00 มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจากทาง"แบงก์ชาติ" ล่าสุด ได้เป้าการส่งออกปีนี้ของประเทศเหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่คาดหมายเอาไว้ว่าจะทำได้ 3 เปอร์เซ็นต์ และคงเป้าจีดีพี เหลือแค่ 1.5 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่า จะโต 2 เปอร์เซ็นต์ สรุปก็คือ ทุกอย่างไม่เป็นไปตามเป้าหมาย นี่ยังไม่พูดถึงการท่องเที่ยว ที่ยังไม่ฟื้น ส่วนสำคัญยังมาจาก "กฎอัยการศึก" ที่ยังคาอยู่ ทำให้หลายประเทศยังเตือนไม่ให้เข้ามาเที่ยวและลงทุนบ้านเรา ขณะเดียวกันต้องพิจารณาเรื่องราคาสินค้าการเกษตรทุกตัวตกต่ำ ทั้งข้าว ยางพารา ตกต่ำแบบรูดยังไม่มีทางฟื้นขึ้นมาในอนาคตอันใกล้นี้เลย เพราะนี่ขนาดยังยังไม่ถึงช่วงฤดูกาล ราคายังตกต่ำลงเรื่อยๆ อีกไม่นานยางพารา จะเปิดกรีดเต็มที่ ข้าวนาปีจะทะลักออกมา ลองหลับตาดูก็แล้วกันว่าจะสาหัสขนาดไหน
00 ถึงตอนนั้น เมื่อมีความเดือดร้อน ชักหน้าไม่ถึงหลัง หนี้สินประดัง แรกๆ อาจขอร้องกันให้อยู่นิ่งๆ กันได้ ให้โอกาสกันสักพัก แต่ถ้าเดือดร้อนแบบไม่ฟื้นไปเรื่อยๆ มันก็นิ่งยากเหมือนกัน ประกอบกับการเข้ามาบริหารของ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อเนื่องมาจาก คสช. เข้าสู่เดือนที่ 5 ถือว่าหมดช่วงเวลาฮันนีมูน ต่อไปนี้มีแต่ความรู้สึกจริงล้วนๆ แล้ว นับจากนี้น่าลุ้นเหมือนกันว่า "คลื่นใต้น้ำ" รวมทั้งคลื่นเหนือน้ำ จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมได้เพียงใด อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็น "ตัวเร่ง" ให้พังเร็วขึ้นอีกก็คือ "เรื่องทุจริต" และลุแก่อำนาจ อย่าให้พลาดกับเรื่องแบบนี้เป็นอันขาด เพราะตราบใดแม้จะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง อาจยังกัดฟันทนได้ด้วยเหตุผลปัจจัยลบรอบตัว แต่เมื่อใดก็ตาม เกิดเรื่องอื้อฉาว เรื่องโกงขึ้นมาแล้วละก็ พังก่อนกำหนดแน่นอน ดังนั้นต้องระวัง !!
00 กลายเป็น "ขี้ปาก" ชาวบ้านขึ้นมาจนได้ ทั้งที่เรื่องไม่เห็นจะเป็นเรื่องกับการที่ สนช. จำนวนประมาณ 28 ราย ที่นำโดย พล.อ.นพดล อินทปัญญา ยื่นฟ้อง ป.ป.ช. ต่อศาลปกครอง ให้ชี้ขาดว่า มีอำนาจในการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ สนช. หรือไม่ มองในภาพรวมถือว่าเป็นสิทธิ์ทำได้ หากสงสัยก็ต้องพึ่งศาล แต่ในด้านความเหมาะสม ถือว่า "น่าตำหนิ" และไม่สมควร และที่สำคัญไม่ควรสงสัย หรืออิดออดกับเรื่องแบบนี้ ในเมื่อเข้ามาในตำแหน่งการเมือง และ สนช. มีสถานะเป็นสมาชิกรัฐสภา คือ ทำหน้าที่เป็นทั้ง ส.ส. และส.ว.รวมกัน ทำหน้าที่ออกกม. อนุมัติกม. รับรองบุคคลสำคัญในองค์กรต่างๆ มากมาย ดังนั้นเรื่องการยื่น และเปิดเผยทรัพย์สิน มันสมควรทำอย่างยิ่ง ดังนั้นทำแบบนี้มีแต่ "ภาพลบ" สังคมตำหนิเปล่าๆ เพราะถ้าไม่อยากให้ตรวจสอบก็ลาออกไป มิหนำซ้ำ พล.อ.นพดล ยังเป็นประธานสรรหา สปช. ด้านสื่อสารมวลชนอีกด้วย อย่าให้ต้องถูกตั้งคำถามว่าคิดจะปฏิรูปบ้านเมือง แล้วตัวเองสมควรปฏิรูปก่อนหรือไม่ โตๆกันแล้วไปคิดดูเองก็แล้วกัน !!
00 พูดถึงเรื่อง สปช. เวลานี้ถือว่าได้ตัวบุคคลที่ คสช. คัดเลือกและรวบรวมมาจากหน่วยงานตามรัฐธรรมนูญ ทั้ง สนช. รัฐบาล จำนวน 250 คนเรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตรวจสอบคุณสมบัติขั้นสุดท้ายก่อนนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างไรก็ดี ถ้าพูดบุคคลที่มีบทบาททั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังนอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว ที่เหลือก็ต้องพุ่งไปที่ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และทีมงานด้านกม. คนสำคัญอย่าง วิษณุ เครืองาม มีชัย ฤชุพันธุ์ และอีกคนที่ต้องจับตานับจากนี้ก็คือ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ตามข่าวบอกว่าถูก "ล็อก" มาเป็น ประธาน สปช. หรือไม่ก็ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรธน. ดูตามรูปการณ์ไม่หนีจากรายชื่อ "บิ๊กเนม" ที่ว่านั่นแหละ !!
00 อีกไม่กี่ชั่วโมงอำนาจในกองทัพจะเปลี่ยนมือจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาอยู่ในมือของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ในฐานะ ผบ.ทบ. คนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป แม้ว่าจะมีการวางเส้นทางเอาไว้ล่วงหน้าแบบสงบเรียบร้อย แต่ในด้าน "พาวเวอร์" ถือว่าสำคัญมาก และแม้ว่าจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ในด้านผลงานเปรียบเทียบและการคุมเกมภายในเป็นเรื่องที่น่าติดตามเหมือนกัน !!
00 ถึงตอนนั้น เมื่อมีความเดือดร้อน ชักหน้าไม่ถึงหลัง หนี้สินประดัง แรกๆ อาจขอร้องกันให้อยู่นิ่งๆ กันได้ ให้โอกาสกันสักพัก แต่ถ้าเดือดร้อนแบบไม่ฟื้นไปเรื่อยๆ มันก็นิ่งยากเหมือนกัน ประกอบกับการเข้ามาบริหารของ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อเนื่องมาจาก คสช. เข้าสู่เดือนที่ 5 ถือว่าหมดช่วงเวลาฮันนีมูน ต่อไปนี้มีแต่ความรู้สึกจริงล้วนๆ แล้ว นับจากนี้น่าลุ้นเหมือนกันว่า "คลื่นใต้น้ำ" รวมทั้งคลื่นเหนือน้ำ จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมได้เพียงใด อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็น "ตัวเร่ง" ให้พังเร็วขึ้นอีกก็คือ "เรื่องทุจริต" และลุแก่อำนาจ อย่าให้พลาดกับเรื่องแบบนี้เป็นอันขาด เพราะตราบใดแม้จะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง อาจยังกัดฟันทนได้ด้วยเหตุผลปัจจัยลบรอบตัว แต่เมื่อใดก็ตาม เกิดเรื่องอื้อฉาว เรื่องโกงขึ้นมาแล้วละก็ พังก่อนกำหนดแน่นอน ดังนั้นต้องระวัง !!
00 กลายเป็น "ขี้ปาก" ชาวบ้านขึ้นมาจนได้ ทั้งที่เรื่องไม่เห็นจะเป็นเรื่องกับการที่ สนช. จำนวนประมาณ 28 ราย ที่นำโดย พล.อ.นพดล อินทปัญญา ยื่นฟ้อง ป.ป.ช. ต่อศาลปกครอง ให้ชี้ขาดว่า มีอำนาจในการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ สนช. หรือไม่ มองในภาพรวมถือว่าเป็นสิทธิ์ทำได้ หากสงสัยก็ต้องพึ่งศาล แต่ในด้านความเหมาะสม ถือว่า "น่าตำหนิ" และไม่สมควร และที่สำคัญไม่ควรสงสัย หรืออิดออดกับเรื่องแบบนี้ ในเมื่อเข้ามาในตำแหน่งการเมือง และ สนช. มีสถานะเป็นสมาชิกรัฐสภา คือ ทำหน้าที่เป็นทั้ง ส.ส. และส.ว.รวมกัน ทำหน้าที่ออกกม. อนุมัติกม. รับรองบุคคลสำคัญในองค์กรต่างๆ มากมาย ดังนั้นเรื่องการยื่น และเปิดเผยทรัพย์สิน มันสมควรทำอย่างยิ่ง ดังนั้นทำแบบนี้มีแต่ "ภาพลบ" สังคมตำหนิเปล่าๆ เพราะถ้าไม่อยากให้ตรวจสอบก็ลาออกไป มิหนำซ้ำ พล.อ.นพดล ยังเป็นประธานสรรหา สปช. ด้านสื่อสารมวลชนอีกด้วย อย่าให้ต้องถูกตั้งคำถามว่าคิดจะปฏิรูปบ้านเมือง แล้วตัวเองสมควรปฏิรูปก่อนหรือไม่ โตๆกันแล้วไปคิดดูเองก็แล้วกัน !!
00 พูดถึงเรื่อง สปช. เวลานี้ถือว่าได้ตัวบุคคลที่ คสช. คัดเลือกและรวบรวมมาจากหน่วยงานตามรัฐธรรมนูญ ทั้ง สนช. รัฐบาล จำนวน 250 คนเรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตรวจสอบคุณสมบัติขั้นสุดท้ายก่อนนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างไรก็ดี ถ้าพูดบุคคลที่มีบทบาททั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังนอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว ที่เหลือก็ต้องพุ่งไปที่ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และทีมงานด้านกม. คนสำคัญอย่าง วิษณุ เครืองาม มีชัย ฤชุพันธุ์ และอีกคนที่ต้องจับตานับจากนี้ก็คือ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ตามข่าวบอกว่าถูก "ล็อก" มาเป็น ประธาน สปช. หรือไม่ก็ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรธน. ดูตามรูปการณ์ไม่หนีจากรายชื่อ "บิ๊กเนม" ที่ว่านั่นแหละ !!
00 อีกไม่กี่ชั่วโมงอำนาจในกองทัพจะเปลี่ยนมือจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาอยู่ในมือของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ในฐานะ ผบ.ทบ. คนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป แม้ว่าจะมีการวางเส้นทางเอาไว้ล่วงหน้าแบบสงบเรียบร้อย แต่ในด้าน "พาวเวอร์" ถือว่าสำคัญมาก และแม้ว่าจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ในด้านผลงานเปรียบเทียบและการคุมเกมภายในเป็นเรื่องที่น่าติดตามเหมือนกัน !!
