สุราษฎร์ธานี - รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงเกาะเต่า ตามความคืบหน้าคลี่คลายคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ย้ำมีหลักฐานชัดเจนขึ้น ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เชื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีแน่นอน ผู้ประกอบการเพิ่มรางวันนำจับเป็น 7 แสนบาท ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ขอความเป็นธรรม ยันที่ผ่านมาให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุมคนร้ายมาโดยตลอด
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (24 ก.ย.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านการปราบปราม ลงพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 8 ส่วนหน้า ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกฆาตกรรม ประกอบด้วย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจนิติเวช และตำรวจชุดสืบสวนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กว่า 30 นาย โดยได้กล่าวสั้นๆ ก่อนการประชุม ว่า การลงพื้นที่เกาะเต่าได้รับมอบหมายจากว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ลงมาติดตามความคืบหน้าการสืบสวนคดี เนื่องจากอยู่ในความสนใจ และทางตำรวจต้องเร่งคลี่คลายคดีโดยเร็ว ทั้งนี้ ได้ปิดห้องประชุมลับโดยไม่อนุญาตสื่อมวลชนเข้าฟัง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประชุมเสร็จ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจได้สอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต รวมทั้งผู้พบเห็นจุดเกิดเหตุ การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจุดใกล้เคียง ซึ่งมีภาพชัดเจน และเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งการสืบสวนได้ขยายการสืบสวนเพื่อนำประเด็นต่างๆ มาวิเคราะห์ให้ชัดเจนขึ้น ขณะที่การตรวจสอบดีเอ็นเอของกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บดีเอ็นเอมาตรวจสอบเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอที่พบที่ตัวของผู้เสียชีวิต และจะต้องมีการติดตามตัวบุคคลต้องสงสัยมาตรวจสอบดีเอ็นเอให้ได้ ซึ่งหลักฐานที่รวบรวมได้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ความมั่นใจ เนื่องจากรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจต่อคดี ยืนยันว่าตำรวจทำงานอย่างรัดกุมที่สุด ส่วนกรณีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนยังไม่ตรงกับประเด็นที่ตำรวจกำลังติดตามสืบสวน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเสียเวลาติดตามสืบสวนจากประเด็นข่าวที่สื่อนำเสนอมากขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้ออกหมายจับใครในคดีนี้ แต่ได้ตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้วจำนวนหนึ่ง และจากการตรวจสอบดีเอ็นเอ ผลเปรียบเทียบออกมาไม่ตรงกับผู้ต้องสงสัยรายใด อย่างไรก็ตาม ยังมีผลตรวจดีเอ็นเออีกส่วนหนึ่งที่ส่งไปตรวจสอบใหม่ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรอพลตรวจเปรียบเทียบ ขณะที่การสืบสวนได้มุ่งไปที่ผู้ใกล้ชิดกับที่เกิดเหตุมากขึ้น คาดว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้มีประมาณ 3 คน และขณะนี้อาจจะหลบหนีไปอาศัยกับญาติ จึงขอความร่วมมือประชาชนได้แจ้งเบาะแสต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีรางวัลนำจับจากภาคเอกชนรวม 7 แสนบาท
ส่วนกรณีมีข่าวว่ามีผู้ต้องสงสัยบางคนกำลังหลบหนี จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ที่เกาะเต่าในวันที่เกิดเหตุ แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ตัดประเด็นข้อบุคคลต้องสงสัยรายนี้ทิ้ง ส่วนข้อมูลที่ นายฌอง แมคแอนน่า ชาวสกอตแลนด์โพสต์บนเฟซบุ๊ก ตำรวจกำลังตรวจสอบ แต่ยังไม่ด่วนสรุป และกรณีสื่อต่างชาติโจมตีการทำงานของตำรวจไทย ต้องเข้าใจว่าการติดตามคดีต้องใช้เวลา
นอกจากนั้น พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยังได้กล่าวก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม ว่า คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตำรวจต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้พยานหลักฐานที่มีอยู่มัดตัวผู้ต้องหาให้แน่นหนา รัดกุม ซึ่งมีพยานหลักฐานมากแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ทั้งหมด ขอย้ำว่าในพื้นที่เกาะเต่าไม่มีผู้มีอิทธิพลขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งผู้ประกอบการ และชาวบ้านในพื้นที่ให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในปฏิบัติงานเป็นอย่างดี ขอให้เชื่อว่าตำรวจจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอน และเป็นคนร้ายตัวจริง ไม่มีการจับแพะ ดังนั้น พยานหลักฐานต้องแน่นหนา ต้องสมบูรณ์ เพราะเป็นคดีที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ
ขณะที่ นายวรพันธุ์ ตู้วิเชียร ผู้ใหญ่บ้านหมูที่ 1 ท้องที่เกิดเหตุ และเจ้าของเอซี บาร์ และเอซีรีสอร์ท ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ที่ได้เชิญตัวไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่า การเข้าไปให้ข้อมูลในครั้งนี้ก็ได้เรียนให้ทราบว่าการทำงานที่ผ่านมา ตนในฐานะผู้ใหญ่บ้าน อยู่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ ก็ให้ข้อมูลทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 8 มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝรั่งที่ชื่อ ฌอร์ง หรืองณอน ชาวสกอตแลนท์ ตนก็ได้ให้คนไปเช็กข่าวในพื้นที่ ว่าใครมีปัญหา หรือทะเลาะกับนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวหรือไม่ ก็พยายามหาข้อมูลเข้ามาเพื่อให้เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะตำรวจที่มาจากสืบภาค 8 ได้ทำงานแบบสะดวก รวมทั้งชาวต่างชาติที่ชื่อ ฌอน ซึ่งทราบว่า ทีมพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจเก็บดีเอ็นเอไปแล้ว จากนั้น ฌอน ได้เดินทางออกจากเกาะเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งต่อตำรวจภาค 8 ปรากฏว่า มีข่าวออกกลายเป็นว่า ฌอน ติดต่อเข้าไปให้ข้อมูล และที่ยิ่งงงกว่านั้นมีรูปตนเอง รูปน้องชาย และเพื่อน ถูกเสนอออกมาทางสื่อโทรทัศน์แห่งหนึ่ง จากนั้นก็ยังมีข่าวออกมาอีกระบุว่า ตนและครอบครัว โดยเฉพาะลูกชายพัวพันกับเรื่องนี้ จึงขอวอนสื่อวิเคราะห์ก่อนนำเสนอไม่ว่าจะเป็นสื่อในหรือสื่อต่างประเทศ เพราะกระทบต่อครอบครัวตน ทั้งที่ตนเป็นคนให้ข้อมูลในพื้นที่แก่ตำรวจมาโดยตลอด และลูกชายตนก็เรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพฯ จะกลับมาช่วงที่ปิดเทอมเท่านั้น ซึ่งขณะนี้สื่อต่างประเทศเริ่มขอโทษ และลบชื่อออกไปแล้ว แต่เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นก็ได้ปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ และญาติแล้ว พร้อมมอบให้ทนายเป็นผู้ดำเนินการ เพราะความเสียหายไม่เฉพาะกับครอบครัวตนเท่านั้น อาจมีผลต่อการท่องเที่ยวของประเทศด้วย
นายวรพันธ์ุ กล่าวในตอนท้ายว่า เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ตน น้องชาย และลูกชาย ร่วมทั้งคนในครอบครัวทั้งหมดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจสมารถสืบสวนสอบสวน จนมีหลักฐานยืนยันว่าคนในครอบครัวเข้าไปมีส่วนเกีี่ยวข้องกับคดีนี้ ตนพร้อมมอบเงินรางวัลในการทำคดีให้กับเจ้าหน้าทีี่ตำรวจ จำนวน 1 ล้านบาททันที