“ถาวร” ฉุน “จตุพร” ปากดี ท้าให้ข้อมูลคดีชายชุดดำ แย้มไม่กล้ากลัวสาวถึงตัวการใหญ่ แฉสั่งฆ่าปิดปากชายชุดดำปิดปาก ชี้ “กริชสุดา” แค่ทางผ่านน้ำเลี้ยง ด้าน “เหวง” โวยวาย “สมยศ” แถลงข่าวปรักปรำเสื้อแดง สติแตกทำ สตช.เสื่อม
วานนี้ (16 ก.ย.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.กล่าวถึงกรณีที่ พล.ท.มนัส เปาริก หรือ เสธ.หยอย อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ถูกกล่าวพาดพิงว่ามีความเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ต้องหาชายชุดดำที่ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงใส่ทหารและประชาชนในช่วงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายรายว่า ในวันที่ 17 เม.ย. พล.ท.มนัสมีนัดเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อคุมตัวพร้อมสำนวนคดีส่งฟ้องต่ออัยการศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงคราม ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเชื่อว่า พล.ท.มนัส จะชี้แจงเรื่องที่มีชื่อไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มชายชุดดำนี้ด้วยตนเอง
“ถาวร” ชี้ “จตุพร” รู้ดีเรื่องชุดดำ
ด้าน นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ขอให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกตนไปสอบสวนฐานปกปิดซ่อนเร้นสถานที่ให้ชายชุดดำ 4 คนที่มาพบเพื่อขอเงินแลกกับการเปิดเผยข้อมูลกองกำลังชุดดำว่า ถือเป็นพฤติกรรมกินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้องของนายจตุพร เพราะรู้ทั้งรู้ว่าใครต้องการฆ่าปิดปากชายชุดดำที่ทำงานแล้วถูกหักหลัง เพราะนายจตุพรเองอยู่ในเหตุการณ์ปลุกปั่นมวลชนทั้งในปี 2552-2553
“ผมขอถามว่าใครที่อมเงินที่สัญญาว่าจะให้กับกลุ่มกองกำลังชุดดำติดอาวุธในปี 2552-2553 แต่คงไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะกลัวสาวไปถึงตัวใหญ่ ดังนั้นอย่าใช้ลูกไม้ดึงผมไปเป็นเครื่องมือในคดีนี้” นายถาวร กล่าว
ท้าไปให้การตำรวจพร้อมกัน
นายถาวรกล่าวต่อว่า หากตนถูกคำสั่งเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมายก็พร้อมที่จะนำพยาน หลักฐานทั้งหมดที่มีเกี่ยวกับกรณีนี้ไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรม แต่อยากถามเจ้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้เช่นกันว่า เหตุใดพนักงานสอบสวนจึงสอบขยายผลคดีและตั้งฐานความผิดแค่การใช้อาวุธและเครื่องกระสุนในที่สาธารณะ ทำไมไม่ขยายผลสอบโดยประสานกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษที่มีสำนวนเดิมในเรื่องนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์สร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความรุนแรงในช่วงปี 2552 ที่มวลชน นปช.ที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล และช่วงการชุมนุมในเดือน เม.ย.- พ.ค.53 ต่อมา น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือ เปิ้ล สหายสุดซอย เป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวที่โอนเงินให้คนชุดดำ แต่เหตุใดถูกสร้างภาพให้กลายเป็นเจ้าแม่ยิ่งใหญ่ ทั้งที่เป็นแค่สะพานเชื่อมไม่ใช่ตัวใหญ่หรือนายทุนเจ้าของเงินตัวจริง และพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่เสียชีวิตเพราะถูกอาวุธชนิดใดและเป็นการสร้างสถานการณ์ล็อคเป้าเพื่อมุ่งหวังอะไร เหตุใดตำรวจเจ้าของคดีจึงไม่ขยายผลขอข้อมูลจากคณะกรรมาธิการการสิทธิมนุษยชน วุฒิสภา ที่มี นายสมชาย แสวงการ เป็นประธานที่ทำการสอบสวนข้อมูลจนได้ข้อสรุป ทำไมตัดตอนแค่คดีใช้อาวุธในที่สาธารณะเท่านั้น
"วันนี้ตำรวจที่มีอำนาจก็เป็นชุดเดียวกับยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงขอท้านายจตุพรว่า หากผมให้ความร่วมมือบอกกล่าวความจริงแล้ว นายจตุพรพร้อมที่จะไปให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะอยู่ในเหตุการณ์ทั้งปี 52-53 ฉะนั้นอย่าทำปากดี” นายถาวร ระบุ
ยุ “บิ๊กต๊อก” สั่งดีเอสไอรื้อคดี
นายถาวร กล่าวอีกว่า จนขอถามว่าตำรวจมีความจริงใจในการสืบสาวเพื่อทำความกระจ่างในคดีนี้ต่อสังคมหรือไม่ มากน้อยเพียงใด หรือกลัวอะไรอยู่ และขอวิงวอนไปถึง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สั่งการให้ดีเอสไอรื้อคดีที่เกี่ยวข้องตามข้อเท็จจริงของพยาน หลักฐานใหม่ที่ปรากฏ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ที่เพิ่งระบุเองว่า "ถ้าสังคมรู้ถึงคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วจะตกใจ" ขอให้มีความกล้าหาญและความจริงใจในการใช้อำนาจกวาดล้างความชั่วออกจากสังคม อย่าให้สังคมอึมครึม อย่างน้อยก็เห็นแก่ พล.อ.ร่มเกล้านายทหารรุ่นน้องที่ถูกฆ่าตายในเหตุการณ์นี้ ช่วยหาความเป็นธรรมให้ผู้ล่วงลับและครอบครัวที่ยังอยู่ ไม่ต้องนิรโทษกรรมให้บรรดาแกนนำและคนทำผิด
“เหวง” โหวกเหวก ตร.ใส่ร้าย นปช.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว “นพ.เหวง โตจิราการ” อ้างถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศออกมาแถลงการจับกุมกลุ่มชายชุดดำ ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนและวัตถุระเบิด ยิงใส่เจ้าหน้าที่ ระหว่างการชุมนุมบริเวณแยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในวันนั้น พล.ต.อ.สมยศ แถลงว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เวลาประมาณ 20.00 น.มีการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนตะนาว และบริเวณข้างเคียง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติ ขณะนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายแต่งกายเป็นชายชุดดำ ใช้อาวุธสงครามยิง และขว้างระเบิดใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร และพี่น้องประชาชน จนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตายจำนวนหลายราย รวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุในคืนวันนั้นด้วย
ทั้งนี้ นพ.เหวง ระบุว่า นี่เป็นความจงใจที่จะประกาศให้ประชาชนไทยทั้งประเทศ เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่า ชายชุดดำมีจริง และชายชุดดำได้ปฏิบัติการโดยการใช้อาวุธสงครามจริง เพื่อสังหารและทำลายทหาร รวมไปถึงการสังหาร พ.อ.ร่มเกล้า จริง นั่นหมายความว่า นปช.มีกองกำลังติดอาวุธที่เป็นชายชุดดำจริง และกองกำลังติดอาวุธดังกล่าวทำหน้าที่ในการสังหารและทำร้ายทหารและประชาชนจริง หรือจะให้ถึงที่สุดก็คือ นปช.เป็นผู้ก่อการร้ายจริงใช่หรือไม่
จวก “บิ๊กอ๊อด” ทำ สตช.เสื่อม
นพ.เหวง กล่าวด้วยว่า วันนี้ทางตำรวจนำตัวผู้ต้องหา 7 คน ไปส่งฟ้องอัยการ ด้วยข้อกล่าวหาความผิดฐาน ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490 ซึ่งไม่ปรากฏข้อกล่าวหาว่า มีการใช้อาวุธสงครามยิง และขว้างระเบิดใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร และพี่น้องประชาชน จนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตายจำนวนหลายราย รวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุในคืนวันนั้น แต่ปล่อยให้ตำรวจคนอื่นมาอธิบาย
“พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วงครับ คุณเป็นคนนำการแถลงเองในวันนั้นนะครับ คุณรับผิดชอบต่อการแถลงของคุณหรือไม่ครับ? คุณเป็นห่วงความน่าเชื่อถือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติบ้างหรือเปล่า?” นพ.เหวง ระบุ
ฉะ “ถาวร-วัชระ” ได้ทีขี่แพะไล่
นพ.เหวง ยังได้กล่าวถึง นายถาวร และนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า อีกฟากหนึ่ง นายถาวร และนายวัชระ ก็ทำตัวเป็น พวกได้ทีขี่แพะไล่ ตนสงสัยว่า เรื่องที่นายถาวรและนายวัชระนำมาแถลงนั้น ก็เป็นเรื่องที่ปรากฏสำเร็จแล้วในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหตุใดจึงไม่ ดำเนินการกับชายชุดดำตั้งแต่ในสมัยที่เป็นรัฐบาลอยู่ ผ่านไป 2 ปีภายหลังเหตุการณ์ 19 พ.ค.53 ไม่เห็นจับชายชุดดำได้แม้เพียงคนเดียว
“นั่นแปลง่ายๆว่า ไม่มีชายชุดดำนั่นเอง ถ้ามีชายชุดดำ มีหรือรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะปล่อยให้หลุดมือไปแม้เพียงวันเดียว ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับประจานตนเองว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ไร้น้ำยา ไร้ความสามารถอย่างสิ้นเชิงในการจับชายชุดดำนั่นเอง ไม่เช่นนั้นพวกคุณต้องตอบว่า ทำไมจับชายชุดดำไม่ได้แม้เพียงคนเดียว?” นพ.เหวง ระบุ
วานนี้ (16 ก.ย.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.กล่าวถึงกรณีที่ พล.ท.มนัส เปาริก หรือ เสธ.หยอย อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ถูกกล่าวพาดพิงว่ามีความเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ต้องหาชายชุดดำที่ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงใส่ทหารและประชาชนในช่วงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายรายว่า ในวันที่ 17 เม.ย. พล.ท.มนัสมีนัดเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อคุมตัวพร้อมสำนวนคดีส่งฟ้องต่ออัยการศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงคราม ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเชื่อว่า พล.ท.มนัส จะชี้แจงเรื่องที่มีชื่อไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มชายชุดดำนี้ด้วยตนเอง
“ถาวร” ชี้ “จตุพร” รู้ดีเรื่องชุดดำ
ด้าน นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ขอให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกตนไปสอบสวนฐานปกปิดซ่อนเร้นสถานที่ให้ชายชุดดำ 4 คนที่มาพบเพื่อขอเงินแลกกับการเปิดเผยข้อมูลกองกำลังชุดดำว่า ถือเป็นพฤติกรรมกินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้องของนายจตุพร เพราะรู้ทั้งรู้ว่าใครต้องการฆ่าปิดปากชายชุดดำที่ทำงานแล้วถูกหักหลัง เพราะนายจตุพรเองอยู่ในเหตุการณ์ปลุกปั่นมวลชนทั้งในปี 2552-2553
“ผมขอถามว่าใครที่อมเงินที่สัญญาว่าจะให้กับกลุ่มกองกำลังชุดดำติดอาวุธในปี 2552-2553 แต่คงไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะกลัวสาวไปถึงตัวใหญ่ ดังนั้นอย่าใช้ลูกไม้ดึงผมไปเป็นเครื่องมือในคดีนี้” นายถาวร กล่าว
ท้าไปให้การตำรวจพร้อมกัน
นายถาวรกล่าวต่อว่า หากตนถูกคำสั่งเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมายก็พร้อมที่จะนำพยาน หลักฐานทั้งหมดที่มีเกี่ยวกับกรณีนี้ไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรม แต่อยากถามเจ้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้เช่นกันว่า เหตุใดพนักงานสอบสวนจึงสอบขยายผลคดีและตั้งฐานความผิดแค่การใช้อาวุธและเครื่องกระสุนในที่สาธารณะ ทำไมไม่ขยายผลสอบโดยประสานกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษที่มีสำนวนเดิมในเรื่องนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์สร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความรุนแรงในช่วงปี 2552 ที่มวลชน นปช.ที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล และช่วงการชุมนุมในเดือน เม.ย.- พ.ค.53 ต่อมา น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือ เปิ้ล สหายสุดซอย เป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวที่โอนเงินให้คนชุดดำ แต่เหตุใดถูกสร้างภาพให้กลายเป็นเจ้าแม่ยิ่งใหญ่ ทั้งที่เป็นแค่สะพานเชื่อมไม่ใช่ตัวใหญ่หรือนายทุนเจ้าของเงินตัวจริง และพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่เสียชีวิตเพราะถูกอาวุธชนิดใดและเป็นการสร้างสถานการณ์ล็อคเป้าเพื่อมุ่งหวังอะไร เหตุใดตำรวจเจ้าของคดีจึงไม่ขยายผลขอข้อมูลจากคณะกรรมาธิการการสิทธิมนุษยชน วุฒิสภา ที่มี นายสมชาย แสวงการ เป็นประธานที่ทำการสอบสวนข้อมูลจนได้ข้อสรุป ทำไมตัดตอนแค่คดีใช้อาวุธในที่สาธารณะเท่านั้น
"วันนี้ตำรวจที่มีอำนาจก็เป็นชุดเดียวกับยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงขอท้านายจตุพรว่า หากผมให้ความร่วมมือบอกกล่าวความจริงแล้ว นายจตุพรพร้อมที่จะไปให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะอยู่ในเหตุการณ์ทั้งปี 52-53 ฉะนั้นอย่าทำปากดี” นายถาวร ระบุ
ยุ “บิ๊กต๊อก” สั่งดีเอสไอรื้อคดี
นายถาวร กล่าวอีกว่า จนขอถามว่าตำรวจมีความจริงใจในการสืบสาวเพื่อทำความกระจ่างในคดีนี้ต่อสังคมหรือไม่ มากน้อยเพียงใด หรือกลัวอะไรอยู่ และขอวิงวอนไปถึง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สั่งการให้ดีเอสไอรื้อคดีที่เกี่ยวข้องตามข้อเท็จจริงของพยาน หลักฐานใหม่ที่ปรากฏ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ที่เพิ่งระบุเองว่า "ถ้าสังคมรู้ถึงคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วจะตกใจ" ขอให้มีความกล้าหาญและความจริงใจในการใช้อำนาจกวาดล้างความชั่วออกจากสังคม อย่าให้สังคมอึมครึม อย่างน้อยก็เห็นแก่ พล.อ.ร่มเกล้านายทหารรุ่นน้องที่ถูกฆ่าตายในเหตุการณ์นี้ ช่วยหาความเป็นธรรมให้ผู้ล่วงลับและครอบครัวที่ยังอยู่ ไม่ต้องนิรโทษกรรมให้บรรดาแกนนำและคนทำผิด
“เหวง” โหวกเหวก ตร.ใส่ร้าย นปช.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว “นพ.เหวง โตจิราการ” อ้างถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศออกมาแถลงการจับกุมกลุ่มชายชุดดำ ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนและวัตถุระเบิด ยิงใส่เจ้าหน้าที่ ระหว่างการชุมนุมบริเวณแยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในวันนั้น พล.ต.อ.สมยศ แถลงว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เวลาประมาณ 20.00 น.มีการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนตะนาว และบริเวณข้างเคียง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติ ขณะนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายแต่งกายเป็นชายชุดดำ ใช้อาวุธสงครามยิง และขว้างระเบิดใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร และพี่น้องประชาชน จนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตายจำนวนหลายราย รวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุในคืนวันนั้นด้วย
ทั้งนี้ นพ.เหวง ระบุว่า นี่เป็นความจงใจที่จะประกาศให้ประชาชนไทยทั้งประเทศ เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่า ชายชุดดำมีจริง และชายชุดดำได้ปฏิบัติการโดยการใช้อาวุธสงครามจริง เพื่อสังหารและทำลายทหาร รวมไปถึงการสังหาร พ.อ.ร่มเกล้า จริง นั่นหมายความว่า นปช.มีกองกำลังติดอาวุธที่เป็นชายชุดดำจริง และกองกำลังติดอาวุธดังกล่าวทำหน้าที่ในการสังหารและทำร้ายทหารและประชาชนจริง หรือจะให้ถึงที่สุดก็คือ นปช.เป็นผู้ก่อการร้ายจริงใช่หรือไม่
จวก “บิ๊กอ๊อด” ทำ สตช.เสื่อม
นพ.เหวง กล่าวด้วยว่า วันนี้ทางตำรวจนำตัวผู้ต้องหา 7 คน ไปส่งฟ้องอัยการ ด้วยข้อกล่าวหาความผิดฐาน ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490 ซึ่งไม่ปรากฏข้อกล่าวหาว่า มีการใช้อาวุธสงครามยิง และขว้างระเบิดใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร และพี่น้องประชาชน จนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตายจำนวนหลายราย รวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุในคืนวันนั้น แต่ปล่อยให้ตำรวจคนอื่นมาอธิบาย
“พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วงครับ คุณเป็นคนนำการแถลงเองในวันนั้นนะครับ คุณรับผิดชอบต่อการแถลงของคุณหรือไม่ครับ? คุณเป็นห่วงความน่าเชื่อถือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติบ้างหรือเปล่า?” นพ.เหวง ระบุ
ฉะ “ถาวร-วัชระ” ได้ทีขี่แพะไล่
นพ.เหวง ยังได้กล่าวถึง นายถาวร และนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า อีกฟากหนึ่ง นายถาวร และนายวัชระ ก็ทำตัวเป็น พวกได้ทีขี่แพะไล่ ตนสงสัยว่า เรื่องที่นายถาวรและนายวัชระนำมาแถลงนั้น ก็เป็นเรื่องที่ปรากฏสำเร็จแล้วในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหตุใดจึงไม่ ดำเนินการกับชายชุดดำตั้งแต่ในสมัยที่เป็นรัฐบาลอยู่ ผ่านไป 2 ปีภายหลังเหตุการณ์ 19 พ.ค.53 ไม่เห็นจับชายชุดดำได้แม้เพียงคนเดียว
“นั่นแปลง่ายๆว่า ไม่มีชายชุดดำนั่นเอง ถ้ามีชายชุดดำ มีหรือรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะปล่อยให้หลุดมือไปแม้เพียงวันเดียว ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับประจานตนเองว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ไร้น้ำยา ไร้ความสามารถอย่างสิ้นเชิงในการจับชายชุดดำนั่นเอง ไม่เช่นนั้นพวกคุณต้องตอบว่า ทำไมจับชายชุดดำไม่ได้แม้เพียงคนเดียว?” นพ.เหวง ระบุ