xs
xsm
sm
md
lg

คืนความสุขไม่ใช่คืนความลำบาก ผู้บริหารช่อง 3 ยัน ไม่ใช่ตัวถ่วงทีวีดิจิตอล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์  รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและโฆษณา ของช่อง 3
ย้ำอีกครั้ง! ผู้บริหารช่อง 3 ประกาศชัดไม่ใช่ตัวถ่วงระบบทีวีดิจิตอล เชื่อคนที่เสียผลประโยชน์คือประชาชน พร้อมเจรจาพูดคุยเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบบทีวีดิจิตอล แต่ต้องยอมรับว่าการทำธุรกิจ ย่อมมีทั้งฝ่ายได้และเสียผลประโยชน์ วอนอย่ามองว่าหลังจากนี้จอจะดำหรือไม่ ขอหนทางเจรจาที่ดีทุกฝ่าย พร้อมชี้จุดอ่อนทีวีดิจิตอลมีหลายปัจจัย รวมถึงเรื่องเนื้อหาและคุณภาพ ยันทำธุรกิจยึดผู้ถือหุ้นเป็นหลักเพราะเป็นบริษัทมหาชน ย้ำฟรีทีวีเคยดูฟรีจะเสียเงินหรือ? ชี้สังคมต้องคืนความสุข ไม่ใช่สร้างความลำบากให้แก่กัน

เรียกว่ากำลังเป็นที่สนอกสนใจและวิพากษ์วิจารณ์กันพอสมควรหลังคำสั่งของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ในความพยายามที่จะยุติการออกอากาศของ “ช่อง 3” ที่ออกอากาศ ในระบบอนาล็อกผ่านทางระบบทีวีดาวเทียม กับเคเบิลทีวี โดยยืนยันว่าขัดต่อกฎระเบียบต่างๆ ที่ออกมาในคืนวันที่ 1 ก.ย.2557 ที่ผ่านมา ทำให้ลุ้นกันว่าตกลงช่อง 3 จอจำหรือไม่ดำ แต่ในที่สุด ช่อง 3 ก็ออกแถลงการณ์ 8 ข้อ พร้อมด้วยให้ "สรยุทธ์ สุทัศนจินดา" กล่าวในรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ถึงกรณีนี้ พร้อมออกว่าคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ฉบับที่ 27 คุ้มครองไว้ จึงยังสามารถออกอากาศได้ตามปกติ

แม้ว่าจะเกิดข้อหาจากเจ้าของช่องทีวีดิจิตอลที่ร่วมประมูลและคนดูในกลุ่มลูกค้าเคเบิลและดาวเทียมว่าจะดูได้หรือไม่ “นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและโฆษณา ของช่อง 3 กล่าวในวันเปิดบวงสรวงละครฟอร์มยักษ์แห่งปี ซีรีย์เลือดมังกร เสือ สิงห์ กระทิง แรด หงส์ และย้ำชัดอีกครั้งย้ำถ้อยแถลง 8 ข้ออีกครั้งว่า อย่ามองว่าช่อง 3 คือตัวถ่วงของทีวีดิจิตอล แต่อยากให้มองต่างมุม ว่าแท้ที่จริงแล้วที่ผ่านมาช่อง 3 ก็ประมูลในราคาที่มากกว่าเจ้าอื่นและคนที่ต้องลำบากใจคือคนดู และเจ้าของทีวีดาวเทียมและเคเบิลมากกว่า และยืนยันว่าในทางธุรกิจเมื่อคนหนึ่งได้ประโยชน์คนหนึ่งต้องเสียประโยชน์เป็นเรื่องธรรมดา

“ทุกคนก็คงอยากจะสถานการณ์มันออกมา win-win ให้ทุกคนได้ประโยชน์ กสท.ก็จะได้เข้าช่วงเปลี่ยนผ่าน ณ ปัจจุบันคือว่าทุกคนต่างมีวัตถุประสงค์ของตัวเอง ต่างคนต่างก็กดดันให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องได้ แต่ก็ต้องมีอีกฝ่ายหนึ่งที่เสียประโยชน์ขงอีกหนึ่งคน ถ้าคิดดูแนวแบบนี้ยังไงมันก็ไม่จบเสียที มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา เรามีความพยายามที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านแต่ในขณะเดียวกันเราไม่ได้เคารพในสิทธิ์ในการทำธุรกิจเดิมอยู่ นั่นคือช่อง 3 ทุกคนต้องการให้ช่อง 3 ไปอยู่ในนั้นทั้ง กสทช.และ 20 กว่าช่องที่ไปอยู่ในดิจิตอล ก็คงต้องมาหาทางออกออกต้องทำอย่างไร”

“ทุกๆอย่างมันก็การทำหนึ่งอย่างมันมีผลกระทบเป็นอย่างอื่น การที่ไม่ให้ช่อง 3 ออนแอร์ในเคเบิล ในดาวเทียม ก็จะให้เจ้าของเคเบิลและดาวเทียมก็จะต้องลำบากใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่า 70เปอร์เซ็นต์ของคนดูทางบ้านรับชมเขาก็ดูช่อง 3 ด้วย นอกเหนือไปจากดูอย่างอื่น ที่เขามีเอาไว้เป็นเพย์ทีวี ส่วนหนึ่งคือเข้าต้องยอมรับว่าเขาดูช่อง 3 ในอดีตไม่ว่าจะเคเบิลหรือดาวเทียมต่างจังหวัด ระดับประเทศธุรกิจมันเริ่มก่อตั้งขึ้นมาได้คือเริ่มมาจากอนาล็อก อาจจะไม่ใช่ช่อง 3 ช่องเดียว แต่ก็คือช่องอื่นด้วย มีคนนิยมสูงในหลายช่อง กลายว่าเขาต้องพึ่งเรา ความคุ้นเคยของผู้ชมที่อยู่ในโครงข่าย กับช่องเรา ถ้าไม่ช่องเรา ถามว่าเขามีปัญหามั้ย เขามีแน่นอน สมาชิกตัวเองก็เป็นเคเบิลถ้าเป็นดาวเทียมก็ต้องไปตอบคนที่ซื้อจานไปว่า มันหายไปไหน สิ่งที่ผมพยายามจะบอกคือว่า สถานภาพมันคือฟรีทีวี สิ่งที่เรากำลังทำมาอยู่นี่คือทำอย่างไรจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ก็ต้องถามว่าช่อง 3 ไม่ได้อยู่ตรงที่เราเคยอยู่ ใครได้ประโยชน์”

ผู้บริหารช่อง 3 ยืนยันว่า ทีวีดิจิตอลมีองค์ประกอบหลายอย่างในความอยู่รอด ไม่ใช่แค่เรื่องโฆษณาอย่างเดียว แต่รวมไปถึงคุณภาพและตัวเนื้อหาด้วย เผยมติ 15 วันหลังจากนี้รอการพูดคุยเจรจาที่น่าจะเป็นที่พอใจของทุกๆฝ่าย

“จะบอกว่าช่อง 3 ไม่ได้เสียอะไรมานี่ก็ไม่ถูกต้อง ช่อง 3 เวลาที่เขาอยู่ในดิจิตอลทีวี เขาไปประมูลมา ชื่อบริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จะบอกว่าช่อง3 เตะถ่วงและไม่เห็นด้วยกับธุรกิจนี้เป็นไปได้อย่างไร ช่อง 3 คือผู้ประมูลที่เยอะที่สุดในนั้น ผมใช้เงินเยอะที่สุดนั้น ทุกวันที่ดิจิตอลทีวีไม่เจริญ ไม่คืบหน้าอย่างที่เราควรจะไป เราเป็นผู้ที่ขาดทุนเยอะที่สุด ผมอยากจะให้มองดูว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ในฐานะคนที่ทำคอนเท็นต์ ผมขอบคุณทุกท่านที่คิดว่าเราคือส่วนสำคัญที่จะทำให้การเปลี่ยนผ่านมีความสำเร็จ ส่วนตัวเราเองไปประมูล 3 ช่องเราคิดอยู่แล้วครับว่า คุณภาพของการทำรายการเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ปัจจัยอื่นๆ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของทางการเช่นการขยายเน็ตเวิร์กเร็วๆ การให้คูปองแจกเร็วๆ คือมันต้องมาด้วยกัน ในแง่ของการทุจริต มันคือแค่นี้แหละ หลายอย่างมันก็มาไม่พร้อมกัน”

“ตอนนี้ถ้าดูจากข่าวล่าสุดจะเห็นล่าสุด ภายใน 15 วัน ก็ว่ากันไป ในส่วนของเรา เท่าที่เราทราบ ก็มีการเจรจาขอให้เราหาแนวทางร่วมกับเขา ผมว่าก็เป็นสิ่งที่ดีในสิ่งที่เราร่วมทำอยู่ มันก็เป็นการหาแนวทางร่วมกันว่าจะทำอย่างไรน่าจะเป็นสิ่งที่ดี ที่ผ่านมาคนนี้ต้องการแบบนี้ก็ออกมากดดันแบบนี้ มันก็อย่างที่ผมบอกว่า เวลาอีกคนได้ ผลเสียมันไปกับอีกคนหนึ่ง มันก็ลำบากในการกดดัน ผมหวังว่าผู้ประกอบการทุกคนก็มองทางออกที่ดีที่สุด ก็เริ่มมีการเจรจาหาแนวทาง ที่ผ่านมาบอกว่าอ้างอันนี้อันนั้น ตอนนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือ เรากำลัง ดูว่าเราจะเจรจากันอย่างไรน่าจะเป็นสิ่งที่ดี ถ้าจะมารอดูว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ผลจากการเจรจาก็หวังว่าจะออกมาสมประสงค์กันทุกฝ่าย โดยที่ไม่มีใครไปนั่ง เสียเปรียบมากมายเสียหายกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมจะบอกว่า แพ้ไม่มีอยู่นั้น เราก็เสียหายทางธุรกิจ คนดูก็เสียหาย เพราะอยู่ๆแล้วลำบาก เคยดูอยู่ ฉันจะไปดูเลือดมังกรที่ไหนดีเนี่ย กลายเป็นสร้างความลำบาก ผมเข้าใจว่าทุกอย่างในบ้านเราตอนนี้ มันน่าจะเป็นการคืนความสุข ไม่ใช่สร้างความลำบาก”

กับกรณีดังกล่าวนายสุรินทร์เผยว่าไม่กังวลต่อภาพลักษณ์ของช่อง 3 ต่อการวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเรื่องของธุรกิจผู้ถือหุ้นคือกลไกสำคัญในการบริหาร และยืนยันกว่าอนาล็อกจะมีค่าโฆษณาแพงก็ต้องมีระยะเวลา ทีวีดิจิตอลก็เช่นเดียวกัน

“ภาพลักษณ์ก็ไม่กังวล ทุกคนก็ต้องมีแนวในการทำธุรกิจเรียนทุกๆครั้งว่าเราทำธุรกิจกับสื่อว่าวันที่เราไปประมูลมา 3 ช่องเราก็รู้อยู่แล้วว่าเรากำลังทำอะไรแล้วผมต้องขอบอกทุกท่านว่า ใครทำธุรกิจก็ทำไป ไม่จำเป็นต้องมาบังคับผม มาบอกว่าผมต้องทำธุรกิจผมอย่างไร หรือผมจะทำอย่างไรก็เป็นเรื่องวิธีการ”

“ส่วนเรื่องโฆษณาของทุกๆอย่างมันมีช่วงเวลาของมัน อนาล็อกไม่ได้แพงแบบนี้ตั้งแต่วันแรก ผู้ประกอบการที่อยู่ในอนาล็อกก็ไม่ได้รวยตั้งแต่วันแรก ประสบความสำเร็จตั้งแต่วันแรก ทุกอย่างมีช่วงเวลาของมัน เพราฉะนั้นดิจิตอลก็เหมือนกัน อนาล็อกอดีตเรามี 4-6 ช่อง ปัจจุบันเราสู้กัน 24 ช่อง อันที่ 2 คือสภาพเศรษฐกิจที่มันขาลง เพราะฉะนั้นเงินกองกลางน้อยลง ลองคิดดู บวกกับปัจจัยอื่นในทางลบ เน็ตเวิร์กไม่พร้อม ผู้ประกอบการไม่พ่ร้อม คอนเท็นต์ไม่แข็งแรงพอ เนื้อหาไม่ตื่นเต้น ไม่น่าขวนขวาย หากล่องมาติด ความล่าช้า มันมีหลายองค์ประกอบนอกจากมาบอกว่าผมอยู่ในอนาล็อกแล้วมันไม่เกิด”

อสมท.อยากให้ไปคุยเรื่องสัญญาใหม่?
“พวกนี้คือพัฒนาการที่เกิดขึ้นมาใหม่หลังจากเมื่อวานนี้ ก็ว่ากันไป ตั้งแต่เริ่มอนาล็อกรายการผมบางรายการผมก็ออกไปอยู่ในบางช่องตามความเหมาะสม สิ่งหนึ่งที่เรามองคือเรามีอีก 3 หน้าต่างให้เราเปลี่ยนผ่านรายการ มีความยืดหยุ่นสูง แต่ถ้าเอาตรงนี้ไปใส่ในตรงนั้น ผมมองว่าตรงนั้นคือการดำเนินการธุรกิจของเรานะ ต้องมาบังคับมันก็ไม่ถูกต้อง คนที่ทำอะไรกับผมได้ก็คืออยู่ในผู้ถือหุ้นเรา เพราะเราเป็นบริษัทมหาชน ผมคิดว่ามันน่าจะมีความยุติธรรมอยู่ตรงนั้น อาจจะต้องแยกเป็นคนละเรื่อง ถ้าหากเป็นเรื่องที่เข้าใจในปัจจุบันว่าเราคือตัวถ่วงก็ตอบไปแล้วชัดเจนว่าต้องดูดีๆว่าคอนเท็นต์ไม่ดีหรือปัจจัยอื่นหรือเปล่า เยอะแยะไปหมดที่เราทราบกัน”

ก่อนทิ้งท้ายว่าไม่กดดันกับเรื่องราวดังกล่าวและพร้อมเจรจาพูดคุยให้ได้ข้อสรุป แต่ยังย้ำว่าฟรีทีวีต้องได้ดูฟรี

“จริงๆไม่กดดัน ผมเข้าใจว่ามีความเข้าใจในแต่ละพื้นฐานไม่เท่ากันเพราะฉะนั้นข้อมูลที่ออกไปก็ไม่เท่า คนรับทราบก็ไม่เท่ากัน คนก็เข้าใจว่าจะจอดำ บางคนก็ตื่นเต้น อย่างดาวเทียมก็ตื่นเต้น เคเบิลตื่นเต้นเพราะว่ามันคือธุรกิจเขา เพราะเขามองว่าช่อง 3 อยู่ในส่วนสำคัญที่เป็นฟรีทีวีที่เขาไม่ต้องซื้อ คนดูของเขาติด ผมบอกเลยว่าเขาดูเคเบิล ดาวเทียม เขาติดตรงนั้นเพราะว่าเขาไม่สามารถดู ช่อง 3 เขาใช้หนวดกุ้งก้างปลาไม่ได้ก็มี เคเบิลต่างจังหวัดก็ก้าวเข้ามาในจังหวะนั้นเพราะมันสะดวกและดูได้ ก็กลายเป็นว่าเคเบิลต่างจังหวัดก็ได้ด้วย ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้มันมีมาตั้งนานแล้ว เวลาได้ยินว่ามันจะหายไป ส่วนตัวคือธุรกิจเขาด้วย เขาจะตอบสมาชิกเขาอย่างไร ไม่จ่ายแล้ว ไปเอาอย่างอื่นเขาก็เสียหาย จริงๆแล้วดูเหมือนว่าผมเสียหาย แต่เอาเข้าจริงๆใครเสียหายกันกันแน่ แล้วแต่ว่าเรามองมุมไหน เราไปถามคนที่กระทบเขาก็จะออกมา แต่ตอนนี้คนที่เขากระทบจากผมก็ออกมา ผมก็พยายามจะอธิบายเหตุผลว่าผมไม่น่าทำให้เขากระทบ ชัดเจนนะครับ เคเบิลไม่อยากให้เป็นจอดำ ผมเป็นฟรีทีวีนะ ผมดูฟรีจะให้ไปเสียตังค์หรือ”
ประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร  และ ผู้อำนวยการอาวุโส สายธุรกิจโทรทัศน์ ช่อง 3

ประวิทย์ มาลีนนท์ กับสมรักษ์ ณรงค์วิชัย  ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายผลิตรายการ ของช่อง 3
งานเปิดตัวซีรีย์เลือดมังกร เสือ สิงห์ กระทิง แรด หงส์
ผู้บริหารช่อง 3 กับเหล่านักแสดงจากซีรีย์เลือดมังกร เสือ สิงห์ กระทิง แรด หงส์
สรุยทธ์ สุทัศนะจินดา กล่าวถึงกรณีช่อง 3 ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้

กำลังโหลดความคิดเห็น