ศึกโซเชียลเน็ตเวิร์ก นักวิชาการ-โอ๊ค-ปึ้ง-หนูหริ่ง รุมสับ กกต. "สมชัย ศรีสุทธิยากร" ไปดูลงประชามติ ที่สก็อตแลนด์ 1 สัปดาห์ ถามใช้ภาษีประชาชนไปเท่าไหร่ จี้"นายกฯตู่" ตรวจสอบ ด้าน"สมชัย" โพสต์ตอบโต้ เชิญฟังข้อมูลวันที่ 23 ก.ย.นี้ เปิดงบฯ พตส.-กกต.ทัวร์ดูงานตปท.ใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง-สนง.กกต. หัวละแสนกว่า จนท.สำนักงานวิจารณ์แซด หวั่นขัดนโยบาย คสช.
วานนี้ ( 21 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างวันที่ 14-20 ก.ย. ที่ผ่านมา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง มีภารกิจเดินทางไปศึกษาดูงานการจัดการเลือกตั้งของประเทศอังกฤษ และการลงประชามติ เพื่อแยกสก๊อตแลนด์ออกจากสหราชอาณาจักร ร่วมกับนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. และนายประวิช รัตนเพียร กกต. ด้านกิจการการมีส่วนร่วม พร้อมคณะนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส. 5 ) ที่เมืองกลาสโกว์ และเมืองเอดินเบอระ แคว้นสก๊อตแลนด์ สหราชอาณาจักร แต่ปรากฏว่าได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ถึงความไม่เหมาะสม พร้อมเรียกร้องให้ กกต.คนดังกล่าวเขียนรายงานชี้แจงอย่างละเอียดว่า ตลอด 7วันของการไปศึกษาดูงานครั้งนี้ได้ประโยชน์ใดบ้าง คุ้มค่ากับเงินภาษีของประชาชนหรือไม่ อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พี่น้องที่มีใจรักประชาธิปไตย อดใจรออีกนิด... กกต.สมชัยฯ เริ่มสนใจที่จะเรียนรู้ การจัดการเลือกตั้งแล้วครับ..!! สำนักข่าวชื่อดังของอังกฤษ ตีข่าวครึกโครมในหน้าภูมิภาคเอเซียว่า กรรมการการเลือกตั้งของไทยที่ชื่อ "สมชัย ศรีสุทธิยากร" ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่เต็มใจ ที่จะจัดให้มีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในไทย เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ได้ใช้เงินภาษีอากรของราษฎร เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางนานถึง 7 วันเต็มๆ เพื่อไป... "Learn how to vote" หรือ "เรียนรู้ ว่าเขาลงคะแนนเสียงกันอย่างไร? " ในสก๊อตแลนด์ ตามข่าวนี้ครับ http://www.independent.co.uk/news/world/asia/thailands-election-commission-travel-to-scotland-to-learn-how-to-vote-9744147.html
กกต.ผู้นี้ เคยเดินทางไปยุโรป และได้ถ่ายรูป "เอียงเพื่อ ทำการใหญ่" ในช่วงที่ประเทศเกิดวิกฤต จนไม่สามารถมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนั้น ก็ได้มีการพูดถึง ความเหมาะสมและสามัญสำนึกของ กกต.ผู้นี้ ที่มีต่อการจัดการเลือกตั้ง กันมาครั้งหนึ่งแล้ว ขณะนี้เป็นช่วงออกนโยบาย รัดเข็มขัดการดูงานต่างประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าการเดินทางไปดูงานต้องคุ้มค่า กลับมาต้องเขียนรายงานอย่างละเอียด ว่าได้ประโยชน์ และจะนำมาใช้กับประเทศชาติอย่างไร ซึ่งพี่น้องประชาชนก็เห็นด้วย และเกิดกระแสตอบรับนโยบายนี้ในวงกว้าง กกต.สมชัยฯ น่าจะเขียนรายงานอย่างละเอียดว่า 7 วันที่ท่านเดินทางไปนี้ แต่ละวันไปดูงานอะไร ได้ประโยชน์อะไรบ้าง ดูเขาโหวตวันเดียวก็รู้เรื่องแล้ว ทำไมต้องไปถึง 7 วัน ใช้เงินภาษีของประชาชนไปกี่แสนบาท คุ้มค่าหรือไม่ แล้วนำรายงานนี้มาโพสต์ อวดชาวบ้าน น่าจะเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ มากกว่ารูปถ่ายตามสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีออกมาโพสต์ว่อนอยู่ในเน็ตขณะนี้นะครับ ในฐานะประชาชนเจ้าของภาษี ผมจะรอดูครับ
ด้านนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ โพสต์ว่า ไปนอก ดูงานเลือกตั้ง เพื่อล้มเลือกตั้ง Maybe one day, no more จักต้องมี สักวันหนึ่ง ที่ชาติบ้านเมืองเรา ปลอดนักวิชาการอำมาตย์ ที่ผลาญเงินภาษีประชาชน และบ่อนทำลายประเทศชาติประชาธิปไตย
ส่วนนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด โพสต์ว่า รีบกลับมาเถอะครับ เรารออยู่ ประชาชนอยากรู้ค่าภาษี หนึ่งอาทิตย์ใช้จ่ายใช้ของฟรี ความรู้มีบอกกันได้เท่าไร
ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ถ้ากกต.ไม่รู้หน้าที่ และความรับผิดชอบของตัวเอง ไปดูงานร้อยรอบก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่มีจิตสำนึก เอนเอียงไม่เที่ยงธรรม ไปดูงานต่างประเทศก็เหมือนเดิม สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ จะเห็นว่าในต่างประเทศเขาออกมาโหวตกันเยอะ ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตของตัวเอง มีความตรงไปตรงมาไม่ขี้โกง แต่คนไทยนั้น กรรมการเหมือนลงมาเล่นเองตลอด เลยเกิดความไม่เป็นธรรม เลือกตั้งก็ไม่สำเร็จ ซึ่งเกิดจากใครก็รู้ๆ กันอยู่ แต่ไปโทษรัฐบาล โทษพรรคการเมือง ซึ่งมันไม่ใช่ ทั้งนี้อยากให้รัฐบาล และ คสช. ตรวจสอบการใช้เงินขององค์กรอิสระ ว่าไปดูงานหรือไปเที่ยวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเห็นว่าต้องใช้เที่ยวบินพิเศษ โรงแรมต้องชั้น 1 ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ ตามกฎเกณฑ์ที่วางเอาไว้ด้วย
โดยล่าสุดนายสมชัย ได้โพสต์โต้ตอบว่า หลักสูตร ปปร. สถาบันพระปกเกล้า เชิญผมเป็นวิทยากร บรรยายหลักสูตร ปปร.18 หัวข้อ ประสบการณ์ประชาธิปไตยกับกระบวนการเลือกตั้งและลงประชามติ ในวันอังคารที่ 23 ก.ย.57 เวลา 09.00-11.30 น. ณ ห้องอบรมประชาธิปก สถาบันพระปกเกล้า โดยเน้นถ่ายทอดประสบการณ์การลงประชามติที่ scottland ด้วยงานนี้ ให้สื่อมวลชนเข้าฟังได้หากสนใจ ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงเต็ม ครับ สำเนาเรียน โอ๊ค พานทอง หนูหริ่ง บก.ลายจุด เฮียปวิน (จำนามสกุลไม่ได้) อดีต รมต.สุรพงษ์ (โต) จานตุ้ม (คนคุ้นเคย) และ อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ที่นับถือ ครับ.
เผยงบฯดูงานหัวละแสนกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ไปดูการลงประชามติที่ประเทศสก็อตแลนด์ร่วมกับคณะนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 5 จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเหมาะสมนั้น ซึ่งการเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ คณะนักศึกษา พตส.รุ่นที่ 5 ได้แบ่งออกเป็น 2 คณะ โดยคณะแรกได้เดินทางไปศึกษาการเลือกตั้งที่ประเทศสวีเดนและเดนมาร์ก ระหว่างวันที่ 7-15 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งในคณะนี้มี นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยร่วมเดินทางไปด้วย
ส่วนคณะที่สอง คือคณะที่ไปศึกษาการเลือกตั้งที่ประเทศอังกฤษ และไปดูการทำประชามติที่ประเทศสก็อตแลนด์ ระหว่างวันที่ 14-21 ก.ย. ที่มี นายสมชัย ร่วมเดินทางไปกับคณะนี้ รวมทั้ง นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ที่เดินทางมาสมทบกับคณะนี้ด้วย หลังจากที่เดินทางร่วมไปกับคณะแรกที่ไปศึกษาการเลือกตั้งที่ประเทศสวีเดนและเดนมาร์ก
โดยการไปดูงานครั้งนี้นอกจากจะมีคณะนักศึกษาพตส.แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่กกต.ที่เป็นนักศึกษา พตส.รุ่นที่ 5 เจ้าหน้าที่กกต.ที่มีหน้าที่อำนวยความสะดวกในหลักสูตร พตส. และยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่กกต.ที่ไม่ได้เป็นนักศึกษา พตส. ร่วมเดินทางไปด้วยประมาณ 10 คน
สำหรับการเรียนการสอนหลักสูตร พตส. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองของสำนักงานกกต. เพื่อใช้ในการฝึกอบรม โดยจะได้รับงบประมาณ 10.5 ล้านบาทต่อ 1 รุ่น และแต่ละรุ่น จะมีนักศึกษาพตส. ประมาณ 80 คน ประกอบด้วยตัวแทนจากพรรคการเมือง หน่วยงานข้าราชการ และภาคเอกชน ส่วนการเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศนั้นเป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตร พตส. ซึ่ง กองทุนพัฒนาพรรคการเมืองจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้หัวละ 5 หมื่นบาท หากการดูงานทริปใดค่าใช้จ่ายเกิน บุคคลนั้นต้องผู้ออกค่าใช้จ่ายเองแต่โดยส่วนใหญ่นักศึกษาที่มาจากหน่วนงานรัฐ ก็จะสามารถไปเบิกส่วนเกินนี้จากต้นสังกัดได้เช่นเดียวกับนักศึกษาพตส. ที่เป็นเจ้าหน้าที่กกต. ส่วนค่าดูงานต่างประเทศที่เกิน 5 หมื่นบาท ทางสำนักงานกกต. ก็จะเป็นผู้จ่ายให้ ส่วนกกต.ที่เดินทางไปด้วยนั้นสำนักงานกกต.จะผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ซึ่งการไปดูงานต่างประเทศครั้งนี้ ทั้ง 2 คณะ ได้ใช้ค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางเฉลี่ย 1 แสนกว่าบาทต่อ 1 คน
ทั้งนี้ ตลอดสองสัปดาห์ที่ทั้ง 2 คณะเดินทางไปต่างประเทศ เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสำนักงานกกต. ในทำนองวิตกกังวลว่าจะเหมาะสมหรือ เพราะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีนโยบายว่าขอให้ข้าราชการงดการเดินทางไปต่างประเทศหากไม่มีเหตุจำเป็นและถึงแม้เงินดังกล่าวจะเป็นของสำนักงานฯและกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองแต่ ก็เป็นเงินภาษีประชาชานที่รัฐจัดสรรมาให้ไว้อุดหนุนพรรคการเมือง อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการปฏิรูปในด้านต่างๆ ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการปฏิรูปจะกำหนดการเลือกตั้งออกมาเป็นรูปแบบใด
วานนี้ ( 21 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างวันที่ 14-20 ก.ย. ที่ผ่านมา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง มีภารกิจเดินทางไปศึกษาดูงานการจัดการเลือกตั้งของประเทศอังกฤษ และการลงประชามติ เพื่อแยกสก๊อตแลนด์ออกจากสหราชอาณาจักร ร่วมกับนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. และนายประวิช รัตนเพียร กกต. ด้านกิจการการมีส่วนร่วม พร้อมคณะนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส. 5 ) ที่เมืองกลาสโกว์ และเมืองเอดินเบอระ แคว้นสก๊อตแลนด์ สหราชอาณาจักร แต่ปรากฏว่าได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ถึงความไม่เหมาะสม พร้อมเรียกร้องให้ กกต.คนดังกล่าวเขียนรายงานชี้แจงอย่างละเอียดว่า ตลอด 7วันของการไปศึกษาดูงานครั้งนี้ได้ประโยชน์ใดบ้าง คุ้มค่ากับเงินภาษีของประชาชนหรือไม่ อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พี่น้องที่มีใจรักประชาธิปไตย อดใจรออีกนิด... กกต.สมชัยฯ เริ่มสนใจที่จะเรียนรู้ การจัดการเลือกตั้งแล้วครับ..!! สำนักข่าวชื่อดังของอังกฤษ ตีข่าวครึกโครมในหน้าภูมิภาคเอเซียว่า กรรมการการเลือกตั้งของไทยที่ชื่อ "สมชัย ศรีสุทธิยากร" ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่เต็มใจ ที่จะจัดให้มีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในไทย เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ได้ใช้เงินภาษีอากรของราษฎร เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางนานถึง 7 วันเต็มๆ เพื่อไป... "Learn how to vote" หรือ "เรียนรู้ ว่าเขาลงคะแนนเสียงกันอย่างไร? " ในสก๊อตแลนด์ ตามข่าวนี้ครับ http://www.independent.co.uk/news/world/asia/thailands-election-commission-travel-to-scotland-to-learn-how-to-vote-9744147.html
กกต.ผู้นี้ เคยเดินทางไปยุโรป และได้ถ่ายรูป "เอียงเพื่อ ทำการใหญ่" ในช่วงที่ประเทศเกิดวิกฤต จนไม่สามารถมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนั้น ก็ได้มีการพูดถึง ความเหมาะสมและสามัญสำนึกของ กกต.ผู้นี้ ที่มีต่อการจัดการเลือกตั้ง กันมาครั้งหนึ่งแล้ว ขณะนี้เป็นช่วงออกนโยบาย รัดเข็มขัดการดูงานต่างประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าการเดินทางไปดูงานต้องคุ้มค่า กลับมาต้องเขียนรายงานอย่างละเอียด ว่าได้ประโยชน์ และจะนำมาใช้กับประเทศชาติอย่างไร ซึ่งพี่น้องประชาชนก็เห็นด้วย และเกิดกระแสตอบรับนโยบายนี้ในวงกว้าง กกต.สมชัยฯ น่าจะเขียนรายงานอย่างละเอียดว่า 7 วันที่ท่านเดินทางไปนี้ แต่ละวันไปดูงานอะไร ได้ประโยชน์อะไรบ้าง ดูเขาโหวตวันเดียวก็รู้เรื่องแล้ว ทำไมต้องไปถึง 7 วัน ใช้เงินภาษีของประชาชนไปกี่แสนบาท คุ้มค่าหรือไม่ แล้วนำรายงานนี้มาโพสต์ อวดชาวบ้าน น่าจะเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ มากกว่ารูปถ่ายตามสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีออกมาโพสต์ว่อนอยู่ในเน็ตขณะนี้นะครับ ในฐานะประชาชนเจ้าของภาษี ผมจะรอดูครับ
ด้านนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ โพสต์ว่า ไปนอก ดูงานเลือกตั้ง เพื่อล้มเลือกตั้ง Maybe one day, no more จักต้องมี สักวันหนึ่ง ที่ชาติบ้านเมืองเรา ปลอดนักวิชาการอำมาตย์ ที่ผลาญเงินภาษีประชาชน และบ่อนทำลายประเทศชาติประชาธิปไตย
ส่วนนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด โพสต์ว่า รีบกลับมาเถอะครับ เรารออยู่ ประชาชนอยากรู้ค่าภาษี หนึ่งอาทิตย์ใช้จ่ายใช้ของฟรี ความรู้มีบอกกันได้เท่าไร
ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ถ้ากกต.ไม่รู้หน้าที่ และความรับผิดชอบของตัวเอง ไปดูงานร้อยรอบก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่มีจิตสำนึก เอนเอียงไม่เที่ยงธรรม ไปดูงานต่างประเทศก็เหมือนเดิม สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ จะเห็นว่าในต่างประเทศเขาออกมาโหวตกันเยอะ ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตของตัวเอง มีความตรงไปตรงมาไม่ขี้โกง แต่คนไทยนั้น กรรมการเหมือนลงมาเล่นเองตลอด เลยเกิดความไม่เป็นธรรม เลือกตั้งก็ไม่สำเร็จ ซึ่งเกิดจากใครก็รู้ๆ กันอยู่ แต่ไปโทษรัฐบาล โทษพรรคการเมือง ซึ่งมันไม่ใช่ ทั้งนี้อยากให้รัฐบาล และ คสช. ตรวจสอบการใช้เงินขององค์กรอิสระ ว่าไปดูงานหรือไปเที่ยวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเห็นว่าต้องใช้เที่ยวบินพิเศษ โรงแรมต้องชั้น 1 ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ ตามกฎเกณฑ์ที่วางเอาไว้ด้วย
โดยล่าสุดนายสมชัย ได้โพสต์โต้ตอบว่า หลักสูตร ปปร. สถาบันพระปกเกล้า เชิญผมเป็นวิทยากร บรรยายหลักสูตร ปปร.18 หัวข้อ ประสบการณ์ประชาธิปไตยกับกระบวนการเลือกตั้งและลงประชามติ ในวันอังคารที่ 23 ก.ย.57 เวลา 09.00-11.30 น. ณ ห้องอบรมประชาธิปก สถาบันพระปกเกล้า โดยเน้นถ่ายทอดประสบการณ์การลงประชามติที่ scottland ด้วยงานนี้ ให้สื่อมวลชนเข้าฟังได้หากสนใจ ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงเต็ม ครับ สำเนาเรียน โอ๊ค พานทอง หนูหริ่ง บก.ลายจุด เฮียปวิน (จำนามสกุลไม่ได้) อดีต รมต.สุรพงษ์ (โต) จานตุ้ม (คนคุ้นเคย) และ อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ที่นับถือ ครับ.
เผยงบฯดูงานหัวละแสนกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ไปดูการลงประชามติที่ประเทศสก็อตแลนด์ร่วมกับคณะนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 5 จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเหมาะสมนั้น ซึ่งการเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ คณะนักศึกษา พตส.รุ่นที่ 5 ได้แบ่งออกเป็น 2 คณะ โดยคณะแรกได้เดินทางไปศึกษาการเลือกตั้งที่ประเทศสวีเดนและเดนมาร์ก ระหว่างวันที่ 7-15 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งในคณะนี้มี นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยร่วมเดินทางไปด้วย
ส่วนคณะที่สอง คือคณะที่ไปศึกษาการเลือกตั้งที่ประเทศอังกฤษ และไปดูการทำประชามติที่ประเทศสก็อตแลนด์ ระหว่างวันที่ 14-21 ก.ย. ที่มี นายสมชัย ร่วมเดินทางไปกับคณะนี้ รวมทั้ง นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ที่เดินทางมาสมทบกับคณะนี้ด้วย หลังจากที่เดินทางร่วมไปกับคณะแรกที่ไปศึกษาการเลือกตั้งที่ประเทศสวีเดนและเดนมาร์ก
โดยการไปดูงานครั้งนี้นอกจากจะมีคณะนักศึกษาพตส.แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่กกต.ที่เป็นนักศึกษา พตส.รุ่นที่ 5 เจ้าหน้าที่กกต.ที่มีหน้าที่อำนวยความสะดวกในหลักสูตร พตส. และยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่กกต.ที่ไม่ได้เป็นนักศึกษา พตส. ร่วมเดินทางไปด้วยประมาณ 10 คน
สำหรับการเรียนการสอนหลักสูตร พตส. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองของสำนักงานกกต. เพื่อใช้ในการฝึกอบรม โดยจะได้รับงบประมาณ 10.5 ล้านบาทต่อ 1 รุ่น และแต่ละรุ่น จะมีนักศึกษาพตส. ประมาณ 80 คน ประกอบด้วยตัวแทนจากพรรคการเมือง หน่วยงานข้าราชการ และภาคเอกชน ส่วนการเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศนั้นเป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตร พตส. ซึ่ง กองทุนพัฒนาพรรคการเมืองจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้หัวละ 5 หมื่นบาท หากการดูงานทริปใดค่าใช้จ่ายเกิน บุคคลนั้นต้องผู้ออกค่าใช้จ่ายเองแต่โดยส่วนใหญ่นักศึกษาที่มาจากหน่วนงานรัฐ ก็จะสามารถไปเบิกส่วนเกินนี้จากต้นสังกัดได้เช่นเดียวกับนักศึกษาพตส. ที่เป็นเจ้าหน้าที่กกต. ส่วนค่าดูงานต่างประเทศที่เกิน 5 หมื่นบาท ทางสำนักงานกกต. ก็จะเป็นผู้จ่ายให้ ส่วนกกต.ที่เดินทางไปด้วยนั้นสำนักงานกกต.จะผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ซึ่งการไปดูงานต่างประเทศครั้งนี้ ทั้ง 2 คณะ ได้ใช้ค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางเฉลี่ย 1 แสนกว่าบาทต่อ 1 คน
ทั้งนี้ ตลอดสองสัปดาห์ที่ทั้ง 2 คณะเดินทางไปต่างประเทศ เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสำนักงานกกต. ในทำนองวิตกกังวลว่าจะเหมาะสมหรือ เพราะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีนโยบายว่าขอให้ข้าราชการงดการเดินทางไปต่างประเทศหากไม่มีเหตุจำเป็นและถึงแม้เงินดังกล่าวจะเป็นของสำนักงานฯและกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองแต่ ก็เป็นเงินภาษีประชาชานที่รัฐจัดสรรมาให้ไว้อุดหนุนพรรคการเมือง อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการปฏิรูปในด้านต่างๆ ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการปฏิรูปจะกำหนดการเลือกตั้งออกมาเป็นรูปแบบใด
