"ประยุทธ์" มั่นใจคุมรัฐมนตรีไม่โกง ไม่ซ้ำรอยรัฐบาลเก่า เพราะเข้ามาทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ-จริงใจแก้ปัญหาชาติ แต่หากผิด โดนฟันคดีอาญา-แพ่ง ไม่กดดันถูกจับตาการทำงาน วอนทุกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหวให้รอดูการทำงานก่อน เตรียมจ้อ"คืนความสุขให้คนในชาติ" ศุกร์นี้เป็นเทปสุดท้าย "ยงยุทธ"แนะนักวิชาการยอมรับ ความมั่นคงเรื่องใหญ่ ยังมีเหวสำหรับการเมืองไทย วิพากษ์ต้องมีขอบเขต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแล ไม่ให้รัฐบาลมีการทุจริตว่า ตนคุมรัฐบาล และคุมรัฐมนตรีได้ เพราะเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องบังคับบัญชา ซึ่งการทำงานก็เหมือนกับทหาร ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกก็บังคับบัญชาแม่ทัพ และแม่ทัพก็ไปบังคับบัญชาระดับกองพล และระดับล่าง ซึ่งตนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องคุมรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และคณะทำงาน ที่เป็นฝ่ายการเมืองให้ได้ ส่วนระดับราชการก็ต้องไปควบคุมตามลำดับ ซึ่งทุกอย่างมีความรับผิดชอบตามกฎหมายอยู่แล้ว
"ในเมื่อผมมีนโยบายชัดเจนอยู่แล้ว ก็จะต้องปฏิบัติ ถ้าไปทำทุจริตและผิดกฎหมาย ถือว่าผิดนโยบาย ซึ่งทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะนี่คือระเบียบราชการบริหารแผ่นดิน แต่ต้องไปดูและให้ความเป็นธรรม เรื่องใดก็ตามที่ดูแล้วไม่ถูกต้องก็ต้องไปร้องเรียนหรือฟ้องร้อง เพื่อที่จะให้โอกาสในการดำเนินการีสืบสวนสอบสวน โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการ ไม่ใช่สอบสวนกันแค่ 2-3 วัน แล้วจบ เป็นไปไม่ได้ ต้องใช้ระยะเวลา โทษทัณฑ์ที่ว่าจะมีเบาไปหาหนัก ทหารก็มีภาคทัณฑ์ กักขัง จำขัง ซึ่งข้าราชการ ก็คงจะเหมือนกัน แต่จะให้ขังเเบบทหารคงไม่มี แต่จะถูกดำเนินคดีอาญาและแพ่ง"
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าจะไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยรัฐบาลชุดที่เเล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะซ้ำได้อย่างไร ในเมื่อเจตนาตนไม่ทำ เจตนาของรัฐบาล คือตัวผม ไม่ต้องการผลประโยชน์แม้แต่นิดเดียว เท่าไรก็ไม่ต้องการ และรัฐมนตรีทุกคน ก็ไม่ต้องการ อยากจะถามว่า จะซ้ำตรงไหน วันนี้ทำทุกอย่างมาตั้งแต่การจัดทำนโยบาย จัดทำงบประมาณ รวมถึงการบริหารจัดการต่างๆ ซึ่งตนได้สั่งอย่างละเอียด และการประชุม ครม. ก็ได้สั่งการ 20-30 เรื่อง ไม่ได้เป็นการประชุมเเค่นำเรื่องเข้ามาแล้วอนุมัติ มันไม่ใช่ ตนได้สั่งการว่า จะทำงานอย่างไรด้วย ซึ่งทุกครั้งที่มีการประชุม ครม. จะใช้เวลามากพอสมควร ซึ่งเราป้องกันในการใช้จ่ายงบประมาณอย่างถูกต้อง ไม่มีการทุจริต และให้เกิดผลประโยชน์โดยตรงกับประเทศชาติ ไม่อย่างนั้นงบประมาณจะสูญเปล่า และเสียไปเรื่อยๆ ถ้าสื่อ หรือใครได้ข่าวการทุจริต ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และประชาชนต้องช่วยกันฝ้าระวังเพื่อแจ้งขึ้นมา หลังจากนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน หรือจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเป็นตามขั้นตอนทุกอย่าง ถ้าผู้บริหารไม่ต้องการผลประโยชน์ มันจบแล้ว แต่อย่างอื่นก็ต้องวว่าไปตามระบบ เนื่องจากมีกฎกติกาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า รู้สึกกดดันหรือไม่ กับการถูกจับตามองจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องการทุจริต พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กดดันเรื่องอะไร ไม่เคยกดดัน ใครจะจับตามองก็จับตามมองมา จะมากดดันตนด้วยเรื่องอะไร ในเมื่อตนทำในสิ่งที่บริสุทธิ์ใจ และจริงใจกับประเทศชาติ จะกดดันไปทำไม ถ้าตนกดดัน ตนก็ทำงานลำบาก ซึ่งตนฟังความคิดเห็นของทุกคน เพื่อนำมาวิเคราะห์มาตักสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ตนฟังความคิดเห็นทุกคน แแม้กระทั่งกลุ่มต่อต้าน ตนก็ฟัง ตนอากเรียกร้องขอให้เขาดูสถานการณ์ของประเทศไปก่อนขณะนี้ได้ไหม ให้ประเทศชาติผ่านวันเวลาที่ยากลำบากตอนนี้ไปก่อนได้ไหม เราต้องการแก้ไขปัญหาที่จะต้องไม่เกิดขึ้นในอนาคต ฉะนั้นไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ ตนก็ไม่ต้องมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องมีการควบคุมอำนาจ และท่านคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันดีหรือไม่ หรือจะเกิดต่อไป ไปถึงไหนก็ไม่รู้ ถ้ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น จะทำอย่างไร บางคนบอกว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามา ก็ไม่เห็นมีอะไร ก็เพราะว่ามาถึงไม่มีอะไร ท่านรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีอะไร ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ มาโดยตลอด การดำเนินคดี การบังคับใช้กฎหมาย ก็ไม่เต็มที่ แต่ตอนนี้เราใช้เต็มที่ อาจจะดูว่ารุนแรงไปหน่อย แต่ตนอยากถามว่า ที่ผ่านมามันแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง ถ้าเราไม่ใช้กฎหมายที่เหมาะสม เป็นธรรม มันก็จะเกิดคดีความอย่างนั้นไปเรื่อยๆ บุกรุกป่า ปัญหายาเสพติด ที่มีมากมาย หรืออาชญากรรมต่างๆ และอาวุธสงคราม อยากถามว่าจะทำอย่างไร
"ช่วงก่อนวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่องการบริหารราชการเเผ่นดิน ที่เป็นเรื่องใหญ่ ส่วนเรื่องอื่นเป็นเพียงแค่องค์ประกอบ ทั้งเรื่องการทุจริตต่างๆ ซึ่งมีกระบวนการของมันอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือ บริหาราชการแผ่นดินไม่ได้ งบประมาณใช้ไม่ได้ และที่ผมทำไม่ใช่ทำเพื่อช่วยใคร ผมช่วยประเทศชาติ ผมช่วยคนไทยทุกคน มากบ้าง น้อยบ้าง ถ้าทุกคนต้องการได้ท่ากันหมดมันเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากประเทศชาติใหญ่โต เราแค่ 77 จังหวัดก็ใหญ่แล้ว ซึ่งถ้ามาองจากข้างบนลงมาข้างล่าง จะเห็นประชาชนเต็มไปหมด จะทำอย่างไรให้ถึงคนเหล่านั้นให้ได้ เป็นสิ่งที่ผมคิดมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ผมอยู่กับคนยากจนมาโดยตลอด อยู่กับชาวไร่ ชาวนา อยู่กับคนเดือดร้อน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ที่ไม่มีจะกิน หาเงินซัก 10 บาท ยังหาไม่ได้เลย สมัยก่อนผมก็ยังหาไม่ได้เลย วันนี้จะทำยังไงให้ดีขึ้น ซึ่งวันนี้ดีขึ้น ส่วนน้อย ส่วนที่ไม่ดียังเยอะอยู่ ดังนั้นขอให้ช่วยกันหน่อย ทั้งนักวิชาการ หรือใครก็แล้วแต่ ช่วยกันเถอะ ให้ลดระดับไปก่อนได้ไหม อย่างเพิ่งมาเรียกร้องอะไรกันมากมาย เพราะเรียกมา ก็ตีกันอีก มันก็จะเกิดความวุ่นวาย ผมไม่ใช่คนไม่รักประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยมันต้องพร้อมก่อน ต้องแก้ไขประชาธิปไตยของเราให้ได้ก่อน"
เมื่อถามว่า ไปนั่งทำงานที่ทำที่ทำเนียบรัฐบาล ชินหรือ ยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะชินได้อย่างไร ตนเป็นทหารมาทั้งชีวิต อย่าใช้คำว่าชินดีกว่า แต่ให้ใช้คำว่า ตนชินกับปัญหา ตนชินกับปัญหาที่มีมายาวนานแล้ว เมื่อเรามีโอกาสเข้ามาทำงาน เราต้องแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้ได้ มันอาจจะมากบ้าง หรือน้อยบ้าง ก็จะต้องเร่งดำเนินการ ส่วนการทำงานปฏิรูป 1 ปี ตามที่วางไว้เป็นเรื่องของสภาปฏิรูป ที่จะต้องดำเนินการ ตนได้ให้แนวทางตามโรดแมปไว้ เพราะเราต้องสร้างการรับรู้จากต่างประเทศด้วย สิ่งนี้ตนแฟร์กับทุกคน ดังนั้นขึ้นอยู่กับพวกเรา ที่ให้เวลาการทำงานรัฐบาลแค่ไหน ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์แล้วว่า จะทำงานให้ดี และเร็วที่สุด
** เรียก“ปรีดิยาธร-สมหมาย”เข้าพบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางกลับจากการเป็น ประธานพิธีวันทหารราบ และพิธีเทิดเกียรตินายทหารชั้นนายพลเหล่าทหารราบ ประจำปี 2557 ที่จะเกษียณอายุราชการ ที่ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ โดยถึงกรุงเทพฯในเวลา 13.30 น. จากนั้นได้เข้าไปรับประทานอาหาร และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสูทสากล ที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 1 รอ.) ก่อนที่จะเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจต่อที่ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 14.46 น.
โดยเวลา 14.55 น. ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ นายสมหมาย ภาษี รมว. คลัง ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาในการเข้าพบประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจทุกเรื่อง แต่นายกรัฐมนตรีบอกว่า เรื่องใดที่ยังไม่ผ่านที่ประชุม ครม. ยังไม่ต้องพูด ส่วนปัญหาเรื่องยางพารา ที่เกษตรกรยังไม่พอใจมาตรการในการช่วยเหลือนั้น ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้กังวลอะไร เพราะมีการประชุม คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) แล้ว
สำหรับนโยบายที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ขอให้ผ่านที่ประชุม ครม.ก่อนโดย 3 เดือนแรกของปี 58 จะมีมาตรการออกมาเป็นชุดและจะเป็นมาตรการที่ดีมากเลย
พร้อมกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (25 ก.ย.) เวลา 10.30 น. นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่าประจำเดือน ก.ย. 57 ที่ตึกสันติไมตรีหลังในทำเนียบรัฐบาล โดยมี รองนายกฯ รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย
** จ้อ"คืนความสุขฯ"เทปสุดท้ายศุกร์นี้
มีรายงานข่าวแจ้งว่า รายการคืนความสุขให้คนในชาติ ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ร่วมการเฉพาะกิจแห่งชาติ ทุกคืนวันศุกร์ ในเวลา 20.15 น. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ออกมาชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ภายหลังที่มีการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจที่จะออกอากาศรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เทปสุดท้ายในวันศุกที่ 26 ก.ย.นี้ ในเวลา 20.15 น. โดยอาจจะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมที่จะอัดเทป เพื่อชี้แจงรายละเอียดในวันนี้ (25ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก ส่วนรายการใหม่ที่จะมาแทนรายการคืนความสุขให้คนในชาตินั้น ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะมีรายการใหม่ขึ้นมาทดแทนหรือไม่ แต่ถ้ามี อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเวลาในการพบประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยอาจจะมีการออกอากาศทางช่องเอ็นบีที เพียงช่องเดียวเท่านั้น
**นักวิชาการอย่าล้ำเส้นความมั่นคง
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีสิทธิเสรีภาพนักวิชาการในการวิพากษ์วิจารณ์การเมือง ว่า คงต้องยอมรับว่าสภาวะของประเทศตอนนี้ยังไม่ปกติดีนัก ต้นปีที่ผ่านมาก็มีเรื่องต่างๆ มากมาย เรียกว่าอยู่ที่ปากเหว ตอนนี้เราก็ถอยมานิดหน่อยแล้ว แต่ก็ยังมีเหวอยู่ เพราะฉะนั้น การดำเนินการอะไรต้องระวัง ต้องเรียกว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่ยังไม่ปกติ 100 เปอร์เซ็นต์ ตนคิดว่า อยู่ที่แต่ละคนที่จะช่วยกันพยุงไป แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นต่างๆ ตอนนี้ก็เห็นยังแสดงความคิดเห็นกันอยู่ บังเอิญเป็นเรื่องที่บางฝ่ายจะต้องดูแล เขามีความเป็นห่วงว่า มันจะบานปลาย มันจะหยุดไม่อยู่ จะทำอย่างไร ตนมาจากด้านมหาวิทยาลัย ตนทราบดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ แต่เป็นแค่ระยะชั่วคราว ต้องช่วยกันประคองไป กลับสู่สภาพปกติในที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแล ไม่ให้รัฐบาลมีการทุจริตว่า ตนคุมรัฐบาล และคุมรัฐมนตรีได้ เพราะเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องบังคับบัญชา ซึ่งการทำงานก็เหมือนกับทหาร ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกก็บังคับบัญชาแม่ทัพ และแม่ทัพก็ไปบังคับบัญชาระดับกองพล และระดับล่าง ซึ่งตนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องคุมรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และคณะทำงาน ที่เป็นฝ่ายการเมืองให้ได้ ส่วนระดับราชการก็ต้องไปควบคุมตามลำดับ ซึ่งทุกอย่างมีความรับผิดชอบตามกฎหมายอยู่แล้ว
"ในเมื่อผมมีนโยบายชัดเจนอยู่แล้ว ก็จะต้องปฏิบัติ ถ้าไปทำทุจริตและผิดกฎหมาย ถือว่าผิดนโยบาย ซึ่งทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะนี่คือระเบียบราชการบริหารแผ่นดิน แต่ต้องไปดูและให้ความเป็นธรรม เรื่องใดก็ตามที่ดูแล้วไม่ถูกต้องก็ต้องไปร้องเรียนหรือฟ้องร้อง เพื่อที่จะให้โอกาสในการดำเนินการีสืบสวนสอบสวน โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการ ไม่ใช่สอบสวนกันแค่ 2-3 วัน แล้วจบ เป็นไปไม่ได้ ต้องใช้ระยะเวลา โทษทัณฑ์ที่ว่าจะมีเบาไปหาหนัก ทหารก็มีภาคทัณฑ์ กักขัง จำขัง ซึ่งข้าราชการ ก็คงจะเหมือนกัน แต่จะให้ขังเเบบทหารคงไม่มี แต่จะถูกดำเนินคดีอาญาและแพ่ง"
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าจะไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยรัฐบาลชุดที่เเล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะซ้ำได้อย่างไร ในเมื่อเจตนาตนไม่ทำ เจตนาของรัฐบาล คือตัวผม ไม่ต้องการผลประโยชน์แม้แต่นิดเดียว เท่าไรก็ไม่ต้องการ และรัฐมนตรีทุกคน ก็ไม่ต้องการ อยากจะถามว่า จะซ้ำตรงไหน วันนี้ทำทุกอย่างมาตั้งแต่การจัดทำนโยบาย จัดทำงบประมาณ รวมถึงการบริหารจัดการต่างๆ ซึ่งตนได้สั่งอย่างละเอียด และการประชุม ครม. ก็ได้สั่งการ 20-30 เรื่อง ไม่ได้เป็นการประชุมเเค่นำเรื่องเข้ามาแล้วอนุมัติ มันไม่ใช่ ตนได้สั่งการว่า จะทำงานอย่างไรด้วย ซึ่งทุกครั้งที่มีการประชุม ครม. จะใช้เวลามากพอสมควร ซึ่งเราป้องกันในการใช้จ่ายงบประมาณอย่างถูกต้อง ไม่มีการทุจริต และให้เกิดผลประโยชน์โดยตรงกับประเทศชาติ ไม่อย่างนั้นงบประมาณจะสูญเปล่า และเสียไปเรื่อยๆ ถ้าสื่อ หรือใครได้ข่าวการทุจริต ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และประชาชนต้องช่วยกันฝ้าระวังเพื่อแจ้งขึ้นมา หลังจากนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน หรือจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเป็นตามขั้นตอนทุกอย่าง ถ้าผู้บริหารไม่ต้องการผลประโยชน์ มันจบแล้ว แต่อย่างอื่นก็ต้องวว่าไปตามระบบ เนื่องจากมีกฎกติกาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า รู้สึกกดดันหรือไม่ กับการถูกจับตามองจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องการทุจริต พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กดดันเรื่องอะไร ไม่เคยกดดัน ใครจะจับตามองก็จับตามมองมา จะมากดดันตนด้วยเรื่องอะไร ในเมื่อตนทำในสิ่งที่บริสุทธิ์ใจ และจริงใจกับประเทศชาติ จะกดดันไปทำไม ถ้าตนกดดัน ตนก็ทำงานลำบาก ซึ่งตนฟังความคิดเห็นของทุกคน เพื่อนำมาวิเคราะห์มาตักสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ตนฟังความคิดเห็นทุกคน แแม้กระทั่งกลุ่มต่อต้าน ตนก็ฟัง ตนอากเรียกร้องขอให้เขาดูสถานการณ์ของประเทศไปก่อนขณะนี้ได้ไหม ให้ประเทศชาติผ่านวันเวลาที่ยากลำบากตอนนี้ไปก่อนได้ไหม เราต้องการแก้ไขปัญหาที่จะต้องไม่เกิดขึ้นในอนาคต ฉะนั้นไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ ตนก็ไม่ต้องมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องมีการควบคุมอำนาจ และท่านคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันดีหรือไม่ หรือจะเกิดต่อไป ไปถึงไหนก็ไม่รู้ ถ้ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น จะทำอย่างไร บางคนบอกว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามา ก็ไม่เห็นมีอะไร ก็เพราะว่ามาถึงไม่มีอะไร ท่านรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีอะไร ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ มาโดยตลอด การดำเนินคดี การบังคับใช้กฎหมาย ก็ไม่เต็มที่ แต่ตอนนี้เราใช้เต็มที่ อาจจะดูว่ารุนแรงไปหน่อย แต่ตนอยากถามว่า ที่ผ่านมามันแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง ถ้าเราไม่ใช้กฎหมายที่เหมาะสม เป็นธรรม มันก็จะเกิดคดีความอย่างนั้นไปเรื่อยๆ บุกรุกป่า ปัญหายาเสพติด ที่มีมากมาย หรืออาชญากรรมต่างๆ และอาวุธสงคราม อยากถามว่าจะทำอย่างไร
"ช่วงก่อนวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่องการบริหารราชการเเผ่นดิน ที่เป็นเรื่องใหญ่ ส่วนเรื่องอื่นเป็นเพียงแค่องค์ประกอบ ทั้งเรื่องการทุจริตต่างๆ ซึ่งมีกระบวนการของมันอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือ บริหาราชการแผ่นดินไม่ได้ งบประมาณใช้ไม่ได้ และที่ผมทำไม่ใช่ทำเพื่อช่วยใคร ผมช่วยประเทศชาติ ผมช่วยคนไทยทุกคน มากบ้าง น้อยบ้าง ถ้าทุกคนต้องการได้ท่ากันหมดมันเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากประเทศชาติใหญ่โต เราแค่ 77 จังหวัดก็ใหญ่แล้ว ซึ่งถ้ามาองจากข้างบนลงมาข้างล่าง จะเห็นประชาชนเต็มไปหมด จะทำอย่างไรให้ถึงคนเหล่านั้นให้ได้ เป็นสิ่งที่ผมคิดมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ผมอยู่กับคนยากจนมาโดยตลอด อยู่กับชาวไร่ ชาวนา อยู่กับคนเดือดร้อน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ที่ไม่มีจะกิน หาเงินซัก 10 บาท ยังหาไม่ได้เลย สมัยก่อนผมก็ยังหาไม่ได้เลย วันนี้จะทำยังไงให้ดีขึ้น ซึ่งวันนี้ดีขึ้น ส่วนน้อย ส่วนที่ไม่ดียังเยอะอยู่ ดังนั้นขอให้ช่วยกันหน่อย ทั้งนักวิชาการ หรือใครก็แล้วแต่ ช่วยกันเถอะ ให้ลดระดับไปก่อนได้ไหม อย่างเพิ่งมาเรียกร้องอะไรกันมากมาย เพราะเรียกมา ก็ตีกันอีก มันก็จะเกิดความวุ่นวาย ผมไม่ใช่คนไม่รักประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยมันต้องพร้อมก่อน ต้องแก้ไขประชาธิปไตยของเราให้ได้ก่อน"
เมื่อถามว่า ไปนั่งทำงานที่ทำที่ทำเนียบรัฐบาล ชินหรือ ยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะชินได้อย่างไร ตนเป็นทหารมาทั้งชีวิต อย่าใช้คำว่าชินดีกว่า แต่ให้ใช้คำว่า ตนชินกับปัญหา ตนชินกับปัญหาที่มีมายาวนานแล้ว เมื่อเรามีโอกาสเข้ามาทำงาน เราต้องแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้ได้ มันอาจจะมากบ้าง หรือน้อยบ้าง ก็จะต้องเร่งดำเนินการ ส่วนการทำงานปฏิรูป 1 ปี ตามที่วางไว้เป็นเรื่องของสภาปฏิรูป ที่จะต้องดำเนินการ ตนได้ให้แนวทางตามโรดแมปไว้ เพราะเราต้องสร้างการรับรู้จากต่างประเทศด้วย สิ่งนี้ตนแฟร์กับทุกคน ดังนั้นขึ้นอยู่กับพวกเรา ที่ให้เวลาการทำงานรัฐบาลแค่ไหน ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์แล้วว่า จะทำงานให้ดี และเร็วที่สุด
** เรียก“ปรีดิยาธร-สมหมาย”เข้าพบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางกลับจากการเป็น ประธานพิธีวันทหารราบ และพิธีเทิดเกียรตินายทหารชั้นนายพลเหล่าทหารราบ ประจำปี 2557 ที่จะเกษียณอายุราชการ ที่ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ โดยถึงกรุงเทพฯในเวลา 13.30 น. จากนั้นได้เข้าไปรับประทานอาหาร และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสูทสากล ที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 1 รอ.) ก่อนที่จะเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจต่อที่ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 14.46 น.
โดยเวลา 14.55 น. ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ นายสมหมาย ภาษี รมว. คลัง ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาในการเข้าพบประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจทุกเรื่อง แต่นายกรัฐมนตรีบอกว่า เรื่องใดที่ยังไม่ผ่านที่ประชุม ครม. ยังไม่ต้องพูด ส่วนปัญหาเรื่องยางพารา ที่เกษตรกรยังไม่พอใจมาตรการในการช่วยเหลือนั้น ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้กังวลอะไร เพราะมีการประชุม คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) แล้ว
สำหรับนโยบายที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ขอให้ผ่านที่ประชุม ครม.ก่อนโดย 3 เดือนแรกของปี 58 จะมีมาตรการออกมาเป็นชุดและจะเป็นมาตรการที่ดีมากเลย
พร้อมกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (25 ก.ย.) เวลา 10.30 น. นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่าประจำเดือน ก.ย. 57 ที่ตึกสันติไมตรีหลังในทำเนียบรัฐบาล โดยมี รองนายกฯ รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย
** จ้อ"คืนความสุขฯ"เทปสุดท้ายศุกร์นี้
มีรายงานข่าวแจ้งว่า รายการคืนความสุขให้คนในชาติ ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ร่วมการเฉพาะกิจแห่งชาติ ทุกคืนวันศุกร์ ในเวลา 20.15 น. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ออกมาชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ภายหลังที่มีการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจที่จะออกอากาศรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เทปสุดท้ายในวันศุกที่ 26 ก.ย.นี้ ในเวลา 20.15 น. โดยอาจจะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมที่จะอัดเทป เพื่อชี้แจงรายละเอียดในวันนี้ (25ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก ส่วนรายการใหม่ที่จะมาแทนรายการคืนความสุขให้คนในชาตินั้น ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะมีรายการใหม่ขึ้นมาทดแทนหรือไม่ แต่ถ้ามี อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเวลาในการพบประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยอาจจะมีการออกอากาศทางช่องเอ็นบีที เพียงช่องเดียวเท่านั้น
**นักวิชาการอย่าล้ำเส้นความมั่นคง
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีสิทธิเสรีภาพนักวิชาการในการวิพากษ์วิจารณ์การเมือง ว่า คงต้องยอมรับว่าสภาวะของประเทศตอนนี้ยังไม่ปกติดีนัก ต้นปีที่ผ่านมาก็มีเรื่องต่างๆ มากมาย เรียกว่าอยู่ที่ปากเหว ตอนนี้เราก็ถอยมานิดหน่อยแล้ว แต่ก็ยังมีเหวอยู่ เพราะฉะนั้น การดำเนินการอะไรต้องระวัง ต้องเรียกว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่ยังไม่ปกติ 100 เปอร์เซ็นต์ ตนคิดว่า อยู่ที่แต่ละคนที่จะช่วยกันพยุงไป แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นต่างๆ ตอนนี้ก็เห็นยังแสดงความคิดเห็นกันอยู่ บังเอิญเป็นเรื่องที่บางฝ่ายจะต้องดูแล เขามีความเป็นห่วงว่า มันจะบานปลาย มันจะหยุดไม่อยู่ จะทำอย่างไร ตนมาจากด้านมหาวิทยาลัย ตนทราบดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ แต่เป็นแค่ระยะชั่วคราว ต้องช่วยกันประคองไป กลับสู่สภาพปกติในที่สุด