"สมยศ" เข้าทำเนียบฯ รายงาน"ประวิตร" คดีฆ่านักท่องเที่ยวอังกฤษ รับคดีไม่คืบหน้า ด้าน"รองนายกฯมั่นคง" เชื่อมือจนท.จับคนร้ายได้ "โฆษกรัฐบาล" วอนต่างชาติเชื่อฝีมือตร.ไทยสางคดีเกาะเต่า เผยนายกฯ จี้ให้หาคนทำผิดโดยเร็ว ปลุกท้องถิ่น-ผู้ประกอบการช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลพื้นที่สุ่มเสี่ยงอีกทาง ขณะที่ผลตรวจดีเอ็นเอ 30 ผู้ต้องสงสัย คว้าน้ำเหลวอีกครั้ง แต่ยังไม่หมดหวัง สั่งขยายวงกว้างในการสืบสวนโดยเฉพาะคนร้ายที่ก่อเหตุอาจจะมาในคืนก่อเหตุ แล้วกลับออกไปทางเรือ ด้านสื่ออังกฤษรายงานว่า มีเบาะแสใหม่ เหยื่อสังหารถูกแก๊งมอเตอร์ไซค์ปล้นคืนก่อนถูกสังหาร ระบุอังกฤษได้ส่งสกอตแลนด์ยาร์ด ร่วมกับตร.ไทยสืบสวนคดี ขณะที่ตำรวจจับเด็กเรือสปีดโบ๊ท คุมตัวสอบเครียด พบฉี่สีมวง รอผลตรวจดีเอ็นเอ
วานนี้ (22ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ศรีวรา รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก. เข้ารายงานความคืบหน้าคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
หลังรายงาน พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ติดตามทั้งบนเกาะ นอกเกาะ คนในเกาะ เรือประมง และเรือที่เข้าออกเกาะ ขณะนี้มีการดำเนินการไปมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งทุกอย่างยังต้องรอเวลา ไม่ใช่ว่าเจอผู้ต้องสงสัยแล้วจะสามารถสรุปได้ในวันเดียว อย่างการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ก็ต้องใช้เวลาถึง 24 ชม.
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. และ พล.อ.ประวิตร ต่างแสดงความห่วงใย และให้กำลังใจการทำคดี และถามความคืบหน้าคดีตลอดเวลา ส่วนกรณีที่ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นคนไทยหนึ่งราย และชาวพม่าหนึ่งรายนั้น ยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่าสองคน
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หวังว่าจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินหน้าเต็มที่ โดยให้ฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์ และฝ่ายสืบสวน ไปติดตามให้ได้อย่างเร็ว
นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ต่างชาติไม่เชื่อมั่นต่อการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ว่านายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างถูกต้อง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาโทษโดยเร็ว ขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ และยังฝากให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวให้เรียบร้อย ซึ่งขณะนี้ไม่ใช่เพียงตำรวจเท่านั้น แต่ในส่วนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ก็ต้องมีส่วนดูแลความปลอดภัย ทั้งในด้านสถานที่ต่างๆ ที่เป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง ส่วนผู้ประกอบการ ก็ต้องให้ความร่วมมือในการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวด้วย จึงขอฝากให้ทุกฝ่ายช่วยกันเป็นหูเป็นตา ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวด้วย
เมื่อถามว่า เมื่อมีการตำหนิไทย ที่มีพยานหลักฐานไม่สมบูรณ์ จึงจะให้ตำรวจสากลรับสอบสวน จะส่งผลต่อการปฏิบัติงานอย่างไร นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ในส่วนนี้ก็ให้สตช. ดำเนินการว่ามีความเหมาะสมในการดำเนินอย่างไร ทางรัฐบาลจะไม่เข้าไปก้าวล่วง แต่ สตช.จะมีหน้าที่ในการดำเนินการต่อไป
"อยากให้ต่างชาติเชื่อมั่นในการดำเนินงานของสตช. และรัฐบาลไทย เพราะรัฐบาลก็ได้กำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีการรายงานผลทุกขั้นตอน ว่ามีการดำเนินการอย่างไรบ้าง จึงขอให้มั่นใจในแต่ละหน้าที่ของทุกๆ หน่วยงาน เพราะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้มีการกำชับลงไปอย่างชัดเจน ให้มีการรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องและดำเนินการตามกระบวนที่ถูกต้อง " นพ.ยงยุทธ กล่าว
*** ผลตรวจดีเอ็นเอ 30 ผู้ต้องสงสัยเหลว
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตรง กล่าวถึงผลการตรวจดีเอ็นเอ ผู้ต้องสงสัย 30 ราย ปรากฏว่าไม่มีดีเอ็นเอ ที่ตรงกับบุคคลต้องสงสัย ดังนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะต้องเพิ่มวงกว้างในการสืบสวน และบุคคลที่ถูกเพิ่มเข้ามา จะต้องเป็นบุคคลที่เข้าข่ายต้องสงสัย โดยทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเพิ่มประเด็น ขยายวงกว้างในการตรวจพิสูจน์ต่างๆ หรือการนำหลักฐานต่างๆ ที่พบในจุดเกิดเหตุ หรือการตรวจสอบร่องรอยการเสียชีวิต เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายใช้ไม้ก่อเหตุ และจะต้องมีไม่ต่ำกว่า 2 คน ทั้งนี้ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน และการเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำมาชี้แจงกับประชาชนได้หมด เพราะว่ามีความจำเป็นทางคดีที่ต้องเก็บ เพื่อประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน หากเปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง จะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจยากขึ้น และทำให้คนร้ายที่ก่อเหตุไหวตัว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่มีการควบคุมตัวผู้ใด เพียงแต่มีเบาะแสเพิ่มเติมว่า ในวันที่เกิดเหตุมีบุคคลใดบ้างที่เข้ามาอยู่ในบริเวณที่ก่อเหตุ และคาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะนำตัวบุคคลดังกล่าวมาสอบถาม ซักถาม และเก็บดีเอ็นเอ เท่านั้น ซึ่งคาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ อาจจะมาในคืนก่อเหตุ แล้วกลับออกไป แต่ไม่ทิ้งประเด็นที่ว่า คนบนเกาะมีส่วนรู้เห็น ก็จะเป็นขั้นตอนการสืบสวนต่อไป
"ก็ตั้งข้อสงสัย บุคคลที่มีเรือ หรือเรือที่เข้าออกเกาะตลอดเวลา เช่น เรือประมงที่มาหลบลมในคืนวันเกิดเหตุ จำนวน 10 ลำ ทางเจ้าหน้าที่ ได้ประสานไปยังตำรวจน้ำ และสพฐ. ภาค 8 ให้นำตัวลูกเรือทั้งหมดมาตรวจสอบ และเก็บดีเอ็นเอทั้งหมด นอกจากนี้ยังหาเบาะแสว่า คืนวันเกิดเหตุมีเรือ หรือบุคคลที่เข้ามา แล้วออกไปกี่ราย ซึ่งมีข้อมูลเพิ่มขึ้นพอสมควร และทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งรางวัลนำจับคนร้ายจำนวน 200,000 บาท"
**สื่อนอกแฉก่อนเกิดเหตุเหยื่อถูกปล้น
หนังสือพิพม์เทเลกราฟรายงาน เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ว่า มีเบาะแสใหม่ออกจากเพื่อนของผู้เสียชีวิต เจมส์ ไอแซกส์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ให้รายละเอียดในวันอาทิตย์ (21 ก.ย.) ว่า คืนก่อนที่ ฮันนาห์ วิเทอริดจ์ วัย 23 ปี จะถูกสังหาร ทั้งเธอและเพื่อนหญิง ถูกแก๊งมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่เกาะเต่า บริเวณหาดทรายรี ซึ่งเป็นหาดเดียวกับที่เธอและเดวิด มิลเลอร์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษวัย 24 ปี ถูกฆ่าในวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พบว่า วิเทอริดจ์ และเพื่อนหญิงต้องเสียทรัพย์สินส่วนตัวไป รวมถึงกระเป๋า กล้องถ่ายรูป และโทรศัพท์ไอโฟน ให้กับกลุ่มชายไทยไม่ทราบชื่อ 4 คน
เดอะเทเลกราฟ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า เบาะแสใหม่นี้เกิดขึ้นหลังจากบทบรรณาธิการของบางกอกโพสต์ หนังสือพิพม์ไทย ภาคภาษาอังกฤษชั้นนำฉบับหนึ่ง โจมตีการทำงานของตำรวจไทย ว่า การสอบสวนคดีฆ่านักท่องเที่ยวอังกฤษนั้นตำรวจไทย "ทำคดีแบบเร่งรีบ ไม่ครอบคลุม และเต็มไปด้วยการคาดเดา"
และตำรวจไทยยืนยันว่า ในขณะนี้กำลังดูถึงความเชื่อมโยงระหว่าง“ชายไทย” และ “เหยื่อนักท่องเที่ยวอังกฤษ”ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สอบสวนได้พุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัย “แก๊งที่มีสมาชิกอย่างน้อย 3 คน”โดยสื่อไทย บางกอกโพสต์ หนังสือพิมพ์ไทยภาคภาษาอังกฤษรายงานว่า ในขณะนี้ตำรวจไทยกำลังตามล่าชายไทย 1 คน และแรงงานพม่าอีก 1 คน ในฐานะผู้ต้องสงสัย
โดยไอแซกส์ ให้สัมภาษณ์กับบางกอกโพสต์ ว่า “อาจจะเป็นพวกเขา เพราะมันเกิดเหตุเกือบที่เดียวกัน” ด้าน พ.ต.ท.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสตช. เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถยืนยันในขณะนี้ได้ว่า ทางทีมสอบสวนทราบถึงเหตุการณ์ที่ผู้เสียชีวิตถูกปล้น หรือในขณะนี้ทางทีมสอบสวนกำลังสืบประเด็นนี้อยู่ เพราะบางครั้งหลังเกิดเหตุ นักท่องเที่ยวไม่ได้แจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่
ในวันอาทิตย์ (21ก.ย.) ถือเป็นครั้งแรก ที่ทางทีมสืบสวนยืนยันว่ากำลังสอบสวน ถึงประเด็นที่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองถึงเกี่ยวพันกับชายไทยไม่ทราบชื่อคนหนึ่ง ที่พบพูดจาข่มขู่วิเทอริดจ์ในบาร์ไม่นาน ก่อนที่เธอจะถูกสังหาร โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ร้องขอให้พยานที่รู้เห็นให้ออกมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ แต่ทว่า เดอะมิเรอร์ สื่ออังกฤษรายงานว่า “หากคนร้ายเป็นคนในพื้นที่เกาะเต่าจริง ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ จะปิดปากเงียบในเรื่องนี้เพราะเกาะเต่า เป็นที่ง่ายต่อการเกิดอาชญากรรมรุนแรง”
โดยในวันเสาร์ (20ก.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ได้แสดงภาพจากกล้องวงจรปิด ชี้ว่า ทั้งมิลเลอร์ และวิเทอริดจ์ นั้นแยกกันเดินเที่ยวตามบาร์ต่างๆ ในวันที่ 14 ก.ย.โดยมิลเลอร์เดินตามลำพัง ในขณะที่วิเทอริดจ์เดินกับกลุ่มเพื่อนของเธอ และในภาพกล้องวงจรปิดเห็นมิลเลอร์ ได้จับมือกับชายในพื้นที่คนหนึ่งที่สวมเสื้อเจอร์ซีสีแดง และมีหมายเลข 9 ติดอยู่ด้านหลังของตัวเสื้อ
ทั้ง เดวิด มิลเลอร์ และ ฮันนาห์ วิเทอริดจ์ได้เข้าไปในบาร์ไม่ต่ำกว่า 2 แห่ง ก่อนที่จะถูกพบเป็นศพ คนทั้งคู่ได้เข้าไปที่ “ชอปเปอร์ส” ซึ้งเป็นสปอร์ตพับบาร์ สไตล์ออสเตรเลีย ที่คนทั้งคู่นั่งชมการแข่งขันของทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และทั้งมิลเลอร์ และวิเทอริดจ์ ได้เข้าไปใช้บริการ “บาร์เอซี ”ที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ของพวกคอทองแดง รวมถึงมีเรื่องชกต่อย และการแสดงโชว์โยนไฟ
เดลิเมล สื่ออังกฤษอีกฉบับ รายงานถึงการให้ข้อมูลของเพื่อนจากฝั่งมิลเลอร์ กับตำรวจไทยว่า เดวิด บอกกับพวกเขาว่ากำลังจะไปหาซื้อบุหรี่ แต่เพื่อนอีกคนของมิลเลอร์ เสริมว่า แท้จริงแล้วมิลเลอร์ตรงไปยังบาร์เอซี เพื่อพบกับวิเทอริดจ์ และเพื่อนของเธอ เอมมี แมเดลีน (Emma Madeline) และภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นภาพของมิลเลอร์ กำลังเดินอยู่ตามลำพังออกมาจากไนต์คลับ เวลา 01.26 น. และเดินย้อนกลับไปในเวลา 01.57 น. ในวันที่ 15 ก.ย. ซึ่งเพื่อนของมิลเลอร์อ้างว่า ทั้งมิลเลอร์และวิเทอริดจ์ ออกมาจากคลับทั้งคู่ในเวลา 03.00-04.00 น. หลังจากนั้นร่างของคนทั้งคู่ถูกพบในเวลา 06.00 น. บนหาดทรายรี วันเดียวกัน เดลิเมล สื่ออังกฤษรายงาน
และเดอะเทเลกราฟ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า สื่อไทยรายงานว่า ในวันศุกร์ (19ก.ย.) ที่ผ่านมาว่า ได้มีการเข้าบุกจับ บาร์เอซี และมีการพบสารยาเสพติดและสารอื่นๆ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยืนยันในรายงานข่าวชิ้นนี้
“ประเด็นชู้สาว”ดูเหมือนเป็นเหตุจูงใจในคดีนี้ พ.ต.ท.กฤษณะ กล่าว และเสริมต่อว่าอาจมีความเป็นไปได้ว่า คนร้ายจะเป็นลูกเรือประมง ที่ว่ายน้ำจากเรือขึ้นสู่ฝั่งและก่อเหตุ โดยทางไทยชี้ว่า มีหลักฐานใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ผู้ต้องสงสัยที่คาดว่า “อาจมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนก่อนคืนเกิดเหตุ” กับวิเทอริดจ์ หรือเพื่อนหญิงของเธอ หรือกับมิลเลอร์ เหยื่อผู้เสียชีวิตอีกคน สื่อออสเตรเลีย เดอะออสเตรเลีย รายงานวันนี้ (22 ก.ย.)
อย่างไรก็ตาม สื่ออังกฤษตั้งคำถามถึงการทำงานของตำรวจไทย อาทิ เหตุใดทางเจ้าหน้าที่ไม่ปิดตายบริเวณที่เกิดเหตุ เพราะในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวยังคงไปอาบแดดใกล้กับบริเวณที่พบศพผู้เสียชีวิต รวมถึงหนึ่งในอาวุธที่ถูกใช้สังหารเหยื่อ ซึ่งห่างไปไม่กี่หลาเท่านั้น รวมไปถึงนักธุรกิจต่างชาติในพื้นที่ อ้างว่าตำรวจไทยอนุญาตให้เรือประมงแล่นเรือออกนอกพื้นที่ได้ โดยไม่ทำอะไร
**ส่งสกอตฯร่วมกับตร.ไทยสอบคดี
สื่ออังกฤษ เดลิเมล์รายงานล่าสุดว่า หลังจากที่ตำรวจไทยถูกตำหนิในการสอบสวนที่มีทิศทางไม่แน่นอน ล่าสุดสกอตแลนด์ยาร์ด ได้ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อร่วมกับฝ่ายไทยในการพิสูจน์หาความกระจ่างของคดีแล้ว
ด้านครอบครัวของวิเทอริดจ์ เปิดแถลงหลังจากนำศพของฮันนาห์ วิเทอริดจ์ กลับถึงอังกฤษว่า ทางครอบครัวรู้สึกโล่งใจที่สามารถนำร่างของฮันนาห์กลับบ้านได้ในที่สุด และทางครอบครัวจะยังให้ความร่วมมือเต็มที่กับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อคืนความยุติธรรมให้เธอ แต่อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัววิเทอริดจ์ ยังอยู่ในความเศร้าเนื่องมาจากความสูญเสีย จึงขอเวลาสำหรับความเป็นส่วนตัวในเรื่องนี้
**คุมตัว"ลูกเรือสปีดโบ๊ท"สอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน ได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 1 ราย คือ นายเลอพงษ์ สุขสมบูรณ์ อายุ 23 ปี พนักงานประจำเรือ (ลูกเรือ) สปีดโบ๊ท ของเรือลมหลัก บริษัท ลมหลัก คีรินทร์ ไฮสปีด เฟอร์รี่ ที่ประจำอยู่เกาะนางยวน ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้รับแจ้งจากตำรวจ สภ.เกาะสมุย ว่า ได้จับกุมนายเลอพงษ์ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านแหลมกากีว่า มีบุคคลแปลกหน้าเข้ามาหลบอาศัยอยู่ในถ้ำแหลมกากี หมู่ 5 ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย เป็นเวลาหลายวันแล้ว และออกมาขอข้าวชาวบ้านกินเป็นครั้งคราว จึงเดินทางไปควบตัวมาสอบปากคำที่ สภ.เกาะพะงัน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำนายเลอพงษ์ แต่นายเลอพงษ์ ก็ยังให้การวกวน พร้อมพูดซ้ำๆ ว่า "ไม่ได้ตีฝรั่งตาย" เจ้าหน้าที่ จึงได้นำตัวไปตรวจสารหาเสพติด พบว่ามีฉี่สีม่วง จึงควบคุมตัวไว้ในข้อหาเสพยาเสพติด พร้อมกับได้นำเส้นผมกับเล็บบางส่วนส่งไปตรวจ DNA ที่นิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อเปรียบเทียบกับ DNA ที่พบในร่างของ น.ส.ฮันน่าห์ ผู้เสียชีวิต
ด้านพล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบช.ภาค 8 พร้อม พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี เดินทางมาที่ สภ.เกาะสมุย เพื่อสอบถาม พ.ต.อ.พยุงศักดิ์ สุรินทร์ ผกก.สภ.เกาะสมุย และพนักงานสอบสวน หลังจับกุมนายเลอพงษ์ ที่ถูกจับกุมได้และนำตัวมาสอบปากคำ พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยชายไทยอีก 2 คน ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นลูกเรือสปีดโบ๊ท ที่พานักท่องเที่ยวไปดำน้ำที่เกาะเต่า มาสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าหรือไม่
โดยการสอบสวนนายเลอพงษ์ ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า แต่ยอมรับว่าเสพยาไอซ์ ส่วนผู้ต้องสงสัยลูกเรือสปีดโบ๊ทอีก 2 คน ที่เป็นเพื่อนกับนายเลอพงษ์ ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นต่อคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า โดยในเวลาดังกล่าวทั้ง 2 คนได้พักอยู่ที่เกาะสมุย ซึ่งมีหลักฐานใบบันทึกเวลาเข้าออกงานมายืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ล่าสุด จากการตรวจที่พักของลูกเรือสปีดโบ๊ททั้ง 3 คน เจ้าหน้าที่พบหลักฐานเป็นกางเกงขาสั้นเปื้อนคล้ายเลือด 2 ตัวจึงนำกางเกงดังกล่าวส่งไปตรวจ DNA ว่าตรงกับเหยื่อชาวอังกฤษหรือไม่
วานนี้ (22ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ศรีวรา รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก. เข้ารายงานความคืบหน้าคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
หลังรายงาน พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ติดตามทั้งบนเกาะ นอกเกาะ คนในเกาะ เรือประมง และเรือที่เข้าออกเกาะ ขณะนี้มีการดำเนินการไปมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งทุกอย่างยังต้องรอเวลา ไม่ใช่ว่าเจอผู้ต้องสงสัยแล้วจะสามารถสรุปได้ในวันเดียว อย่างการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ก็ต้องใช้เวลาถึง 24 ชม.
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. และ พล.อ.ประวิตร ต่างแสดงความห่วงใย และให้กำลังใจการทำคดี และถามความคืบหน้าคดีตลอดเวลา ส่วนกรณีที่ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นคนไทยหนึ่งราย และชาวพม่าหนึ่งรายนั้น ยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่าสองคน
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หวังว่าจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินหน้าเต็มที่ โดยให้ฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์ และฝ่ายสืบสวน ไปติดตามให้ได้อย่างเร็ว
นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ต่างชาติไม่เชื่อมั่นต่อการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ว่านายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างถูกต้อง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาโทษโดยเร็ว ขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ และยังฝากให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวให้เรียบร้อย ซึ่งขณะนี้ไม่ใช่เพียงตำรวจเท่านั้น แต่ในส่วนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ก็ต้องมีส่วนดูแลความปลอดภัย ทั้งในด้านสถานที่ต่างๆ ที่เป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง ส่วนผู้ประกอบการ ก็ต้องให้ความร่วมมือในการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวด้วย จึงขอฝากให้ทุกฝ่ายช่วยกันเป็นหูเป็นตา ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวด้วย
เมื่อถามว่า เมื่อมีการตำหนิไทย ที่มีพยานหลักฐานไม่สมบูรณ์ จึงจะให้ตำรวจสากลรับสอบสวน จะส่งผลต่อการปฏิบัติงานอย่างไร นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ในส่วนนี้ก็ให้สตช. ดำเนินการว่ามีความเหมาะสมในการดำเนินอย่างไร ทางรัฐบาลจะไม่เข้าไปก้าวล่วง แต่ สตช.จะมีหน้าที่ในการดำเนินการต่อไป
"อยากให้ต่างชาติเชื่อมั่นในการดำเนินงานของสตช. และรัฐบาลไทย เพราะรัฐบาลก็ได้กำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีการรายงานผลทุกขั้นตอน ว่ามีการดำเนินการอย่างไรบ้าง จึงขอให้มั่นใจในแต่ละหน้าที่ของทุกๆ หน่วยงาน เพราะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้มีการกำชับลงไปอย่างชัดเจน ให้มีการรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องและดำเนินการตามกระบวนที่ถูกต้อง " นพ.ยงยุทธ กล่าว
*** ผลตรวจดีเอ็นเอ 30 ผู้ต้องสงสัยเหลว
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตรง กล่าวถึงผลการตรวจดีเอ็นเอ ผู้ต้องสงสัย 30 ราย ปรากฏว่าไม่มีดีเอ็นเอ ที่ตรงกับบุคคลต้องสงสัย ดังนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะต้องเพิ่มวงกว้างในการสืบสวน และบุคคลที่ถูกเพิ่มเข้ามา จะต้องเป็นบุคคลที่เข้าข่ายต้องสงสัย โดยทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเพิ่มประเด็น ขยายวงกว้างในการตรวจพิสูจน์ต่างๆ หรือการนำหลักฐานต่างๆ ที่พบในจุดเกิดเหตุ หรือการตรวจสอบร่องรอยการเสียชีวิต เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายใช้ไม้ก่อเหตุ และจะต้องมีไม่ต่ำกว่า 2 คน ทั้งนี้ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน และการเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำมาชี้แจงกับประชาชนได้หมด เพราะว่ามีความจำเป็นทางคดีที่ต้องเก็บ เพื่อประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน หากเปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง จะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจยากขึ้น และทำให้คนร้ายที่ก่อเหตุไหวตัว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่มีการควบคุมตัวผู้ใด เพียงแต่มีเบาะแสเพิ่มเติมว่า ในวันที่เกิดเหตุมีบุคคลใดบ้างที่เข้ามาอยู่ในบริเวณที่ก่อเหตุ และคาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะนำตัวบุคคลดังกล่าวมาสอบถาม ซักถาม และเก็บดีเอ็นเอ เท่านั้น ซึ่งคาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ อาจจะมาในคืนก่อเหตุ แล้วกลับออกไป แต่ไม่ทิ้งประเด็นที่ว่า คนบนเกาะมีส่วนรู้เห็น ก็จะเป็นขั้นตอนการสืบสวนต่อไป
"ก็ตั้งข้อสงสัย บุคคลที่มีเรือ หรือเรือที่เข้าออกเกาะตลอดเวลา เช่น เรือประมงที่มาหลบลมในคืนวันเกิดเหตุ จำนวน 10 ลำ ทางเจ้าหน้าที่ ได้ประสานไปยังตำรวจน้ำ และสพฐ. ภาค 8 ให้นำตัวลูกเรือทั้งหมดมาตรวจสอบ และเก็บดีเอ็นเอทั้งหมด นอกจากนี้ยังหาเบาะแสว่า คืนวันเกิดเหตุมีเรือ หรือบุคคลที่เข้ามา แล้วออกไปกี่ราย ซึ่งมีข้อมูลเพิ่มขึ้นพอสมควร และทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งรางวัลนำจับคนร้ายจำนวน 200,000 บาท"
**สื่อนอกแฉก่อนเกิดเหตุเหยื่อถูกปล้น
หนังสือพิพม์เทเลกราฟรายงาน เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ว่า มีเบาะแสใหม่ออกจากเพื่อนของผู้เสียชีวิต เจมส์ ไอแซกส์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ให้รายละเอียดในวันอาทิตย์ (21 ก.ย.) ว่า คืนก่อนที่ ฮันนาห์ วิเทอริดจ์ วัย 23 ปี จะถูกสังหาร ทั้งเธอและเพื่อนหญิง ถูกแก๊งมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่เกาะเต่า บริเวณหาดทรายรี ซึ่งเป็นหาดเดียวกับที่เธอและเดวิด มิลเลอร์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษวัย 24 ปี ถูกฆ่าในวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พบว่า วิเทอริดจ์ และเพื่อนหญิงต้องเสียทรัพย์สินส่วนตัวไป รวมถึงกระเป๋า กล้องถ่ายรูป และโทรศัพท์ไอโฟน ให้กับกลุ่มชายไทยไม่ทราบชื่อ 4 คน
เดอะเทเลกราฟ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า เบาะแสใหม่นี้เกิดขึ้นหลังจากบทบรรณาธิการของบางกอกโพสต์ หนังสือพิพม์ไทย ภาคภาษาอังกฤษชั้นนำฉบับหนึ่ง โจมตีการทำงานของตำรวจไทย ว่า การสอบสวนคดีฆ่านักท่องเที่ยวอังกฤษนั้นตำรวจไทย "ทำคดีแบบเร่งรีบ ไม่ครอบคลุม และเต็มไปด้วยการคาดเดา"
และตำรวจไทยยืนยันว่า ในขณะนี้กำลังดูถึงความเชื่อมโยงระหว่าง“ชายไทย” และ “เหยื่อนักท่องเที่ยวอังกฤษ”ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สอบสวนได้พุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัย “แก๊งที่มีสมาชิกอย่างน้อย 3 คน”โดยสื่อไทย บางกอกโพสต์ หนังสือพิมพ์ไทยภาคภาษาอังกฤษรายงานว่า ในขณะนี้ตำรวจไทยกำลังตามล่าชายไทย 1 คน และแรงงานพม่าอีก 1 คน ในฐานะผู้ต้องสงสัย
โดยไอแซกส์ ให้สัมภาษณ์กับบางกอกโพสต์ ว่า “อาจจะเป็นพวกเขา เพราะมันเกิดเหตุเกือบที่เดียวกัน” ด้าน พ.ต.ท.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสตช. เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถยืนยันในขณะนี้ได้ว่า ทางทีมสอบสวนทราบถึงเหตุการณ์ที่ผู้เสียชีวิตถูกปล้น หรือในขณะนี้ทางทีมสอบสวนกำลังสืบประเด็นนี้อยู่ เพราะบางครั้งหลังเกิดเหตุ นักท่องเที่ยวไม่ได้แจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่
ในวันอาทิตย์ (21ก.ย.) ถือเป็นครั้งแรก ที่ทางทีมสืบสวนยืนยันว่ากำลังสอบสวน ถึงประเด็นที่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองถึงเกี่ยวพันกับชายไทยไม่ทราบชื่อคนหนึ่ง ที่พบพูดจาข่มขู่วิเทอริดจ์ในบาร์ไม่นาน ก่อนที่เธอจะถูกสังหาร โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ร้องขอให้พยานที่รู้เห็นให้ออกมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ แต่ทว่า เดอะมิเรอร์ สื่ออังกฤษรายงานว่า “หากคนร้ายเป็นคนในพื้นที่เกาะเต่าจริง ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ จะปิดปากเงียบในเรื่องนี้เพราะเกาะเต่า เป็นที่ง่ายต่อการเกิดอาชญากรรมรุนแรง”
โดยในวันเสาร์ (20ก.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ได้แสดงภาพจากกล้องวงจรปิด ชี้ว่า ทั้งมิลเลอร์ และวิเทอริดจ์ นั้นแยกกันเดินเที่ยวตามบาร์ต่างๆ ในวันที่ 14 ก.ย.โดยมิลเลอร์เดินตามลำพัง ในขณะที่วิเทอริดจ์เดินกับกลุ่มเพื่อนของเธอ และในภาพกล้องวงจรปิดเห็นมิลเลอร์ ได้จับมือกับชายในพื้นที่คนหนึ่งที่สวมเสื้อเจอร์ซีสีแดง และมีหมายเลข 9 ติดอยู่ด้านหลังของตัวเสื้อ
ทั้ง เดวิด มิลเลอร์ และ ฮันนาห์ วิเทอริดจ์ได้เข้าไปในบาร์ไม่ต่ำกว่า 2 แห่ง ก่อนที่จะถูกพบเป็นศพ คนทั้งคู่ได้เข้าไปที่ “ชอปเปอร์ส” ซึ้งเป็นสปอร์ตพับบาร์ สไตล์ออสเตรเลีย ที่คนทั้งคู่นั่งชมการแข่งขันของทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และทั้งมิลเลอร์ และวิเทอริดจ์ ได้เข้าไปใช้บริการ “บาร์เอซี ”ที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ของพวกคอทองแดง รวมถึงมีเรื่องชกต่อย และการแสดงโชว์โยนไฟ
เดลิเมล สื่ออังกฤษอีกฉบับ รายงานถึงการให้ข้อมูลของเพื่อนจากฝั่งมิลเลอร์ กับตำรวจไทยว่า เดวิด บอกกับพวกเขาว่ากำลังจะไปหาซื้อบุหรี่ แต่เพื่อนอีกคนของมิลเลอร์ เสริมว่า แท้จริงแล้วมิลเลอร์ตรงไปยังบาร์เอซี เพื่อพบกับวิเทอริดจ์ และเพื่อนของเธอ เอมมี แมเดลีน (Emma Madeline) และภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นภาพของมิลเลอร์ กำลังเดินอยู่ตามลำพังออกมาจากไนต์คลับ เวลา 01.26 น. และเดินย้อนกลับไปในเวลา 01.57 น. ในวันที่ 15 ก.ย. ซึ่งเพื่อนของมิลเลอร์อ้างว่า ทั้งมิลเลอร์และวิเทอริดจ์ ออกมาจากคลับทั้งคู่ในเวลา 03.00-04.00 น. หลังจากนั้นร่างของคนทั้งคู่ถูกพบในเวลา 06.00 น. บนหาดทรายรี วันเดียวกัน เดลิเมล สื่ออังกฤษรายงาน
และเดอะเทเลกราฟ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า สื่อไทยรายงานว่า ในวันศุกร์ (19ก.ย.) ที่ผ่านมาว่า ได้มีการเข้าบุกจับ บาร์เอซี และมีการพบสารยาเสพติดและสารอื่นๆ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยืนยันในรายงานข่าวชิ้นนี้
“ประเด็นชู้สาว”ดูเหมือนเป็นเหตุจูงใจในคดีนี้ พ.ต.ท.กฤษณะ กล่าว และเสริมต่อว่าอาจมีความเป็นไปได้ว่า คนร้ายจะเป็นลูกเรือประมง ที่ว่ายน้ำจากเรือขึ้นสู่ฝั่งและก่อเหตุ โดยทางไทยชี้ว่า มีหลักฐานใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ผู้ต้องสงสัยที่คาดว่า “อาจมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนก่อนคืนเกิดเหตุ” กับวิเทอริดจ์ หรือเพื่อนหญิงของเธอ หรือกับมิลเลอร์ เหยื่อผู้เสียชีวิตอีกคน สื่อออสเตรเลีย เดอะออสเตรเลีย รายงานวันนี้ (22 ก.ย.)
อย่างไรก็ตาม สื่ออังกฤษตั้งคำถามถึงการทำงานของตำรวจไทย อาทิ เหตุใดทางเจ้าหน้าที่ไม่ปิดตายบริเวณที่เกิดเหตุ เพราะในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวยังคงไปอาบแดดใกล้กับบริเวณที่พบศพผู้เสียชีวิต รวมถึงหนึ่งในอาวุธที่ถูกใช้สังหารเหยื่อ ซึ่งห่างไปไม่กี่หลาเท่านั้น รวมไปถึงนักธุรกิจต่างชาติในพื้นที่ อ้างว่าตำรวจไทยอนุญาตให้เรือประมงแล่นเรือออกนอกพื้นที่ได้ โดยไม่ทำอะไร
**ส่งสกอตฯร่วมกับตร.ไทยสอบคดี
สื่ออังกฤษ เดลิเมล์รายงานล่าสุดว่า หลังจากที่ตำรวจไทยถูกตำหนิในการสอบสวนที่มีทิศทางไม่แน่นอน ล่าสุดสกอตแลนด์ยาร์ด ได้ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อร่วมกับฝ่ายไทยในการพิสูจน์หาความกระจ่างของคดีแล้ว
ด้านครอบครัวของวิเทอริดจ์ เปิดแถลงหลังจากนำศพของฮันนาห์ วิเทอริดจ์ กลับถึงอังกฤษว่า ทางครอบครัวรู้สึกโล่งใจที่สามารถนำร่างของฮันนาห์กลับบ้านได้ในที่สุด และทางครอบครัวจะยังให้ความร่วมมือเต็มที่กับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อคืนความยุติธรรมให้เธอ แต่อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัววิเทอริดจ์ ยังอยู่ในความเศร้าเนื่องมาจากความสูญเสีย จึงขอเวลาสำหรับความเป็นส่วนตัวในเรื่องนี้
**คุมตัว"ลูกเรือสปีดโบ๊ท"สอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน ได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 1 ราย คือ นายเลอพงษ์ สุขสมบูรณ์ อายุ 23 ปี พนักงานประจำเรือ (ลูกเรือ) สปีดโบ๊ท ของเรือลมหลัก บริษัท ลมหลัก คีรินทร์ ไฮสปีด เฟอร์รี่ ที่ประจำอยู่เกาะนางยวน ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้รับแจ้งจากตำรวจ สภ.เกาะสมุย ว่า ได้จับกุมนายเลอพงษ์ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านแหลมกากีว่า มีบุคคลแปลกหน้าเข้ามาหลบอาศัยอยู่ในถ้ำแหลมกากี หมู่ 5 ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย เป็นเวลาหลายวันแล้ว และออกมาขอข้าวชาวบ้านกินเป็นครั้งคราว จึงเดินทางไปควบตัวมาสอบปากคำที่ สภ.เกาะพะงัน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำนายเลอพงษ์ แต่นายเลอพงษ์ ก็ยังให้การวกวน พร้อมพูดซ้ำๆ ว่า "ไม่ได้ตีฝรั่งตาย" เจ้าหน้าที่ จึงได้นำตัวไปตรวจสารหาเสพติด พบว่ามีฉี่สีม่วง จึงควบคุมตัวไว้ในข้อหาเสพยาเสพติด พร้อมกับได้นำเส้นผมกับเล็บบางส่วนส่งไปตรวจ DNA ที่นิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อเปรียบเทียบกับ DNA ที่พบในร่างของ น.ส.ฮันน่าห์ ผู้เสียชีวิต
ด้านพล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบช.ภาค 8 พร้อม พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี เดินทางมาที่ สภ.เกาะสมุย เพื่อสอบถาม พ.ต.อ.พยุงศักดิ์ สุรินทร์ ผกก.สภ.เกาะสมุย และพนักงานสอบสวน หลังจับกุมนายเลอพงษ์ ที่ถูกจับกุมได้และนำตัวมาสอบปากคำ พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยชายไทยอีก 2 คน ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นลูกเรือสปีดโบ๊ท ที่พานักท่องเที่ยวไปดำน้ำที่เกาะเต่า มาสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าหรือไม่
โดยการสอบสวนนายเลอพงษ์ ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า แต่ยอมรับว่าเสพยาไอซ์ ส่วนผู้ต้องสงสัยลูกเรือสปีดโบ๊ทอีก 2 คน ที่เป็นเพื่อนกับนายเลอพงษ์ ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นต่อคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า โดยในเวลาดังกล่าวทั้ง 2 คนได้พักอยู่ที่เกาะสมุย ซึ่งมีหลักฐานใบบันทึกเวลาเข้าออกงานมายืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ล่าสุด จากการตรวจที่พักของลูกเรือสปีดโบ๊ททั้ง 3 คน เจ้าหน้าที่พบหลักฐานเป็นกางเกงขาสั้นเปื้อนคล้ายเลือด 2 ตัวจึงนำกางเกงดังกล่าวส่งไปตรวจ DNA ว่าตรงกับเหยื่อชาวอังกฤษหรือไม่