xs
xsm
sm
md
lg

สมชัยเปิดบทเรียนประชามติ ต้องให้ข้อมูลความรู้ปชช.1ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (23ก.ย.) ที่สถาบันพระปกเกล้า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้บรรยายพิเศษหัวข้อ "ประสบการณ์ประชาธิปไตยกับกระบวนการเลือกตั้ง และลงประชามติ" ให้กับนักศึกษาหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยระดับสูง รุ่นที่ 18 ของสถาบันพระปกเกล้า ว่า จากการไปศึกษาดูงานการลงประชามติสกอตแลนด์ ขอแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา เห็นว่า มีจุดเด่นคือ มีการให้ข้อมูล ความรู้แก่ประชาชนก่อนการตัดสินใจนานถึง 2 ปี และประชาชนมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลอย่างรอบด้าน ทุกมิติ โดยกกต.จะเป็นผู้กำหนดงบประมาณ และรูปแบบในการรณรงค์ของกลุ่มทั้งที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย กับการแยกตัว มีการใช้สื่อหลายรูปแบบออกมา เพื่อให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด
**ตายตาหลับได้ไปดูงานที่สกอตฯ
นอกจากนี้ ยังพบว่าคนสกอตแลนด์ มีการยอมรับความแตกต่างทางความคิดของแต่ละฝ่าย และเมื่อที่สุดผลการลงประชามติออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายก็ยอมรับ ซึ่งจากการดูงานดังกล่าวหลายอย่างสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทยได้ เช่นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการลงคะแนนเสียงได้หลายช่องทาง การขยายเวลาเลือกตั้ง การรณรงค์ให้ความรู้ต่างๆ รวมทั้งยังเห็นวัฒนธรรมประชาธิปไตย ซึ่งมีการยอมรับความแตกต่างทางความคิด และสุดท้ายคือ การยอมรับผลการลงประชามติ ซึ่งในการไปดูงานครั้งนี้ หลายอย่างสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทยได้
"ที่ผมไปดูงานที่สกอตแลนด์ ถือเป็นบิ๊กอีเว้นท์ของโลก เพราะมีผลต่อประเทศอังกฤษที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจระดับโลก ที่มีคนทั้งโลกติดตาม โอกาสที่จะมีคนได้ไปดูน้อยมาก ต้องอีก 100 ปี ถึงจะจัดลงประชามติอีกครั้ง ถือเป็นโชคดีมหาศาล ผมสอนรัฐศาสตร์ สอนเรื่องการเมืองการปกครอง ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ไปดูการลงประชามติอย่างแท้จริง ขณะที่นักรัฐศาสตร์อีกหลายคนไม่ได้ไปดู ผมถือว่าตายก็คุ้มแล้ว ส่วนที่มีการโจมตีว่าไปเที่ยว ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเมื่อไปต่างประเทศก็ต้องไปดูศิลปวัฒนธรรมนของประเทศนั้นๆ อย่างมีคณะจากต่างประเทศ มาที่ประเทศ ไทย ก็ต้องไปดูวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่ผ่านมาผมโดนเยอะ เมื่อเช้าก็มีการโพสต์รูปบรรยายว่ากกต. ไปดูงานต่างประเทศ สตง.ว่ายังไง" นายสมชัย โชว์ภาพที่ถูกโพสต์ในเฟซบุ๊ก และ ระบุว่ามีการเอาภาพตน ที่ไปซานฟรานซิกโก เมื่อ 2 ปีก่อน ก่อนจะมาเป็น กกต. มาโพสต์ และกล่าวหาว่าตนไปเที่ยวสก๊อตแลนด์ ใช้ภาษีประชาชน โดยนายสมชัยตอบโต้กลับไปว่า "เจอพวกกินหญ้าอีกแล้ว"
** ถามหา”ปึ้ง-โอ๊ค” ในห้องบรรยาย
ทั้งนี้ในการบรรยายดังกล่าว นายสมชัย ได้มีการฉายพาวเวอร์พอยท์ ประกอบการบรรยายกว่า 20 นาที รวมถึงนำเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับของการแยกตัวเป็นเอกราช ที่กกต. ทำขึ้นและแจกจ่ายให้กับผู้มีสิทธิออกเสียงได้ศึกษามาแสดงให้กับนักศึกษา ปปร.ด้วย รวมทั้งเมื่อเริ่มบรรยายได้ระยะหนึ่ง นายสมชัย ก็ได้ถามหา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ และ นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่เป็นผู้ตั้งประเด็นทำนองท้าทาย นายสมชัย ในโซเชียลมีเดีย ว่าการเดินทางไปดูงานครั้งนี้ เป็นการสิ้นเปลืองเงินภาษีประชาชนหรือไม่ และเมื่อนายสมชัย กลับมาควรมาบรรยายว่า ได้อะไรจากสิ่งที่ไปดูงานมา โดยนายสมชัยกล่าวติดตลกว่า “ขอเช็คชื่อนักศึกษาก่อน” คุณพานทองแท้ มามั้ยครับวันนี้ คุณสุรพงศ์ เป็นสองท่านที่สนใจ ไม่ได้มาหรือครับ”ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากนักศึกษา ปปร. พอสมควร และหลังการบรรยาย นายสมชัย ก็ได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้มีการซักถาม ส่วนใหญ่ก็จะมีการซักถามในเรื่องความแตกต่างของการทำประชามติของไทย และสกอตแลนด์ และ ความเป็นไปได้ในการทำประชามติ ร่าง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นายสมชัย กล่าวว่า การลงประชามติของไทยที่ผ่านมา แตกต่างจากที่สกอตแลนด์ โดยเฉพาะการลงประชามติ เพื่อรับ หรือไม่รับรัฐธรรมนูญ ในอดีตที่ผ่านมา พบว่ามีคนไทยอ่านรัฐธรรมนูญจริงๆ น้อยกว่า ต่างกับที่สกอตแลนด์ ซึ่งมีการศึกษาปัญหาที่จะลงประชามติเพื่อแยกประเทศครั้งนี้มาเนิ่นนาน เห็นได้จากการมีนายกท้องถิ่นของสกอตแลนด์ และประกาศนโยบายแยกประเทศเป็นเอกราช เมื่อปี 2555 จนนำไปสู่การเจรจากับรัฐบาลอังกฤษ และยอมให้มีการจัดลงประชามติ ในเดือน ต.ค. 2557 รวมเวลาให้ประชาชนได้วิเคราะห์ถกเถียงข้อดี ข้อเสีย ถึง 2 ปี ซึ่งถ้าถามว่า ประเทศไทยจะมีการทำประชามติสักเรื่อง อย่างน้อยที่สุดต้องให้เวลา 6 เดือนขึ้นไปถึง 1 ปี ไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ 1 – 2 เดือน ก็มาถามเลยว่า ลงประชามติหรือไม่ อย่างนี้อย่าทำ เพราะงบประมาณ 3 พันล้านบาท จะสูญเปล่า คนจะแตกแยกกันมากขึ้น เพราะไม่รู้เรื่องจริง มันต้องเปิดให้ฝ่ายเห็นด้วยเห็นต่างมานำเสนอความเห็นทางทีวี จัดเวทีสัมมนา ให้คนในสังคมได้มีโอกาสรับรู้อย่างเต็มที่ อย่าใช้ประชามติเป็นเพียงเครื่องมือทางพิธีกรรมในการสร้างความชอบธรรมทางอำนาจให้แก่ฝ่ายปกครอง ประเทศไทยเราใช้ประชามติในการปิดปากประชาชน ประชามติต้องมาจากจิตสำนึก การรับรู้ รู้จริงและคิดด้วยตนเอง
**อัดนักการเมืองต้องเปลี่ยนพฤติกรรม
" เวลานี้โจทย์ใหญ่ของสังคมไทย ที่คนไทย และคสช. อยากจะแก้ ก็คือทำอย่างไรให้คนเห็นแตกต่างไม่แตกแยก ซึ่งคิดว่าจะแก้ต้องแก้ที่ฝ่ายการเมือง ไม่ใช่ประชาชน ถ้าฝ่ายการเมืองมีจิตใจที่ยอมรับผลแพ้ชนะ มีความคิดที่เคารพกติกา มีเหตุผล ไม่อาศัยประชาชนเป็นเครื่องมือปลุกปั่น บ้านเมืองก็จะสงบ แต่ทุกวันนี้อะไรที่ทำให้เกิดความได้เปรียบก็จะทำ อะไรทำให้คนเกลียดอีกฝ่ายหนึ่งได้ ก็จะทำ มันจึงต้องเปลี่ยนพฤติกรรมของนักการเมือง จริงอยู่เราอาจเปลี่ยนนักการเมืองยาก แต่ถ้าสังคมแสดงความชิงชังว่า ไม่รับนักการเมืองที่มีพฤติกรรมแบบนี้ ก็จะเป็นคำตอบให้กับนักการเมืองคนนั้นว่า เขาต้องเปลี่ยนแปลง" นายสมชัย กล่าว และว่า หากต้องการให้ประเทศเดินหน้า แต่ละฝ่ายต้องไม่ยึดติดอดีตแต่ควรมองอนาคต แล้วร่วมกันสร้างกติกาใหม่ที่ทุกคนยอมรับ ไม่ใช่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำและรอให้เกิดปัญหาแล้วมาโจมตีกัน
เมื่อถามว่าหากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ไม่มีการลงประชามติ รัฐธรรมนูญจะมีความชอบธรรมหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า การทำประชามติเป็นเพียงกลไกที่ถูกสร้างขึ้นที่เราจะเลือกใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ซึ่งสมัยก่อนรัฐธรรมนูญหลายฉบับ ก็ไม่มีการประชามติ แต่ก็บังคับใช้ได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มากกว่า หากรัฐธรรมนูญใหม่มีส่วนร่วมโดยประชาชน ก็จะมีการยอมรับ
อย่างไรก็ตาม หลังการบรรยายเสร็จสิ้น นายสมชัย ยังได้กล่าวเหน็บในตอนท้ายว่า หวังว่าการบรรยายครั้งนี้จะเป็นมาตรฐานของการไปดูงานต่างประเทศของราชการและหน่วยงานต่างๆ ว่าไปแล้วจะได้กลับมาบรรยายสรุป ถึงประโยชน์ของการดูงานต่อสาธารณะแบบนี้
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กรณีที่นายสมชัย ได้อธิบายถึงความแตกต่างในการทำประชามติของไทยกับสกอตแลนด์นั้น ทางสำนักงานเห็นว่าเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน กกต. ดังนั้นในเดือนหน้าที่จะมีการสัมมนา ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ ทางสำนักงานก็จะขอให้นายสมชัย บรรยายเรื่องดังกล่าวให้พนักงานทราบด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น