สุราษฎร์ธานี - ว่าที่ ผบ.ตร.ลงพื้นที่เกาะเต่า ติดตามคลี่คลายคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวอังกฤษ เชื่อตำรวจจับฆาตกรโหดในคดีนี้ได้อย่างแน่นอน โดยพุ่งเป้าไปที่ชายชาวเอเชียก่อเหตุ 2 คน เผยนายกรัฐมนตรีจี้ให้เร่งคลี่คลายคดีโดยเร็วที่สุดเพื่อกู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเกาะเต่า และเพิ่มรางวัลนำจับเป็น 2 แสนบาทแล้ว
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (20 ก.ย.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จากสนามบินเกาะสมุย มายังเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อมาติดตามความคืบหน้าของการคลี่คลายคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ โดยเฉพาะประเด็นการเชื่อมโยงพยานหลักฐาน ทั้งดีเอ็นเอที่พบในคราบอสุจิ ก้นบุหรี่ และรอยเท้าในที่เกิดเหตุ รวมทั้งจอบที่ใช้เป็นอาวุธทำร้ายนักท่องเที่ยว โดยได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำคดี นานเกือบ 2 ชั่วโมง ณ ห้องประชุมศูนย์เฉพาะกิจส่วนหน้า ตำบลเกาะเต่า ซึ่ง พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ 10 เป็นผู้บรรยายสรุปความคืบหน้าของการคลี่คลายคดีดังกล่าว
พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ 10 ได้รายงานสรุปว่า ความคืบหน้าของคดีขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการจำลองสถานการณ์เพื่อย้อนรอยคนร้าย 3 แนวทาง คือ 1.คนร้ายสะกดรอยตามผู้ตายจากบาร์แบบพุ่งเป้าที่ผู้เสียชีวิต 2.เป็นการสะกดรอยตามแบบไม่ระบุว่าเหยื่อเป็นใคร และ 3.จำลองเส้นทางเดินของคนร้ายไปยังจุดเกิดเหตุ และเส้นทางหลบหนี โดยใช้วิธีการหลากหลาย เช่น วัดระยะการเดินจากบาร์ที่ผู้เสียชีวิตนั่งดื่มกินในคืนเกิดเหตุ ระยะเวลาการเผาไหม้ของบุหรี่ที่พบในที่เกิดเหตุ การตรวจหาอาวุธที่คนร้ายใช้เพิ่มเติมที่อาจจะยังหลงเหลืออยู่ หรือจากสิ่งของที่วางอยู่ในสภาพไม่ปกติ และตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งผลที่จากการดำเนินการทั้งหมดทำให้สามารถตีกรอบกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้แคบลง นอกจากนี้ รอยเท้าในที่เกิดเหตุยังสามารถนำไปกำหนดสัดส่วนความสูง และรูปร่างของผู้ต้องสงสัย และจากรอยที่พบเชื่อว่า คนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน
ในส่วนของชุดสืบสวนยังลงพื้นที่ติดตามไล่ล่าคนร้าย โดยพุ่งเป้าไปที่ชายชาวเอเชียที่ปรากฏในภาพวงจรปิดตั้งแต่ต้น พร้อมนำแรงงานต่างด้าวที่เป็นลูกจ้างในร้านอาหาร 20 คน คนงานก่อสร้างที่พักอาศัยในพื้นที่มาซักถามทำประวัติ และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ แต่เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงต่อการก่อเหตุแต่อย่างใด และตรวจสอบภาพวงจรปิดที่ท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อเก็บข้อมูลบุคคลที่เดินทางออกจากเกาะเต่า ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.เป็นต้นมา แต่ยังไม่ได้เบาะแส
หลังจากรับฟังบรรยายสรุปถึงความคืบหน้าการคลี่คลายคดีแล้ว พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ผู้บัญชากาตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่เกิดเหตุที่บริเวณหาดทรายรี และเข้าพบกำนันตำบลเกาะเต่า ชาวบ้าน และผู้ประกอบการในตำบลเกาะเต่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชาวบ้านได้มีความมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มารับโทษให้ได้ หลังจากนั้นให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมให้เร่งคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อกู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวบนเกาะเต่า
ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้น หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เร่งสืบหาเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่สำคัญ เป็นที่สนใจของคนทั่วโลก และยังเป็นคดีที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวของประเทศ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยหลายคนไปเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับตัวอย่างดีเอ็นเอที่เชื่อว่าเป็นของคนร้ายที่ก่อเหตุ ที่สามารถเก็บได้จากศพของผู้ตายไปเปรียบเทียบ นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดส่งตัวอย่างดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยบางส่วน ส่งไปให้ผู้เชียวชาญที่ประเทศสิงคโปร์ตรวจสอบแยกสีผิว และสีของดวงตาของผู้ต้องสงสัย ผลตรวจดีเอ็นเอที่พบที่ศพผู้เสียชีวิตระบุออกมาชัดเจนแล้วว่า เป็นคนเอเชีย และขณะนี้ได้ตรวจดีเอ็นเอของแรงงานต่างด้าวเสร็จสิ้นไปแล้ว 30 ราย และมั่นใจว่าตำรวจจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้แน่นอน
พร้อมกันนี้ ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้ตั้งรางวัลนำจับคนร้ายเพิ่มอีก 100,000 บาท จากที่ก่อนหน้านี้ ทางผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวได้ตั้งไว้ 100,000 บาท รวมเป็น 200,000 บาท