วานนี้ (29 ก.ย.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.นพดล อินทปัญญา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)กับพวก ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้เพิกถอนมติที่ประชุมป.ป.ช. ที่ให้เปิดเผยรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสาธารณชน ว่า ถือเป็นสิทธิของสมาชิกสนช. ที่จะยื่นศาลปกครอง เพราะมีหลายคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่ แต่ถือเป็นเรื่องดี เพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐานต่อไป
ส่วนข้อโต้แย้งที่สมาชิก สนช.ไปฟ้องศาล เพราะมองว่าตนเองไม่ใช่นักการเมืองนั้น ตรงนี้เขาอาจคิดว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ทางเราคิดอย่างที่มีมติออกไปแล้ว ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 35
"ขณะนี้ยังไม่อยากพูดอะไร ขอให้รอฟังคำตัดสินของศาลปกครอง ในวันที่ 30 ก.ย. ดีกว่า อย่าให้ผมล่วงอำนาจศาลเลย เพราะเรื่องนี้ อยู่ในการพิจารณาของศาล เรามีมติออกไปตามพ.ร.บ.ป.ป.ช. และทำตามหน้าที่" นายวิชา กล่าว
ส่วนความคืบหน้ากรณีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น นายวิชา กล่าวว่า คงต้องรอความชัดเจนในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 ก.ย. ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จะส่งเรื่องต่อไปเลยหรือไม่ เราเพียงแต่ทราบว่า สนช. มีข้อบังคับในเรื่องถอดถอน ดังนั้น ป.ป.ช. ต้องกลับมาดูรายละเอียดอีกครั้งว่า เข้าข่ายพ.ร.บ.ป.ป.ช. หรือไม่ ทั้งนี้คดีถอดถอน 2 เรื่องที่จะพิจารณาในวันที่ 30 ก.ย.คือ เรื่องคดีถอดถอนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว และ คดี 36 ส.ว. ร่วมกันลงชื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญกรณีที่มาของ ส.ว.
นายวิชา ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีระบายข้าวให้กับ บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ไปปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบแก่อินโดนีเซีย 3 แสนตัน (บลูล็อก) โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง สมัยดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ มีส่วนเกี่ยวข้องว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างไต่สวน โดยมีการไต่สวนนัดแรกไปแล้ว ในวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการป.ป.ช. ในฐานะผู้ร้อง และพยานที่สำนักงานป.ป.ช.
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ หนึ่งในผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาคดีระบายข้าวได้เข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาแล้วหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า เบื้องต้นพ.ต.วีระวุฒิ ยังไม่ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับป.ป.ช. ซึ่งทางคณะกรรมการป.ป.ช. ยังรอให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อยู่
**ตีกลับสำนวนถอดถอน"นิคม–สมศักดิ์"
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับประธาน สนช. และรองประธาน สนช. คนที่ 1 เกี่ยวกับเรื่องที่เลขาธิการป.ป.ช. จะส่งเรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า สนช.ได้ส่งคืนทั้ง 2 สำนวนกลับไปที่ป.ป.ช. แล้ว (29ก.ย.) เพราะเห็นว่าฐานความผิดของนายนิคม และนายสมศักดิ์ ที่ส่งมาให้ เป็นสำนวนสมัยที่ยังมีวุฒิสภาปี 50 และยังมีบทบัญญัติการถอดถอนตาม มาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ 50 แต่ปัจจุบันนี้ไม่ฐานความผิดดังกล่าวแล้ว
ดังนั้น หลังจากสำนวนดังกล่าวไปถึงป.ป.ช. ก็ต้องไปตรวจสอบ และทำสำนวนใหม่ให้เชื่อมโยงกับกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญป.ป.ช. ให้เชื่อมโยงกับอำนาจการถอดถอนของ สนช.อีกด้วย หากทำได้ ก็ส่งเรื่องกลับมาให้สนช. เพื่อดำเนินการถอดถอนต่อไป
ส่วนข้อโต้แย้งที่สมาชิก สนช.ไปฟ้องศาล เพราะมองว่าตนเองไม่ใช่นักการเมืองนั้น ตรงนี้เขาอาจคิดว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ทางเราคิดอย่างที่มีมติออกไปแล้ว ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 35
"ขณะนี้ยังไม่อยากพูดอะไร ขอให้รอฟังคำตัดสินของศาลปกครอง ในวันที่ 30 ก.ย. ดีกว่า อย่าให้ผมล่วงอำนาจศาลเลย เพราะเรื่องนี้ อยู่ในการพิจารณาของศาล เรามีมติออกไปตามพ.ร.บ.ป.ป.ช. และทำตามหน้าที่" นายวิชา กล่าว
ส่วนความคืบหน้ากรณีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น นายวิชา กล่าวว่า คงต้องรอความชัดเจนในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 ก.ย. ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จะส่งเรื่องต่อไปเลยหรือไม่ เราเพียงแต่ทราบว่า สนช. มีข้อบังคับในเรื่องถอดถอน ดังนั้น ป.ป.ช. ต้องกลับมาดูรายละเอียดอีกครั้งว่า เข้าข่ายพ.ร.บ.ป.ป.ช. หรือไม่ ทั้งนี้คดีถอดถอน 2 เรื่องที่จะพิจารณาในวันที่ 30 ก.ย.คือ เรื่องคดีถอดถอนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว และ คดี 36 ส.ว. ร่วมกันลงชื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญกรณีที่มาของ ส.ว.
นายวิชา ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีระบายข้าวให้กับ บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ไปปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบแก่อินโดนีเซีย 3 แสนตัน (บลูล็อก) โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง สมัยดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ มีส่วนเกี่ยวข้องว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างไต่สวน โดยมีการไต่สวนนัดแรกไปแล้ว ในวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการป.ป.ช. ในฐานะผู้ร้อง และพยานที่สำนักงานป.ป.ช.
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ หนึ่งในผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาคดีระบายข้าวได้เข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาแล้วหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า เบื้องต้นพ.ต.วีระวุฒิ ยังไม่ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับป.ป.ช. ซึ่งทางคณะกรรมการป.ป.ช. ยังรอให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อยู่
**ตีกลับสำนวนถอดถอน"นิคม–สมศักดิ์"
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับประธาน สนช. และรองประธาน สนช. คนที่ 1 เกี่ยวกับเรื่องที่เลขาธิการป.ป.ช. จะส่งเรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า สนช.ได้ส่งคืนทั้ง 2 สำนวนกลับไปที่ป.ป.ช. แล้ว (29ก.ย.) เพราะเห็นว่าฐานความผิดของนายนิคม และนายสมศักดิ์ ที่ส่งมาให้ เป็นสำนวนสมัยที่ยังมีวุฒิสภาปี 50 และยังมีบทบัญญัติการถอดถอนตาม มาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ 50 แต่ปัจจุบันนี้ไม่ฐานความผิดดังกล่าวแล้ว
ดังนั้น หลังจากสำนวนดังกล่าวไปถึงป.ป.ช. ก็ต้องไปตรวจสอบ และทำสำนวนใหม่ให้เชื่อมโยงกับกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญป.ป.ช. ให้เชื่อมโยงกับอำนาจการถอดถอนของ สนช.อีกด้วย หากทำได้ ก็ส่งเรื่องกลับมาให้สนช. เพื่อดำเนินการถอดถอนต่อไป