณีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกฆาตกรรม ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะได้หามาตรการสร้างความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวให้กลับคืนมา
สำหรับการเดินทางลงพื้นที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ครั้งนี้ ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะขอสนับสนุนงบประมาณจากกรมการท่องเที่ยว มาจัดกิจกรรมในพื้นที่ เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ที่ดีในด้านการท่องเที่ยวของเกาะเต่า และเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวกลับมา ซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของเกาะเต่าที่มาถึงในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมนี้ เพราะในแต่ละปีเกาะเต่า จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาปีละ 4 แสนคน สร้างรายได้กว่า 5 พันล้านบาทต่อปี จึงจำเป็นต้องให้รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณในด้านการท่องเที่ยว รวมถึงแผนฟื้นฟูเกาะเต่าทั้งในระยะสั้น และในระยะยาว โดยเฉพาะการติดตั้งระบบไฟฟ้า เพื่อจะได้มีไฟฟ้าสว่างเพียงพอตามจุดเสี่ยง และรับการติดตั้งกล้อง CCTV บนเกาะเต่าตามมาตรการสร้างความปลอดภัยบนเกาะด้วย
ขณะที่ความคืบหน้าการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า ขณะนี้ในเรื่องของพยานหลักฐานมีความคืบหน้าไปกว่า 90% ซึ่งหลักฐานที่ได้มาจะเป็นตัวตั้งเพื่อหาบุคคลต้องสงสัยมาเปรียบเทียบ ซึ่งพยานหลักฐานที่มีการตรวจสอบนั้นมีทุกส่วนทั้งพยานในที่เกิดเหตุ พยานบุคคล พยานจากกล้องวงจรปิด นอกจากนั้น ยังมีเบาะแสจากชาวบ้านที่เริ่มเข้ามาให้เบาะแสเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อทางตำรวจในการที่จะนำข้อมูลมาประมวลในการติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งที่ผ่านมา การสื่อสารระหว่างตำรวจกับชาวบ้านอาจจะสื่อไม่ตรงกันทำให้ที่ผ่านมา ยังไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจน แต่ต้อนนี้เริ่มที่จะได้ข้อมูลเข้ามามากขึ้น
ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญ อีกทั้งได้ตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุ ระหว่างเวลาตั้งแต่เที่ยงคืน จนถึง 6 โมงเช้า โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในช่วงเวลาเกิดเหตุตั้งแต่ตี 2 ถึงตี 4 นั้น อยู่ในข่ายต้องสงสัยที่ได้ตรวจสอบข้อมูลไว้แล้ว และคาดว่าเป็นเวลาช่วงตี 2 ถึงตี 4 จะเป็นช่วงที่คนร้ายลงมือก่อเหตุฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ทั้งนี้ มีการตรวจสอบบุคคลที่อยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวคืบหน้าไปมาก ทำให้ตำรวจมีความมั่นใจต่อพยานหลักฐานที่มีอยู่ โดยวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ และจุดใกล้เคียงจะเป็นหลักฐานที่จะนำไปสู่การติดตามคนร้ายได้อย่างแน่นอน
พล.ต.ท.ปัญญา ยังได้กล่าวต่อไปถึงการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ว่า ที่ผ่านมา ทางรัฐมนตรีก็ได้สอบถามถึงมาตรการในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ในส่วนของตำรวจก็อยากจะเสนอให้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยดูแลนักท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะที่เกาะเต่าเท่านั้น แต่รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ด้วย ซึ่งการเพิ่มกำลังนั้นจะเป็นในส่วนของกำลังอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวเข้ามาเสริม ซึ่งถ้ามีกำลังเหล่านี้เข้ามาช่วยสนับสนุนก็จะทำให้การดูแลนักท่องเที่ยวมีความครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนั้น ในส่วนของไฟฟ้าแสงสว่างตามแหล่งท่องเที่ยวก็เป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะต้องเพิ่ม รวมทั้งกล้องวงจรปิด ซึ่งจุดนี้ก็อยากให้ทางภาครัฐเข้ามาสนับสนุนด้วย