"ประยุทธ์" ปัดยกเลิกรายการ คืนความสุขฯ ยันออกอากาศเหมือนเดิม เร่งทำความเข้าใจ แบบ"ปากต่อปาก" ย้ำรัฐบาลชุดนี้ แก้ไขปัญหา ทั้งต้นเหตุ กลางเหต ปลายเหตุ เผยเรียก"หม่อมอุ๋ย - สมหมาย" หารือแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ระบุใช้งบปี 57 โปะปี 58 ในการขับเคลื่อนไตรมาสแรก ย้ำกระทรวงต้องใช้เงินอย่างมีแผน อย่าแจกเงิน ด้าน สปน.ขึ้นป้ายค่านิยม 12 ประการของนายกฯ ที่ทำเนียบฯ
เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (25 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า จะมีการยกเลิกการจัดรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ทุกวันศุกร์ เวลา 20.15 น. ว่า ตอนนี้ยังออกอากาศเหมือนเดิม ยังไม่ได้ยกเลิก ไม่รู้เอาข่าวมาจากที่ใด ยังพูดอยู่ และยังเป็นรายการคืนความสุขให้คนในชาติเหมือนเดิม ขอย้ำว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนจะใช้เวลาวันหยุดเป็นการพบปะประชาชนนั้น ก็ยังดูอยู่ เนื่องจากเป็นการแก้ไขของปัญหารัฐบาล แต่ตอนนี้ยังเป็นกรอบของ คสช. ในการทำความเข้าใจกับประชาชน ดังนั้นขอรบกวนเวลาเล็กน้อย แต่ก็จะพยายามปรับลดเวลาลง เนื่องจากปัญหามีมาก ซึ่งการสร้างความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะรัฐบาล หรือ คสช. จะต้องชี้แจง เพราะอยากให้โปร่งใส ให้ทุกคนรับทราบว่ารัฐบาลจะเดินหน้าอย่างไร ไม่ได้มุ่งหวังที่จะกดดันใครทั้งสิ้น
ทั้งนี้ในพื้นที่ต่างๆ ตนได้สั่งการให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทุกภาค ไปเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนตามพื้นที่ต่างๆแล้ว เนื่องจากเป็นกำลังสำคัญของชาติ ที่จะต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกคน และทุกระดับให้ได้
" เราจะต้องสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ พร้อมทั้งให้กระทรวงต่างๆ ไปเร่งทำความเข้าใจด้วย โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน เพื่อให้รู้ปัญหาบ้านเมืองเป็นอย่างไร เพราะบางคนทำมาหากินอย่างเดียว โดยไม่ฟังข่าวสาร จึงไม่รู่ว่าจะทำตัวอย่างไร พัฒนาตัวอย่างไร จนบางครั้งมองว่า ทำไมรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหา ซึ่งการที่ให้กระทรวงแรงงานเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มแรงงาน ก็มีวัตถุประสงค์ดูแลพี่น้องประชาชน แต่ย้ำว่าไม่ได้มีลักษณะเป็นการบังคับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในระยะแรกต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่าน ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** ยันรัฐบาลแก้ปัญหาถึงต้นเหตุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเข้าถึงประชาชนชน ต้องเรียกว่ามีลักษณะแบบปากต่อปาก ซึ่งทุกคนที่เข้าใจ เพราะเข้าใจรัฐบาลก็จะต้องพูดกันต่อไปว่า เราตั้งใจ อย่างไรในการแก้ปัญหา เพราะบางปัญหานี้ฝังรากลึกมายาวนาน ดังนั้นการพัฒนาคน บุคลากร ถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่ผ่านมาเราแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แต่เมื่อเรากลับมาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ปัญหามันจึงเยอะ ทว่า จะดีในระยะยาว ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบ แต่ถ้าเราแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แล้วประชาชนเข้าใจว่า ถูกต้อง ตนคิดว่าไม่ใช่ บางครั้งจะใช้งบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แม้จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้ก็จริง แต่เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น แล้วก็มีปัญหาขึ้นมาอีก และถ้าวันข้างหน้าเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วจะไปเอางบประมาณที่ไหนมาดูแลตรงนี้ ดังนั้นเราก็ต้องย้อนกลับมาที่ปัญหาเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีคนอยากทำ แต่พวกเราก็จะทำ
"ในระหว่างต้น ถึงปลายเหตุ เราก็จะแก้ที่ต้นเหตุด้วย และระหว่างนี้เราก็จะดูปัญหาที่กลางเหตุ ทั้งเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ พ่อค้าคนกลาง การขนส่ง รวมถึงราคาสินค้า ส่วนปลายเหตุ ถ้าพบความเดือดร้อนตรงไหน ก็จะมีมาตรการเร่งด่วน และเฉพาะหน้า ส่วนในระยะยาว จะเกิดขึ้นทั้งระบบ แต่ถ้าเดือดร้อนเมื่อไหร่ ก็จะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ที่เราคิดไม่ใช่ประชานิยม และเราจะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นคง ยั่งยืน และจะต้องมีส่วนร่วมอย่างไร ซึ่งถ้าไม่เข้าใจก็จะทำให้เกิดความเดือดร้อน งบประมาณรัฐก็ไม่พบ เพราะภาษีต่างๆ ที่เก็บไม่ครบ และไม่ได้เกิดจากความบกพร่อง เพียงแต่เศรษฐกิจไม่ดี แต่ไม่ใช่เป็นที่ประเทศไทยที่เดียว ทั่วโลกก็เป็น ดังนั้นเราก็ต้องปรับตัวให้ทัน และบริหารราชการไปอย่างนั้น"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขอร้องสื่อให้ช่วยกัน อย่าเอาเรื่องเดิมมาเกี่ยวข้องกับเรื่องใหม่ ซึ่งวันนี้เราทำแบบใหม่ด้วยการแก้ปัญหาทั้งองค์กร ทั้งระบบ และเชื่อมโยงทุกมิติ ฉะนั้นก็มีความยุ่งยาก สับสน ไม่เข้าใจ ดังนั้นต้องมีทั้งได้ ทั้งเสีย แต่คนที่เสียคือ คนที่รายได้น้อย เพราะขณะนี้ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อย ตามภาวะของปรากฏการณ์โลก ขอให้ทุกคนช่วยชาติ โดยเฉพาะพ่อค้าคนกลาง พ่อค้าขายส่ง ขอให้ช่วยลดราคา ลดกำไรลงบ้าง ตนคงบังคับไม่ได้ แต่ขอให้เข้าใจนโยบายของรัฐบาลขณะนี้
** รู้คนเบื่อ แต่จำเป้นต้องทำความเข้าใจ
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ยังไม่เคยพูดว่าจะจัดรายการคืนความสุข เพิ่มเติมในวันเสาร์ อาทิตย์ แต่ขอให้คงรายการเดินหน้าประเทศไทย ในช่วงเวลา หลัง 18.00 น. เอาไว้ 15 นาที เพื่อให้กระทรวงทบวงกรม และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้ชี้แจงว่า ได้ทำอะไรไปบ้าง เพราะที่ผ่านมา ประชาชนไม่เคยรู้ว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้าง แล้วก็ทะเลาะเบาะแว้งกันไปเรื่อย เพราะรายการนี้จะเป็นช่องทางให้ข้าราชการผู้ปฏิบัติงานในกระทรวงต่างๆ ได้มาเสนอผลการดำเนินงานให้เกิดความภาคภูมิใจ ซึ่งที่ผ่านมาข้าราชการไม่มีโอกาสตรงนี้ สำหรับตนมีโอกาสที่จะพูดได้เยอะ ฉะนั้นวันนี้เปิดโลกทัศน์ให้สังคมเรียนรู้ว่า จะอยู่ร่วมกันอย่างไร ประชาชนก็ต้องฟังว่า รัฐเขาทำอะไร มันจะได้ตั้งหลักถูก แต่ไม่ใช้เอามาทะเบาะแว้งหรือตีกัน เอามาพูดแล้วช่วยกันคิดเป็นการสื่อสารสองทาง สำหรับตนคงไม่เพิ่มวัน เพราะคนคงเบื่อแย่ ทุกวันนี้ก็เบื่อหน้าตัวเองจะแย่อยู่แล้ว วันศุกร์วันเดียว ก็พออยู่แล้ว จะให้พูดอะไรนักหน้า วันๆเ อาแต่พูด จะไปหากินทางการพูดดีกว่าหรือไม่ และหากพูดอะไรไปมาก เดี๋ยวจะทำไม่ทัน เพราะทุกวันนี้ต้องพูดด้วย ทำด้วย ปวดหัวอยู่
**ใช้งบ 57 โปะปี 58 ขับเคลื่อนศก.
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ได้เรียก ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และนายสมหมาย ภาษี รมว. คลัง เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า เป็นการเอาแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเข้าไปพิจารณาในที่ประชุม ครม. โดยหารือว่า จะขออนุมัติใช้งบประมาณของปี 57 ที่ค้างอยู่ ซึ่งดำเนินการไม่ได้ หรือดำเนินการไม่ทัน เนื่องจากมีปัญหามาตลอด รวมถึงงบประมาณปี 58 ในไตรมาสแรก โดยจะแบ่งว่า ทุก 3 เดือน เราใช้เงินทั้งปีเท่าไร เพื่อให้เม็ดเงินปี 58 อยู่ในพื้นที่ทุกระดับ เพื่อเร่งการจับจ่ายซื้อขาย การลงทุน โดยงบประมาณปี 58 จะเริ่มใช้เดือนต.ค.
ทั้งนี้ งบประมาณปี 57 กว่า 1 แสนล้านบาท ที่ยังดำเนินการไม่ได้ เนื่องจากมีข้อขัดแย้งต่างๆ ก็จะเอาเงินตรงนี้มารวมกับงบประมาณปี 58 แล้วทำไปพร้อมกัน ก็จะทำให้มีเงิน 2 ส่วน ในการขับเคลื่อน โดยกระทรวงจะจัดทำแผนในการดำเนินการ ไม่ใช่เอาเงินไปแจก มันไม่ใช่ ไม่ได้ เงินสักสลึงเงินตนก็ไม่เห็น ทุกอย่างต้องเซ็นเป็นหนังสือหมด ใครจะมาโกง หรือทุจริตไม่ได้ ต้องลงโทษกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการของรัฐบาลที่ออกมาในช่วงแรก จะกระตุ้นเรื่องอะไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ให้มากที่สุด ทั้งเรื่องการซ่อมแซม การก่อสร้าง สร้างงาน พัฒนาการส่งออก ปรับปรุงคุณภาพ เพิ่มมูลค่าสินค้าในปัจจุบันให้หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการจัดประชุมสัมมนา ที่มีผลสัมฤทธิ์สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยจะเป็นการจัดสัมมนาภายในประเทศ และในต่างจังหวัดเพื่อให้ธุรกิจบริการ ในการโรงแรม ซึ่งเมื่อนำมาใช้ในไตรมาสแรก ก็จะขับเคลื่อนคนที่มีรายได้น้อยที่มีหน้าที่ให้บริการได้ด้วย และจะทำอย่างไรให้คนที่ใช้แรงงาน มีรายรับ และมีการใช้จ่ายสิ่งของที่มีความจำเป็น ทำให้เกิดการหมุนเวียนภายในตลาด หากรัฐบาลไม่เอางบประมาณมาช่วยผลักดันตรงนี้ธุรกิจก็จะนิ่ง รวมถึงการเดินหน้าแก้กฎหมายไทยให้ทันสมัย มีความเป็นสากล เพราะบ้างประเทศที่ค้าขายกับเราก็มีปัญหาเรื่องภาษีอยู่ ซึ่งบ้างประเทศเขาไม่มีแล้ว บ้างอย่างเขาลดไปแล้ว แต่ของเรายังสูงอยู่ ทำให้การลงทุนเขามีปัญหา หากเราแก้ตรงนี้ได้ทั้งหมด เขาก็พร้อมที่จะลงทุนกับเรา โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน
**สปน.ขึ้นป้าย ค่านิยม 12 ประการ
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนการออกอากาศรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์เป็นวันอื่นว่า ยังไม่ทราบ แต่ถ้าเปลี่ยน หรือจะเพิ่มรายการ หรือจะปรับอย่างไร ช่อง11 กรมประชาสัมพันธ์ ก็พร้อมในการถ่ายทอดเสมอ ซึ่งต้องรอคำสั่งจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) ที่หน้าอาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทำเนียบรัฐบาล คนงานได้ทำการขึ้นป้ายค่านิยม 12 ประการ ของนายกรัฐมนตรี ที่สกรีนข้อความลงบนแผ่นป้ายผ้าใบไวนิล อิงค์เจ็ท ความยาวตลอดช่วงอาคาร
เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (25 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า จะมีการยกเลิกการจัดรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ทุกวันศุกร์ เวลา 20.15 น. ว่า ตอนนี้ยังออกอากาศเหมือนเดิม ยังไม่ได้ยกเลิก ไม่รู้เอาข่าวมาจากที่ใด ยังพูดอยู่ และยังเป็นรายการคืนความสุขให้คนในชาติเหมือนเดิม ขอย้ำว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนจะใช้เวลาวันหยุดเป็นการพบปะประชาชนนั้น ก็ยังดูอยู่ เนื่องจากเป็นการแก้ไขของปัญหารัฐบาล แต่ตอนนี้ยังเป็นกรอบของ คสช. ในการทำความเข้าใจกับประชาชน ดังนั้นขอรบกวนเวลาเล็กน้อย แต่ก็จะพยายามปรับลดเวลาลง เนื่องจากปัญหามีมาก ซึ่งการสร้างความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะรัฐบาล หรือ คสช. จะต้องชี้แจง เพราะอยากให้โปร่งใส ให้ทุกคนรับทราบว่ารัฐบาลจะเดินหน้าอย่างไร ไม่ได้มุ่งหวังที่จะกดดันใครทั้งสิ้น
ทั้งนี้ในพื้นที่ต่างๆ ตนได้สั่งการให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทุกภาค ไปเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนตามพื้นที่ต่างๆแล้ว เนื่องจากเป็นกำลังสำคัญของชาติ ที่จะต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกคน และทุกระดับให้ได้
" เราจะต้องสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ พร้อมทั้งให้กระทรวงต่างๆ ไปเร่งทำความเข้าใจด้วย โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน เพื่อให้รู้ปัญหาบ้านเมืองเป็นอย่างไร เพราะบางคนทำมาหากินอย่างเดียว โดยไม่ฟังข่าวสาร จึงไม่รู่ว่าจะทำตัวอย่างไร พัฒนาตัวอย่างไร จนบางครั้งมองว่า ทำไมรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหา ซึ่งการที่ให้กระทรวงแรงงานเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มแรงงาน ก็มีวัตถุประสงค์ดูแลพี่น้องประชาชน แต่ย้ำว่าไม่ได้มีลักษณะเป็นการบังคับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในระยะแรกต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่าน ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** ยันรัฐบาลแก้ปัญหาถึงต้นเหตุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเข้าถึงประชาชนชน ต้องเรียกว่ามีลักษณะแบบปากต่อปาก ซึ่งทุกคนที่เข้าใจ เพราะเข้าใจรัฐบาลก็จะต้องพูดกันต่อไปว่า เราตั้งใจ อย่างไรในการแก้ปัญหา เพราะบางปัญหานี้ฝังรากลึกมายาวนาน ดังนั้นการพัฒนาคน บุคลากร ถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่ผ่านมาเราแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แต่เมื่อเรากลับมาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ปัญหามันจึงเยอะ ทว่า จะดีในระยะยาว ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบ แต่ถ้าเราแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แล้วประชาชนเข้าใจว่า ถูกต้อง ตนคิดว่าไม่ใช่ บางครั้งจะใช้งบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แม้จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้ก็จริง แต่เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น แล้วก็มีปัญหาขึ้นมาอีก และถ้าวันข้างหน้าเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วจะไปเอางบประมาณที่ไหนมาดูแลตรงนี้ ดังนั้นเราก็ต้องย้อนกลับมาที่ปัญหาเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีคนอยากทำ แต่พวกเราก็จะทำ
"ในระหว่างต้น ถึงปลายเหตุ เราก็จะแก้ที่ต้นเหตุด้วย และระหว่างนี้เราก็จะดูปัญหาที่กลางเหตุ ทั้งเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ พ่อค้าคนกลาง การขนส่ง รวมถึงราคาสินค้า ส่วนปลายเหตุ ถ้าพบความเดือดร้อนตรงไหน ก็จะมีมาตรการเร่งด่วน และเฉพาะหน้า ส่วนในระยะยาว จะเกิดขึ้นทั้งระบบ แต่ถ้าเดือดร้อนเมื่อไหร่ ก็จะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ที่เราคิดไม่ใช่ประชานิยม และเราจะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นคง ยั่งยืน และจะต้องมีส่วนร่วมอย่างไร ซึ่งถ้าไม่เข้าใจก็จะทำให้เกิดความเดือดร้อน งบประมาณรัฐก็ไม่พบ เพราะภาษีต่างๆ ที่เก็บไม่ครบ และไม่ได้เกิดจากความบกพร่อง เพียงแต่เศรษฐกิจไม่ดี แต่ไม่ใช่เป็นที่ประเทศไทยที่เดียว ทั่วโลกก็เป็น ดังนั้นเราก็ต้องปรับตัวให้ทัน และบริหารราชการไปอย่างนั้น"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขอร้องสื่อให้ช่วยกัน อย่าเอาเรื่องเดิมมาเกี่ยวข้องกับเรื่องใหม่ ซึ่งวันนี้เราทำแบบใหม่ด้วยการแก้ปัญหาทั้งองค์กร ทั้งระบบ และเชื่อมโยงทุกมิติ ฉะนั้นก็มีความยุ่งยาก สับสน ไม่เข้าใจ ดังนั้นต้องมีทั้งได้ ทั้งเสีย แต่คนที่เสียคือ คนที่รายได้น้อย เพราะขณะนี้ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อย ตามภาวะของปรากฏการณ์โลก ขอให้ทุกคนช่วยชาติ โดยเฉพาะพ่อค้าคนกลาง พ่อค้าขายส่ง ขอให้ช่วยลดราคา ลดกำไรลงบ้าง ตนคงบังคับไม่ได้ แต่ขอให้เข้าใจนโยบายของรัฐบาลขณะนี้
** รู้คนเบื่อ แต่จำเป้นต้องทำความเข้าใจ
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ยังไม่เคยพูดว่าจะจัดรายการคืนความสุข เพิ่มเติมในวันเสาร์ อาทิตย์ แต่ขอให้คงรายการเดินหน้าประเทศไทย ในช่วงเวลา หลัง 18.00 น. เอาไว้ 15 นาที เพื่อให้กระทรวงทบวงกรม และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้ชี้แจงว่า ได้ทำอะไรไปบ้าง เพราะที่ผ่านมา ประชาชนไม่เคยรู้ว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้าง แล้วก็ทะเลาะเบาะแว้งกันไปเรื่อย เพราะรายการนี้จะเป็นช่องทางให้ข้าราชการผู้ปฏิบัติงานในกระทรวงต่างๆ ได้มาเสนอผลการดำเนินงานให้เกิดความภาคภูมิใจ ซึ่งที่ผ่านมาข้าราชการไม่มีโอกาสตรงนี้ สำหรับตนมีโอกาสที่จะพูดได้เยอะ ฉะนั้นวันนี้เปิดโลกทัศน์ให้สังคมเรียนรู้ว่า จะอยู่ร่วมกันอย่างไร ประชาชนก็ต้องฟังว่า รัฐเขาทำอะไร มันจะได้ตั้งหลักถูก แต่ไม่ใช้เอามาทะเบาะแว้งหรือตีกัน เอามาพูดแล้วช่วยกันคิดเป็นการสื่อสารสองทาง สำหรับตนคงไม่เพิ่มวัน เพราะคนคงเบื่อแย่ ทุกวันนี้ก็เบื่อหน้าตัวเองจะแย่อยู่แล้ว วันศุกร์วันเดียว ก็พออยู่แล้ว จะให้พูดอะไรนักหน้า วันๆเ อาแต่พูด จะไปหากินทางการพูดดีกว่าหรือไม่ และหากพูดอะไรไปมาก เดี๋ยวจะทำไม่ทัน เพราะทุกวันนี้ต้องพูดด้วย ทำด้วย ปวดหัวอยู่
**ใช้งบ 57 โปะปี 58 ขับเคลื่อนศก.
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ได้เรียก ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และนายสมหมาย ภาษี รมว. คลัง เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า เป็นการเอาแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเข้าไปพิจารณาในที่ประชุม ครม. โดยหารือว่า จะขออนุมัติใช้งบประมาณของปี 57 ที่ค้างอยู่ ซึ่งดำเนินการไม่ได้ หรือดำเนินการไม่ทัน เนื่องจากมีปัญหามาตลอด รวมถึงงบประมาณปี 58 ในไตรมาสแรก โดยจะแบ่งว่า ทุก 3 เดือน เราใช้เงินทั้งปีเท่าไร เพื่อให้เม็ดเงินปี 58 อยู่ในพื้นที่ทุกระดับ เพื่อเร่งการจับจ่ายซื้อขาย การลงทุน โดยงบประมาณปี 58 จะเริ่มใช้เดือนต.ค.
ทั้งนี้ งบประมาณปี 57 กว่า 1 แสนล้านบาท ที่ยังดำเนินการไม่ได้ เนื่องจากมีข้อขัดแย้งต่างๆ ก็จะเอาเงินตรงนี้มารวมกับงบประมาณปี 58 แล้วทำไปพร้อมกัน ก็จะทำให้มีเงิน 2 ส่วน ในการขับเคลื่อน โดยกระทรวงจะจัดทำแผนในการดำเนินการ ไม่ใช่เอาเงินไปแจก มันไม่ใช่ ไม่ได้ เงินสักสลึงเงินตนก็ไม่เห็น ทุกอย่างต้องเซ็นเป็นหนังสือหมด ใครจะมาโกง หรือทุจริตไม่ได้ ต้องลงโทษกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการของรัฐบาลที่ออกมาในช่วงแรก จะกระตุ้นเรื่องอะไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ให้มากที่สุด ทั้งเรื่องการซ่อมแซม การก่อสร้าง สร้างงาน พัฒนาการส่งออก ปรับปรุงคุณภาพ เพิ่มมูลค่าสินค้าในปัจจุบันให้หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการจัดประชุมสัมมนา ที่มีผลสัมฤทธิ์สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยจะเป็นการจัดสัมมนาภายในประเทศ และในต่างจังหวัดเพื่อให้ธุรกิจบริการ ในการโรงแรม ซึ่งเมื่อนำมาใช้ในไตรมาสแรก ก็จะขับเคลื่อนคนที่มีรายได้น้อยที่มีหน้าที่ให้บริการได้ด้วย และจะทำอย่างไรให้คนที่ใช้แรงงาน มีรายรับ และมีการใช้จ่ายสิ่งของที่มีความจำเป็น ทำให้เกิดการหมุนเวียนภายในตลาด หากรัฐบาลไม่เอางบประมาณมาช่วยผลักดันตรงนี้ธุรกิจก็จะนิ่ง รวมถึงการเดินหน้าแก้กฎหมายไทยให้ทันสมัย มีความเป็นสากล เพราะบ้างประเทศที่ค้าขายกับเราก็มีปัญหาเรื่องภาษีอยู่ ซึ่งบ้างประเทศเขาไม่มีแล้ว บ้างอย่างเขาลดไปแล้ว แต่ของเรายังสูงอยู่ ทำให้การลงทุนเขามีปัญหา หากเราแก้ตรงนี้ได้ทั้งหมด เขาก็พร้อมที่จะลงทุนกับเรา โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน
**สปน.ขึ้นป้าย ค่านิยม 12 ประการ
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนการออกอากาศรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์เป็นวันอื่นว่า ยังไม่ทราบ แต่ถ้าเปลี่ยน หรือจะเพิ่มรายการ หรือจะปรับอย่างไร ช่อง11 กรมประชาสัมพันธ์ ก็พร้อมในการถ่ายทอดเสมอ ซึ่งต้องรอคำสั่งจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) ที่หน้าอาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทำเนียบรัฐบาล คนงานได้ทำการขึ้นป้ายค่านิยม 12 ประการ ของนายกรัฐมนตรี ที่สกรีนข้อความลงบนแผ่นป้ายผ้าใบไวนิล อิงค์เจ็ท ความยาวตลอดช่วงอาคาร