ASTV ผู้จัดการรายวัน-แพทยสภาคาด 2 เดือน เคาะความผิดหมออุ้มบุญเคส "น้องแกรมมี่" และพ่อชาวญี่ปุ่น จ่อเรียกตัวสอบเพิ่ม ส่วนหมออุ้มบุญอีก 3 รายเข้าคณะอนุฯจริยธรรมพิจารณาแล้ว 1 เดือนรู้ผล ด้าน พม.เผย ยังไม่มีแม่อุ้มบุญยื่นจดแจ้งสิทธิ คาดกลัวเสียผลประโยชน์ - ถูกข่มขู่ เตรียมหารือร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระบุมีเด็กในกำกับดูแล 12 ราย เพิ่งคลอด 1 ราย ถูกส่ง ตปท.แล้ว 3 รายทั้งไม่อนุญาตหนุ่มญี่ปุ่นเข้าเยี่ยม - ส่งพี่เลี้ยงมาดูแล เหตุยังไม่ชัดเป็นพ่อจริง
วานนี้ (15 ก.ย.) ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนทางจริยธรรมแพทย์ที่ดำเนินการอุ้มบุญ ตามที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ยื่นรายชื่อว่าเข้าข่ายกระทำผิดตามประกาศของแพทยสภา ว่า สำหรับแพทย์ 3 รายแรกนั้น คณะอนุกรรมการด้านจริยธรรมเฉพาะกิจ ซึ่งมี พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร เป็นประธานนั้น พิจารณาแล้วพบว่ามีมูลตามคำร้อง ขณะนี้ได้ยื่นเรื่องส่งไปยังคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ ที่มี นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เป็นประธานการสอบสวน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนจึงจะได้ข้อสรุปในการกำหนดโทษ โดยระหว่างนี้อาจมีการเรียกตัวแพทย์ทั้ง 3 รายมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม รวมไปถึงอาจมีการขอดูเวชระเบียนด้วย
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแพทย์ 3 รายที่เหลือ ขณะนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการจริยธรรมเฉพาะกิจแล้ว ซึ่งจะต้องมีการเรียกตัวแพทย์ทั้ง 3 รายมารับทราบข้อกล่าวหา และให้โอกาสในการอธิบายชี้แจง คาดว่าภายใน 1 เดือนจะทราบผลว่ามีมูลความผิดตามที่ สบส.ยื่นเรื่องมาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทย์ 3 รายที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ ประกอบด้วย พทย์จากคลินิกเอสเออาร์ที 2 ราย คือ แพทย์ผู้ดำเนินการอุ้มบุญเคสน้องแกรมมี่ และแพทย์ที่เป็นเจ้าของคลินิก ส่วนอีกรายคือ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟ ที่ดำเนินการอุ้มบุญเคส นายชิเกตะ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น
วันเดียวกัน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวภายหลังการประชุมมอบนโยบายเบื้องต้นให้กับคณะผู้บริหารของกระทรวง พม. ว่า ขณะนี้มีนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องทำ คือ เรื่องของการอุ้มบุญ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่จะต้องบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น รวมถึงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ และเตรียมความพร้อมประชากรสู่ประชาคมอาเซียน
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า พม. อาจจะมีการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวง เพื่อให้ขับเคลื่อนตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้สิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายจะต้อง เข้าใจ เข้าถึง พัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และจะต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส บูรณาการร่วมกัน ทั้งหน่วยงานภายในกระทรวง และกระทรวงอื่นๆ
รมวพม. กล่าวด้วยว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์นั้น จะต้องใช้กฏหมาย มาตรา 15 ของพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 โดยเตรียมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ หรือศูนย์วอร์รูม เพื่อติดตามผลการแก้ไขปัญหาสังคมรอบด้าน และรายงานผลการปฏิบัติงานทุกวัน โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาปฎิบัติงานที่ศูนย์ดังกล่าว ซึ่งจะเริ่มจัดตั้งที่กระทรวง พม. ทั้งนี้คาดว่าภายใน 3-6 เดือน จะเห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวจะช่วยแก้ไขปัญหาสังคมต่างๆ ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาอุ้มบุญ ว่า ในที่ประชุม ได้มีการรายงานถึงความคืบหน้าการติดตามเยี่ยมบ้านหญิงอุ้มบุญกรณีนายมิตสุโตกิ ชิเกตะ ซึ่ง พม.ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ติดตามเยี่ยมบ้านหญิงอุ้มบุญทั้ง 11 ราย โดยมีบุตรที่เกิดจากหญิงอุ้มบุญจำนวน 16 ราย และปัจจุบันมีเด็กที่ถูกนำออกนอกประเทศแล้ว 3 ราย โดยอยู่ในความดูแลของพส. จำนวน 12 ราย และพึ่งคลอดอีก 1 ราย ขณะนี้พม.ได้นับดำเนินการดูแลเด็กแล้ว ส่วนแม่อุ้มบุญได้ให้นักจิตวิทยาเข้าไปดูแลเยียวยา และช่วยเหลือการประกอบอาชีพ ขณะที่กรณีที่แม่อุ้มบุญ 4 รายมีความประสงค์ต้องการนำเด็กไปดูแลนั้น จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากแม่จะต้องมีความพร้อมอย่างมาก
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ทนายความของนายชิเกตะ ต้องการจะเข้าเยี่ยมให้ความช่วยเหลือในการนำพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลเด็กนั้น ทางพม.ไม่อนุญาต เนื่องจากยังพิสูจน์ไม่ได้หรือไม่มีการรับรองว่าเป็นพ่อที่แท้จริง ส่วนการจดแจ้งลงทะเบียนผู้ที่ตั้งครรภ์แทนหรือแม่อุ้มบุญ ที่เปิดรับจดแจ้งหลังวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ที่ได้รับรายงานมีเพียงผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาขอให้คำปรึกษา แต่ยังไม่มีบุคคลมาจดแจ้งแต่อย่างใด ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหญิงอุ้มบุญกลัวเสียผลประโยชน์หรือถูกข่มขู่ไว้ จะมีการนำเรื่องนี้มาพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในอีก 2 สัปดาห์ พม.จะเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงแพทยสภา มาร่วมประชุม
วานนี้ (15 ก.ย.) ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนทางจริยธรรมแพทย์ที่ดำเนินการอุ้มบุญ ตามที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ยื่นรายชื่อว่าเข้าข่ายกระทำผิดตามประกาศของแพทยสภา ว่า สำหรับแพทย์ 3 รายแรกนั้น คณะอนุกรรมการด้านจริยธรรมเฉพาะกิจ ซึ่งมี พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร เป็นประธานนั้น พิจารณาแล้วพบว่ามีมูลตามคำร้อง ขณะนี้ได้ยื่นเรื่องส่งไปยังคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ ที่มี นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เป็นประธานการสอบสวน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนจึงจะได้ข้อสรุปในการกำหนดโทษ โดยระหว่างนี้อาจมีการเรียกตัวแพทย์ทั้ง 3 รายมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม รวมไปถึงอาจมีการขอดูเวชระเบียนด้วย
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแพทย์ 3 รายที่เหลือ ขณะนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการจริยธรรมเฉพาะกิจแล้ว ซึ่งจะต้องมีการเรียกตัวแพทย์ทั้ง 3 รายมารับทราบข้อกล่าวหา และให้โอกาสในการอธิบายชี้แจง คาดว่าภายใน 1 เดือนจะทราบผลว่ามีมูลความผิดตามที่ สบส.ยื่นเรื่องมาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทย์ 3 รายที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ ประกอบด้วย พทย์จากคลินิกเอสเออาร์ที 2 ราย คือ แพทย์ผู้ดำเนินการอุ้มบุญเคสน้องแกรมมี่ และแพทย์ที่เป็นเจ้าของคลินิก ส่วนอีกรายคือ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟ ที่ดำเนินการอุ้มบุญเคส นายชิเกตะ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น
วันเดียวกัน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวภายหลังการประชุมมอบนโยบายเบื้องต้นให้กับคณะผู้บริหารของกระทรวง พม. ว่า ขณะนี้มีนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องทำ คือ เรื่องของการอุ้มบุญ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่จะต้องบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น รวมถึงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ และเตรียมความพร้อมประชากรสู่ประชาคมอาเซียน
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า พม. อาจจะมีการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวง เพื่อให้ขับเคลื่อนตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้สิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายจะต้อง เข้าใจ เข้าถึง พัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และจะต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส บูรณาการร่วมกัน ทั้งหน่วยงานภายในกระทรวง และกระทรวงอื่นๆ
รมวพม. กล่าวด้วยว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์นั้น จะต้องใช้กฏหมาย มาตรา 15 ของพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 โดยเตรียมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ หรือศูนย์วอร์รูม เพื่อติดตามผลการแก้ไขปัญหาสังคมรอบด้าน และรายงานผลการปฏิบัติงานทุกวัน โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาปฎิบัติงานที่ศูนย์ดังกล่าว ซึ่งจะเริ่มจัดตั้งที่กระทรวง พม. ทั้งนี้คาดว่าภายใน 3-6 เดือน จะเห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวจะช่วยแก้ไขปัญหาสังคมต่างๆ ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาอุ้มบุญ ว่า ในที่ประชุม ได้มีการรายงานถึงความคืบหน้าการติดตามเยี่ยมบ้านหญิงอุ้มบุญกรณีนายมิตสุโตกิ ชิเกตะ ซึ่ง พม.ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ติดตามเยี่ยมบ้านหญิงอุ้มบุญทั้ง 11 ราย โดยมีบุตรที่เกิดจากหญิงอุ้มบุญจำนวน 16 ราย และปัจจุบันมีเด็กที่ถูกนำออกนอกประเทศแล้ว 3 ราย โดยอยู่ในความดูแลของพส. จำนวน 12 ราย และพึ่งคลอดอีก 1 ราย ขณะนี้พม.ได้นับดำเนินการดูแลเด็กแล้ว ส่วนแม่อุ้มบุญได้ให้นักจิตวิทยาเข้าไปดูแลเยียวยา และช่วยเหลือการประกอบอาชีพ ขณะที่กรณีที่แม่อุ้มบุญ 4 รายมีความประสงค์ต้องการนำเด็กไปดูแลนั้น จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากแม่จะต้องมีความพร้อมอย่างมาก
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ทนายความของนายชิเกตะ ต้องการจะเข้าเยี่ยมให้ความช่วยเหลือในการนำพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลเด็กนั้น ทางพม.ไม่อนุญาต เนื่องจากยังพิสูจน์ไม่ได้หรือไม่มีการรับรองว่าเป็นพ่อที่แท้จริง ส่วนการจดแจ้งลงทะเบียนผู้ที่ตั้งครรภ์แทนหรือแม่อุ้มบุญ ที่เปิดรับจดแจ้งหลังวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ที่ได้รับรายงานมีเพียงผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาขอให้คำปรึกษา แต่ยังไม่มีบุคคลมาจดแจ้งแต่อย่างใด ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหญิงอุ้มบุญกลัวเสียผลประโยชน์หรือถูกข่มขู่ไว้ จะมีการนำเรื่องนี้มาพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในอีก 2 สัปดาห์ พม.จะเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงแพทยสภา มาร่วมประชุม