xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องลึกดิจิตอล"อสมท"จอดับ ผลพวงแห่งเกมผลประโยชน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ช่วงนี้วงการ “ดิจิตอลทีวี”ดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะกองเชียร์-กองแช่ง ที่ลุ้นอยู่กับอนาคตของ “ช่อง 3 อนาล็อก”ที่ยังลูกผีลูกคนจะ“จอดำ”เมื่อไรก็ไม่รู้ ขณะที่ดู“กสทช.” ซัดไปมากับ“ช่อง 3”เพลินๆ ก็มีเหตุการณ์ขโมยซีนเกิดขึ้น เมื่อโครงข่ายดิจิตอลทีวีของ อสมท ที่เป็นหนึ่งในแม่ข่าย (Mux)ที่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. ดันมาชิง “จอดำ”ไปก่อนหน้า“ช่อง 3 อนาล็อก”เสียอีก
ตามข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา โครงข่ายดิจิตอลทีวีของ อสมท ในพื้นที่ กทม.-เชียงใหม่ ที่ประกอบไปด้วย“MCOT HD–MCOT Family–สปริงนิวส์ –ไทยรัฐทีวี –วอยซ์ทีวี” ไม่สามารถรับชมได้ราว 8 ชั่วโมง ก่อนที่จะกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ทำให้บรรดา บิ๊กของ อสมท กรูออกมาแก้ต่างว่า เหตุการณ์ “จอดำ”เกิดจากการขัดข้องทางเทคนิก ท่ามกลางความงุนงงของคนฟังว่า เหตุใดโครงข่ายของทั้ง 2 พื้นที่นี้ จึงได้สามัคคีพร้อมเพรียงกันขัดข้องได้
ขุดคุ้ยไปก็ปรากฏว่า เครื่องส่งสัญญาณที่สถานีใบหยก 2 และ เชียงใหม่ เป็นของ “เทคทีวี”ซึ่งเป็นบริษัทฯที่ชนะการประกวดราคาจัดซื้ออุปกรณ์ส่งสัญญาณดิจิตอลทีวีของ อสมท ไปก่อนหน้านี้
**ฟันธงได้เลยว่าเหตุการณ์“จอดำ”ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรืออุบัติเหตุอย่างแน่นอน
เรื่องราวดูเหมือนจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี แต่ต่อมากลับเกิดเหตุการณ์ “จอดำ”ขึ้นอีกครั้ง เมื่อช่วงเที่ยงๆ ของวันที่ 14 ก.ย. ให้หลังเหตุการณ์ครั้งแรกเพียง 3 วัน แต่ปรากฏว่าครั้งล่าสุดนี้ ทาง อสมท ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงใดๆ เลย
ไถ่ถามไปยังผู้บริหาร “เทคทีวี”เจ้าของเครื่องส่งสัญญาณที่ให้บริการอยู่ทั้ง 2 สถานี ก็ชี้แจงว่า สาเหตุที่ “จอดำ”เมื่อวันที่ 11 ก.ย.เกิดมาจาก “เทคทีวี”ต้องการที่จะยุติการให้บริการเครื่องส่งและอุปกรณ์ส่วนควบที่ติดตั้งบนทั้ง 2 สถานีที่ว่า เพราะสิ้นสุดระยะทดลองออกอากาศมานานหลายเดือน หากยังให้ทาง อสมท เชื่อมต่อสัญญาณ ก็เกรงว่าจะติดหางเลขทำผิดกฎหมายไปด้วย เพราะใบอนุญาตทดลองออกอากาศของ อสมท ที่ได้จากรับจาก กสทช. ก็ได้หมดอายุลงแล้วเช่นกัน
ขณะเดียวกันการออกอากาศของ อสมท ทุกวันนี้ ทาง “เทคทีวี”บริการให้แก่ อสมท โดยไม่คิดสะตุ้งสตังค์ ตามเอ็มโอยู ในโครงการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องส่งสัญญาณ จนแล้วจนรอดโครงการจัดซื้อที่ “เทคทีวี”เป็นผู้ชนะประกวดราคา กลับถูกประวิงเวลา ไม่มีทีท่าจะเดินหน้าต่อ แถมยังมีหนังสือขอยกเลิกโครงการ โดยไร้ซึ่งเหตุผลออกมาอีก ทั้งที่ได้ลงทุนล่วงหน้าไปหลายร้อยล้านกับโครงการนี้ สร้างความเสียหายให้กับบริษัทฯ เป็นอย่างมาก ตรงนี้คือความจำเป็นที่ “บิ๊กเทคทีวี” ระบายความในใจออกมา
แต่แล้วก็มี “สายตรง”จากทางฝั่ง อสมท ขอร้องให้ “เทคทีวี”เชื่อมต่อสัญญาณคืนให้ก่อน เพราะเหตุการณ์“จอดำ”มีผลกระทบต่อผู้บริโภคในวงกว้าง เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว “เทคทีวี”ก็ยินยอมที่จะเปิดเครื่องส่งสัญญาณให้ แถมใจดีอัพเกรดเฟิร์มแวร์ให้อีกต่างหาก
รุ่งขึ้น 12 ก.ย. “ดวงใจ มหารักขกะ”รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ก็เรียกผู้เช่าโครงข่ายทั้ง 3 ราย “สปริงนิวส์–ไทยรัฐทีวี–วอยซ์ทีวี”เข้ามาชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ได้จัดเตรียมเครื่องเพื่อนำไปติดตั้งแทนเครื่องของ “เทคทีวี”โดยจะแล้วเสร็จภายใน 2 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 14 ก.ย.
จุดนี้เองเป็นสาเหตุทำให้ “จอดำ”ซ้ำอีกครั้ง เมื่อ “เทคทีวี”ได้ตัดสินใจยุติการออกอากาศ เพราะเกรงว่าการส่งสัญญาณจะซ้ำซ้อนกัน จึงต้องนำสัญญาณลงทั้ง 2 สถานี
**ดูจากปฏิบัติการของ“เทคทีวี”สะท้อนว่างานนี้ “แตกหัก”อย่างแน่นอน แต่ทาง “เทคทีวี”ก็ให้เหตุผลว่า ไม่ได้มีเจตนาที่ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง อสมท แล้วไม่ต่ำกว่า 3 ฉบับ แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ แถม อสมท ยังคงใช้เครื่องส่งที่ 2 สถานีนี้ให้บริการและคิดค่าบริการแก่ผู้เช่าโครงข่ายแบบเต็มอัตราอีกต่างหาก
ทั้งยังมีปมปัญหาที่ทาง อสมท สร้างขึ้นเองอีก โดย อสมท มีหนังสือได้แจ้งไปยัง กสทช. ว่าได้ทำการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณครบทั้ง 7 สถานีตามที่ กสทช. กำหนด โดยระบุว่าเป็นเครื่องเช่าจาก “เทคทีวี”ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะมีเพียงเครื่องส่งที่“ใบหยก 2”กับ “เชียงใหม่”เท่านั้นที่เป็นของ “เทคทีวี”และเป็นลักษณะให้ยืมทดลองออกอากาศฟรี ไม่ใช่การเช่าอย่างที่ อสมท แจ้งให้ กสทช. ทราบ
ตีความง่ายๆ ก็เท่ากับ อสมท ให้ข้อมูลเท็จต่อ กสทช.
เรื่องราวที่ยุ่ง ชุลมุนระหว่าง “อสมท - เทคทีวี”ก็มาจากโครงการจัดซื้อที่ใกล้แล้วเสร็จ คณะกรรมการคัดเลือกฯได้ลงมติเป็นเอกฉันท์แล้วให้ “เทคทีวี”เป็นผู้ดำเนินโครงการ แต่ถูก “มือมืด”หาทางสกัดไว้อย่างต่อเนื่อง ลากยาวมานานนับหลายเดือน แถมยังมีการตั้งโครงการจัดเช่าเครื่องส่งสัญญาณขึ้นมาซ้ำซ้อนอีก โดยมีข่าวว่า บอร์ด อสมท บางคน หวังผลประโยชน์เบี้ยใบ้รายทางจากค่าเช่าที่ อสมท ต้องจ่าย
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจากภายใน อสมท เองที่ท้วงติงว่า งบประมาณโดยรวมของการจัดเช่านั้นสูงกว่าการจัดซื้อ และ ที่สำคัญ อสมท ในฐานะเจ้าของใบอนุญาต กลับไม่มีกรรมสิทธิ์ในการควบคุมเครื่องส่งที่เช่ามาเหล่านี้ แต่เสียงคัดค้านเหล่านี้กลับไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในชั้นการพิจารณาของบอร์ด
ในความขมุกขมัวของ อสมท ดินแดนสนธยาแห่งนี้ ก็ยังมีแสงสว่างให้เห็นอยู่บ้าง เมื่อหน่วยงานรับผิดชอบและผู้บริหารภายใน อสมท บางราย ได้พยายามแก้ปัญหา ด้วยการนำเรื่องโครงการจัดซื้อกลับเข้าสู่ที่ประชุม บอร์ด อสมท เพื่อพิจารณาดำเนินการต่ออีกหลายครั้ง แต่ก็ถูกขัดขวางโดย “บอร์ดรายหนึ่ง”มาโดยตลอด เมื่อไม่สามารถผลักดันให้โครงการจัดซื้อเข้าที่เข้าทางที่ควรจะเป็นได้ ก็เท่ากับเป็นการเปิดทางโดยตรงให้โครงการจัดเช่าดำเนินการต่อไปได้
**ด้วยข้อกำหนดของ กสทช ที่ให้ “แม่ข่าย”อย่าง อสมท ต้องมีเครื่องส่งสัญญาณเป็นของตัวเอง สุดท้ายก็ต้องมีโครงการจัดซื้อเกิดขึ้นไม่เร็วก็ช้า โดยขณะนี้ภายใน อสมท มีกระแสข่าวกระหึ่มว่า ฝ่ายบริหาร และบอร์ดบางคนได้เตรียมชงโครงการจัดซื้ออุปกรณ์รอบใหม่ขึ้นมาอีก โดยครั้งนี้ ใช้งบประมาณเกือบ 2,000 ล้านบาท
ขณะที่ “เทคทีวี”ชนะการประกวดราคาที่ 440 ล้านบาท เรียกได้ว่า แพงกว่ากันถึงเกือบ 5 เท่าตัว
เมื่อเรื่องราวลุกลามบานปลายถึงขนาดนี้แล้ว ก็เสมือนทางสองแพร่ง ที่ อสมท ต้องเลือกเดิน ทางหนึ่งคือ ดื้อดึงจัดเช่าอุปกรณ์ต่อไป ประวิงเวลาโครงการจัดซื้อ ก็เป็นไปได้สูงที่ในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์ “จอดำ”ซ้ำรอยขึ้นอีก เพราะ อสมท ไม่สามารถควบคุมการกระจายสัญญาณในส่วนของเครื่องเช่าได้เลย เนื่องจากไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเครื่องส่ง
อีกทางหนึ่งคือเดินหน้าโครงการจัดซื้อให้แล้วเสร็จ แต่หากหาเรื่องตั้งโครงการขึ้นมาใหม่ ด้วยงบประมาณที่สูงลิบลิ่ว ก็คงไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย ทั้งในแง่ความโปร่งใสของการใช้งบประมาณ และอีกด้านที่ “เทคทีวี”ในฐานะผู้เสียหายฟ้องร้องไว้ที่ศาลอีก
ไม่ว่าจะเลือกทางไหน คนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยตรง ก็คือบรรดาผู้เช่าโครงข่ายของ อสมท ทั้ง “สปริงนิวส์–ไทยรัฐทีวี–วอยซ์ทีวี” รวมไปถึงประชาชนที่รับชมรายการ ที่ไม่มีความมั่นคงในโครงข่ายส่งสัญญาณของ อสมท เลย
**สุดท้ายผู้ชม-ผู้บริโภค ก็เป็นตัวประกันในเกมแห่งผลประโยชน์นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น